รู้ลมระลึกพุทโธข้อปฏิบัติผิด ใครทำสมาธิอยู่ต้องฟังไม่งั้นทำผิด
Vložit
- čas přidán 16. 07. 2024
- 00:00 เนื้อหาสาระ
00:56 ถ้าไม่รู้จักมิจฉาสมาธิ ที่ทำสมาธิผิดหมด
03:05 สมาธิกับความสงบไม่เหมือนกัน ตามคำพระพุทธเจ้าอย่างไร
04:05 รู้ลมระลึกพุทโธ ไม่สงบจากกิเลส เป็นมิจฉาสมาธิ ข้อปฏิบัติผิด
05:16 ทำสมาธิแต่ไม่มีปัญญารู้อะไรเป็นมิจฉาสมาธิเป็นบาปเพราะพุทธคือปัญญา
06:19 หายใจเข้าพุทธหายใจออกโธ ไม่ใช่พุทธานุสสติ ไม่ใช่การระลึกคุณพระพุทธเจ้า
10:27 พุทโธไม่ใช่อุบายให้สงบเพราะเริ่มต้นผิดด้วยความไม่รู้ เพราะเข้าใจคำว่าสงบผิดและสมาธิไม่ใช่ความสงบ
12:26 ทำสมาธิยุคปัจจุบันทำกันผิดเกือบทั่วโลกเพราะไม่รู้จักมิจฉาสมาธิ
12:58 เหตุเกิดปัญญาและการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา
13:35 ให้ทิ้งตำราทิ้งปริยัติคำของมหาโจรปล้นพระพุทธศาสนาอย่างไร
17:48 ยึดเอาพระสอนผิด นั่นคือ การปรามาสพระพุทธเจ้า ปรามาสพระธรรมและปรามาสพระอริยสงฆ์ มีท่านพระสารีบุตร เป็นต้น
20:28 หายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกก็รู้ว่าหายใจออก ไม่มีปัญญารู้ความจริง ปฏิบัติผิด
22:46 ทำสมาธิเพื่อได้สิ่งดีชีวิตได้กิเลสเพิ่มบาป ไม่ใช่อานิสงส์สมาธิที่ถูกต้อง
23:56 ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา ที่ถูกต้องนั้นคืออย่างไร
25:09 สมาธินั่งได้นานแต่ไม่รู้อะไร ยิ่งนานยิ่งเพิ่มบาปไม่ได้บุญ
29:08 หนทางดับกิเลส สติปัฏฐาน อริยมรรค อบรมเจริญอย่างไร
34:20 การดูจิตข้อปฏิบัติผิดในพระพุทธศาสนาอย่างไร
42:58 อานาปานสติที่ถูกและไม่ใช่อานาปานสติคืออย่างไร
ขออนุโมทนา
พุทโธไม่ใช่อุบายให้สงบเพราะเริ่มต้นผิดด้วยความไม่รู้ เพราะเข้าใจคำว่าสงบผิดและสมาธิไม่ใช่ความสงบ
กุศโลบาย ต้องเป็นสิ่งที่เป็นกุศล เป็นปัญญา เป็นสิ่งที่ถูกตั้งแต่ต้น ถ้าผิดจะทำให้ถูกได้อย่างไรเพราะเริ่มต้นผิด เข้าใจ พุทธนุสสติผิด เข้าใจ สงบผิด เข้าใจสมาธิผิด การเข้าใจผิดเริ่มต้นผิดเรียกว่า อกุศลโลบาย นำไปที่เพิ่มความไม่รู้ นิ่งไม่รู้อะไร เป็นต้น สมถภาวนาจึงเป็นเรื่องเห็นโทษของกิเลส และมีปัญญา ไม่ใช่เริ่มจากกิเลส อยากสงบ นั่นไม่ใช่การเจริญสมถภาวนาครับ
การนิ่งอยู่ในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดเป็นลักษณะของสมาธิ ไม่ใช่ลักษณะของสมถะ ที่เป็นความสงบ ครับ สงบในที่นี้มุ่งหมายถึง สงบจากกิเลส คือ โลภะ โทสะและโมหะ ขณะที่พยายามประคอง จดจ้องในคำว่าพุทโธ มีความต้องการอย่างละเอียด ที่จะประคองไม่ให้คิดเรื่องอื่น อยู่ที่ลมหายใจ นิ่ง ไม่คิดเรื่องอื่น แต่มีความต้องการเป็นโลภะ ไม่สงบแล้วครับ แต่ไม่รู้ตัว ขณะนั้นที่ทำ ไม่รู้อะไร เป็นโมหะ คือความไม่รู้ ครับ ก็ไม่สงบ ดังนั้นเราจะต้องศึกษาธรรมทีละคำให้เข้าใจครับ ในคำว่า สงบ สมาธิ คืออะไรตามคำพระพุทธเจ้าครับ
ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ🙏🙏🙏🥰
ขอบคุณที่ทำให้รู้สัมมาสมาธิได้อย่างถูกต้องแท้จริงครับ❤😇
สาธุ ผมพบสัตบุรุษ 🙏
คุณเผดิม สิ่งที่คุณสอนหรือบอกกล่าวไม่ถูกต้องนะ กลับตัวได้ก็กลับ ขอขมาพระรัตนตรัยแล้วหยุดการกระทำเสีย ผลที่คุณกระทำตอนนี้อาจยังไม่เห็นผล แต่เมื่อตายไปแล้วไม่ใช่อเวจีนะ โลกันตมหานรกรอคุณอยู่ ถึงแม้ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาอีกสัก 10 พระองค์ คุณก็ยังไม่โผล่มาเลย เราเตือนด้วยความหวังดี
@@zeno3388 เพราะไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไว้เป็นหลัก เพื่อเป็นเหตุปัจจัยแก่ความเจริญขึ้นของปัญญา ก็ติเตียนผู้อื่นที่กล่าวตามพุทธพจน์ว่ามัวเมา เพราะไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร หลงกราบไหว้ด้วยความไม่รู้ ก็เป็นคนนอกศาสนาแอบอ้างคำพระศาสดามาสนับสนุนความเห็นผิดตน
ขอบคุณค่ะ ที่แนะนำความรู้ที่มีประโยชน์
ขอบพระคุณมากค่ะสาธุ
นองขอบคุณค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณค่ะ
สาธุขอรับ
น้อมอนุโมทนา
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
สอนดีคะ
สาธุ สาธุ สาธุ คะ
สาธุ สาธุ ครับท่าน อาจารย์ ที่ นำเอา พุทธธรรม มาวิเคราะห์และแบ่งปัน..ขอบคุณความเจตนาดี ของท่านครับ
สาธุค่ะ
น้อมกราบสาธุ
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
เชียร์คะ
ขอบพระคุณนะคะที่กรุณา แนะนำ รับทราบค่ะ
ยินดีครับ เพราะเรื่องสมาธิ เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แนะนำ ฟังบ่อยๆค่อยๆเข้าใจครับผม อนุโมทนาที่รับฟังครับ
ยินดีในกุศลทุกประการ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
คำว่าพุทโธคือคนที่มีจิตยังไม่งบครูบาอาจารย์ให้ภาวนาเพื่อให้จิตไม่ไปคิดถึงเรื่องอื่นๆที่เข้ามาในขณะนั่งสมาธิให้ภาวนาให้จดอยู่อารมณ์กนึ่งเดียวเพราะคนที่นั่งสมาธินั้นยังไม่จิตหนึ่งเดียวจึงให้ภาวนาคนที่ยังไม่สมาธินั้นเป็นอุบายเท่านั้นคนที่มีสมาธิแล้วไม่ต้องภานาแล้วพอมีสมาธิไม่ต้องภาวนาอะไรคุณก็จรืงแต่คนที่นั่งสมาธิใหม่ๆเขายังมีจิตไม่สงบเข้าจึงให้ภาวนาเพื่อให้ไม่ไปคิดถึงอื่นที่ตัวเองคิดหนหลังที่ผ่านมาคนที่ไม่ต้องภาวนาอะไรนั่นหมายความคนจำพวก้ขาฝึกสมามานมนานไม่ภาวนาอะไนก็ได้ถ้าคนไม่เคยทำสมาธิละพวกที่ไม่เคยนั่งจิตสงบอะไรไหมคุณพูดถึงคนที่เขามีสมาธิเข้าวิปัสสนาแล้วคนที่ยังภาวนาอยู่ยังเป็นสมถะกัมมัฏฐานยังจะต้องภาวนาอะไรก็ได้คือฝึกใหม่ๆเพราะไม่ให้คิดนอกลู่นอกลอยคุณซื่อบื่อเองคนมันไม่เหมือนกันคนที่ทำสมาธิเป็นอาจิณพวกนั้นจิตเขาสงบแล้วพอนั่งสมาธิก็เข้าสมาธิไม่ต้องภาวนาอะไรๆแล้วถ้าคนไม่เคยนั่งละจะทำได้แบบคุณพูดๆนั่นหมายบุคลเข้าถึงสมาธิแล้วคุณไม่ได้ศึกษาว่ามันทั้งสมถะกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐานถ้าคนที่เขาพึ่งจะเริ่มทำกัมมัฏฐานถ้าหาอุบายให้คนต้องภาวนาไม่ใช่ให้คนนั่งไม่ต้องภาวนาคนๆนั้นจะจิดสงบได้อย่างไรคุณเอาคนที่ช่ำของมาเปรียบเทียบไม่ได้คุณคิดหรือว่าไม่ให้คนนั่งสมาธิไม่ต้องภาวนาแล้วคนที่ไม่เคยนั่งจะให้จิตสงบได้ฤาเพราะคนไม่เคยนั่งมันจะทำสมาธิไม่ได้เพราะคิดแต่เรื่องอื่นๆครูบาาจารย์จึงใช้อุบายให้คนที่ไม่เคยนั่งยังไม่สงบจิตขวัดแข่วงที่คุณพูดมาก็ถูกแต่คุณพูดอย่างนั้นแล้วคุณหรือว่าบุคคลนั้นๆจะทำสมาธืได้
เราเข้าใจคำว่า สมาธิผิด สงบผิด ครับ
พุทโธไม่ใช่อุบายให้สงบเพราะเริ่มต้นผิดด้วยความไม่รู้ เพราะเข้าใจคำว่สงบผิดและสมาธิไม่ใช่ความสงบ
กุศโลบาย ต้องเป็นสิ่งที่เป็นกุศล เป็นปัญญา เป็นสิ่งที่ถูกตั้งแต่ต้น ถ้าผิดจะทำให้ถูกได้อย่างไรเพราะเริ่มต้นผิด เข้าใจ พุทธนุสสติผิด เข้าใจ สงบผิด เข้าใจสมาธิผิด การเข้าใจผิดเริ่มต้นผิดเรียกว่า อกุศลโลบาย นำไปที่เพิ่มความไม่รู้ นิ่งไม่รู้อะไร เป็นต้น สมถภาวนาจึงเป็นเรื่องเห็นโทษของกิเลส และมีปัญญา ไม่ใช่เริ่มจากกิเลส อยากสงบ นั่นไม่ใช่การเจริญสมถภาวนาครับ
การนิ่งอยู่ในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดเป็นลักษณะของสมาธิ ไม่ใช่ลักษณะของสมถะ ที่เป็นความสงบ ครับ สงบในที่นี้มุ่งหมายถึง สงบจากกิเลส คือ โลภะ โทสะและโมหะ ขณะที่พยายามประคอง จดจ้องในคำว่าพุทโธ มีความต้องการอย่างละเอียด ที่จะประคองไม่ให้คิดเรื่องอื่น อยู่ที่ลมหายใจ นิ่ง ไม่คิดเรื่องอื่น แต่มีความต้องการเป็นโลภะ ไม่สงบแล้วครับ แต่ไม่รู้ตัว ขณะนั้นที่ทำ ไม่รู้อะไร เป็นโมหะ คือความไม่รู้ ครับ ก็ไม่สงบ ดังนั้นเราจะต้องศึกษาธรรมทีละคำให้เข้าใจครับ ในคำว่า สงบ สมาธิ คืออะไรตามคำพระพุทธเจ้าครับ
ท่องระลึกพุทโธไม่ใช่พุทธานุสสติ
การระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พุทธานุสสติ ในกัมมฐาน๔๐ ไม่ใช่การท่องพุทโธ แต่การระลึกคุณถึงพระพุทธเจ้าคืออะไร คือ การระลึกถึงคุณของพระองค์ มีพระปัญญาอย่างไร มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างไร ประกอบด้วยคุณทศพลญาณ อย่างไร แล้วพุทธานุสสติ จะระลึกคุณตามที่กล่าวมาได้อย่างไร ถ้าพุทธบริษัท ไม่ศึกษาธรรมให้เข้าใจว่าพระองค์แสดงธรรมอะไรบ้าง ธรรมคืออะไร ก็ไม่รู้ ขณะนี้มีธรรมไหม ปัญญาพระองค์รู้ความจริงอะไร ก็ไม่รู้ ให้นกแก้ว นกขุนทอง มาท่องพุทโธ นั่นคือ สัญญา ความจำ ที่เกิดกับอกุศลก็ได้ กุศลก็ได้ ไม่ได้ระลึกถึงพระคุณ ไม่เป็นกุศล เป็นความจำ เอาคนนนอกศาสนาไม่เข้าใจธรรมเลย มาท่องพุทโธ บอกระลึกคุณพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่รู้อะไรเลย จะเป็นพระพุทธศาสนา เป็นการระลึกถึงพระคุณได้อย่างไร ต่างจากคนที่ศึกษาธรรม เริ่มเข้าใจ ใจน้อมไปถึงพระคุณได้ ไม่ต้องท่องพุทโธเลย เป็นพุทธานุสสติแล้วครับ นี่คือ ปัญญาที่เกิดพร้อมสัญญา แต่ไม่ใช่ สัญญา จำแต่ไม่รู้อะไร นั่นคือ สัญญาเกิดพร้อมความไม่รู้ โมหะ แล้วก็มีความอยากที่จะจดจ้องลมหายใจ อยากสงบ อยากที่จะจดจ้องพุทโธ นั่นก็คือความอยากคือกิเลส คือโลภะโดยไม่รู้ตัวครับ นี่คือความละเอียดของพระธรรม ค่อยๆให้อ่านพิจารณาหลายๆรอบ จะเริ่มเข้าใจครับ
สมาธิ เป็นความตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ เอกัคคตาเจตสิก ซึ่งเป็นเจตสิกธรรมหนึ่งที่จะต้องเกิดร่วมกับจิตทุกขณะ ทุกประเภท ไม่มีเว้น ดังนั้น ทุกขณะมีสมาธิเกิดแน่นอน แต่ที่น่าพิจารณา คือ ถ้าเกิดกับอกุศลก็เป็นมิจฉาสมาธิ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเกิดกับกุศลก็เป็นสัมมาสมาธิ เพราะเป็นความถูกต้อง ในขณะที่เป็นกุศล จะเป็นอกุศลไม่ได้
สมาธิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว เป็นเจตสิกประการหนึ่งที่ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ และก็จะต้องมีสมาธิซึ่งเป็นเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมกับจิตทุกครั้งทุกขณะ ไม่เว้นเลย ตั้งมั่นในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ ดังนั้น ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน จึงไม่ปราศจากสมาธิเลย เพราะเกิดกับจิตทุกขณะ และที่ควรพิจารณา คือ สมาธิหรือเอกัคคตาเจตสิก เกิดกับอกุศลก็เป็นอกุศลสมาธิ
อกุศลสมาธิ เช่น การนั่งสมาธิ ไม่ควรเจริญ ไม่ควรประกอบ ซึ่งขณะนั้นเป็นไปกับด้วยความต้องการ อยากจะสงบ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ความสงบ เป็นเรื่องของกุศลธรรม อกุศลสมาธิไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม มีปัญญาเป็นต้น มีแต่จะเพิ่มพูนความไม่รู้และอกุศลธรรมอื่นๆ ต่อไป
ในสมัยพุทธกาล อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นเพศฆราวาส ไม่ได้ทำอะไรให้ชีวิตผิดปกติ เพราะท่านเข้าใจว่า ธรรม เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน การเจริญอบรมปัญญา ความสงบจึงไม่ต้องไปทำอะไรให้ผิดปกติโดยการนั่งสมาธิ แต่ท่านเข้าใจถูกและอบรมปัญญาในชีวิตประจำวัน และทำกิจการงานดังเช่นคฤหัสถ์ในปัจจุบันด้วย ดังเช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ที่เป็นพ่อค้าและเป็นอริยสาวก และอบรมปัญญา เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน มีการให้ทาน รักษาศีล อบรมปัญญา โดยไม่ได้ไปปลีกวิเวก หาที่นั่งสงบเลย เพราะความสงบ คือ จิตใจที่เป็นกุศลที่เกิดได้ในชีวิตประจำวัน เพราะจิตที่ดี สงบ ไม่ได้เลือก
ดังนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องสมาธิ ในสมัยพุทธกาลว่า สมาธิ มีสองอย่าง คือ สัมมาสมาธิ และ มิจฉาสมาธิ สมาธิใดที่เป็นความตั้งมั่น ที่ไม่ได้หมายถึง จะต้องไปนั่งสมาธิ แต่ขณะแม้เพียงขณะจิตเดียวก็มีสมาธิ แต่เป็นความตั้งมั่น ขณะจิตที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยที่รู้ความจริงที่เป็นวิปัสสนาภาวนา ขณะนั้นก็มีสมาธิด้วย และเป็นสัมมาสมาธิที่เป็นสมาธิที่ควรเจริญ
ส่วนการกระทำที่ได้แต่ความนิ่ง ไม่ทำให้เกิดปัญญาความรู้ พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงว่าเป็น มิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง เพราะเกิดกับอกุศลจิต มี โลภะ และ โมหะ เป็นต้น คือ มีความต้องการที่จะทำ อยากที่จะสงบ อันเป็นความต้องการที่เป็นโลภะ และขณะที่นิ่งก็ไม่รู้อะไร ขณะนั้นก็มีโมหะเกิดร่วมด้วย พระพุทธเจ้าทรงติเตียนมิจฉาสมาธิว่าไม่ควรเจริญ ครับ
ขออนุโมทนา
การตัดสินถูกผิดไม่ใช่เพราะคำหลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ แต่ต้องตัดสินตามคำพระพุทธเจ้า ปัญหาของชาวพุทธ คือ ไม่ศึกษาพระธรรม ไม่เทียบเคียง ไม่พิจารณาว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร แต่จะไปเชื่อว่าหลวงพ่อ หลวงปู่พูดว่ายังไง ก็นับถือภิกษุมากกว่าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าให้มีพระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ และให้เทียบเคียงกับพระธรรมไม่ว่าใครพูด(มหาปเทส ๔) ก็ให้เทียบเคียงกับพระธรรมก็จะรู้ว่าถูกหรือผิด คำว่า พุทโธ บริกรรมพุทโธ ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า ภิกษุที่เข้าใจผิด จึงแต่งใหม่ และอธิบายผิด และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ยูทูป เป็นระบบสำหรับฟังไม่ใช่เฉพาะแค่แสดงความคิดเห็นโดยไม่ฟัง แต่ปัญหาคือ ผู้แสดงความคิดเห็น ไม่ฟัง แสดงความคิดเห็นเลย นั่นก็คือไม่เปิดใจที่จะรับฟังคำอธิบาย ก็ไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้น การจะได้ปัญญานั้น ไม่ใช่ยอมรับหรือปฏิเสธทันที แต่ต้องฟังในคำอธิบายในคลิปเรื่องนี้ก่อน ว่าอธิบายตามคำรพะพุทะเจ้าอย่างไร จะเป็นชาวพุทธ ได้ปัญญาก็คือฟังก่อนครับ
ถ้าจะบอกว่าทั้งหมดที่บรรยายมามันผิดตามกฏความเข้าใจของคุณ จะพอเข้าใจได้ แต่พูดตัดสินว่าวิธีการทำสมาธิในแนวอื่นเป็นบาป อันนี้รับไม่ได้
เพราะเราเข้าใจแม้คำว่า สมาธิผิด ครับ เข้าใจใหม่ดังนี้
สมาธิ เป็นความตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ เอกัคคตาเจตสิก ซึ่งเป็นเจตสิกธรรมหนึ่งที่จะต้องเกิดร่วมกับจิตทุกขณะ ทุกประเภท ไม่มีเว้น ดังนั้น ทุกขณะมีสมาธิเกิดแน่นอน แต่ที่น่าพิจารณา คือ ถ้าเกิดกับอกุศลก็เป็นมิจฉาสมาธิ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเกิดกับกุศลก็เป็นสัมมาสมาธิ เพราะเป็นความถูกต้อง ในขณะที่เป็นกุศล จะเป็นอกุศลไม่ได้
สมาธิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว เป็นเจตสิกประการหนึ่งที่ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ และก็จะต้องมีสมาธิซึ่งเป็นเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมกับจิตทุกครั้งทุกขณะ ไม่เว้นเลย ตั้งมั่นในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ ดังนั้น ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน จึงไม่ปราศจากสมาธิเลย เพราะเกิดกับจิตทุกขณะ และที่ควรพิจารณา คือ สมาธิหรือเอกัคคตาเจตสิก เกิดกับอกุศลก็เป็นอกุศลสมาธิ
อกุศลสมาธิ เช่น การนั่งสมาธิ ไม่ควรเจริญ ไม่ควรประกอบ ซึ่งขณะนั้นเป็นไปกับด้วยความต้องการ อยากจะสงบ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ความสงบ เป็นเรื่องของกุศลธรรม อกุศลสมาธิไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม มีปัญญาเป็นต้น มีแต่จะเพิ่มพูนความไม่รู้และอกุศลธรรมอื่นๆ ต่อไป
ในสมัยพุทธกาล อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นเพศฆราวาส ไม่ได้ทำอะไรให้ชีวิตผิดปกติ เพราะท่านเข้าใจว่า ธรรม เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน การเจริญอบรมปัญญา ความสงบจึงไม่ต้องไปทำอะไรให้ผิดปกติโดยการนั่งสมาธิ แต่ท่านเข้าใจถูกและอบรมปัญญาในชีวิตประจำวัน และทำกิจการงานดังเช่นคฤหัสถ์ในปัจจุบันด้วย ดังเช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ที่เป็นพ่อค้าและเป็นอริยสาวก และอบรมปัญญา เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน มีการให้ทาน รักษาศีล อบรมปัญญา โดยไม่ได้ไปปลีกวิเวก หาที่นั่งสงบเลย เพราะความสงบ คือ จิตใจที่เป็นกุศลที่เกิดได้ในชีวิตประจำวัน เพราะจิตที่ดี สงบ ไม่ได้เลือก
ดังนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องสมาธิ ในสมัยพุทธกาลว่า สมาธิ มีสองอย่าง คือ สัมมาสมาธิ และ มิจฉาสมาธิ สมาธิใดที่เป็นความตั้งมั่น ที่ไม่ได้หมายถึง จะต้องไปนั่งสมาธิ แต่ขณะแม้เพียงขณะจิตเดียวก็มีสมาธิ แต่เป็นความตั้งมั่น ขณะจิตที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยที่รู้ความจริงที่เป็นวิปัสสนาภาวนา ขณะนั้นก็มีสมาธิด้วย และเป็นสัมมาสมาธิที่เป็นสมาธิที่ควรเจริญ
ส่วนการกระทำที่ได้แต่ความนิ่ง ไม่ทำให้เกิดปัญญาความรู้ พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงว่าเป็น มิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง เพราะเกิดกับอกุศลจิต มี โลภะ และ โมหะ เป็นต้น คือ มีความต้องการที่จะทำ อยากที่จะสงบ อันเป็นความต้องการที่เป็นโลภะ และขณะที่นิ่งก็ไม่รู้อะไร ขณะนั้นก็มีโมหะเกิดร่วมด้วย พระพุทธเจ้าทรงติเตียนมิจฉาสมาธิว่าไม่ควรเจริญ ครับ
ขออนุโมทนา
ตัดสินด้วยความเข้าใจพระธรรมวินัย รับได้หรือไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยตามการสะสม
@@padermจิตมีอยู่ก่อน ส่วนเจตสิกเกิดขึ้นหลังจิต เจตสิกแปลว่าปรุ่งแต่งสภาวเกิดขึ้นหลังจิต หรือสภาวปรุ่งแต่ง.
ขอบคุณที่ชี้ทาง
สาธุครับ
อนุโมทนาสาธุครับ
ผู้อธิบายสมาธินี้ เข้าใจผิดมาก เรียกว่า อย่าว่าแต่สมาธิขั้นละเอียดเลย เพียงสมถะกับวิปัสสนาต่างกันอย่างไร ก็ไม่ยังไม่เข้าใจว่าต่างกันอย่างไร แล้วจะไปเข้าใจสมาธิที่ถูกต้องได้อย่างไร
การทำสมถกรรมฐานเหมือนกับวิธีทำน้ำที่ขุ่นไม่นิ่งให้สงบนิ่งจะด้วยวิธีไหนก็ได้ขอทำให้น้ำนิ่งตกตะกอน นี้เปรียบเหมือนสมถะ เมื่อน้ำสงบนิ่งจะมองเห็นใต้น้ำว่ามีอะไรบ้าง สิ่งท่ีอยู่ใต้น้ำดีไม่ดีอย่างไร เหมือนวิปัสสนาคือจิตรู้แจ้งเห็นไตรลักษณ์ชัดเจนแล้ว จิตก็จะรู้แจ้งในอริยสัจ 4
ท่านผู้เขียนเข้าใจผิดเรื่องสมถะและวิปัสสนาตามพระไตรปิฎกครับ ต้องฟังคำพระพุทธเจ้าไม่คิดเอง เชิญอ่านดังนี้
อธิบาย สมถะ กับ วิปัสสนาดังนี้ครับ
โดยมากจะเข้าใจกันว่า การเจริญสติปัฏฐานจะต้องเจริญสมถภาวนาก่อน คือ อบรมให้ได้ฌานจึงจะเจริญสติปัฏฐานได้ ดังนั้นเรามาเข้าใจคำว่า สมถะที่ควบคู่กับการเจริญวิปัสสนา คืออย่างไรครับ
สมถะ กับสมถกรรมฐาน (สมถภาวนา) ไม่เหมือนกันนะครับ ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน สมถะ หมายถึง สภาพธรรมที่สงบ สงบจากกิเลส ส่วนสมถภาวนา หมายถึง การอบรมเจริญความสงบจากกิเลส มีการเจริญพุทธานุสสติ เป็นต้น จะเห็นนะครับว่าต่างกัน สมถะ คือ สภาพธรรมที่สงบจากกิเลสขณะนั้น คำถามจึงมีว่าจำเป็นไหมจะต้องเจริญสมถภาวนาก่อนถึงจะเจริญวิปัสสนาได้ คำตอบคือไม่จำเป็น เพราะสมถภาวนาและวิปัสสนานั้นเป็นคนละส่วน แยกกันเลยครับ ผู้ที่อบรมสมถภาวนา เช่น เจริญฌาน แต่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องการเจริญวิปัสสนา หรือหนทางการรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ แม้จะได้ฌาน แต่ก็ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงและไม่มีทางบรรลุธรรมได้เลย ครับ
ดังเช่น พวกฤาษี ดาบส อาจารย์พระโพธิสัตว์ มี อาฬารดาบส อุททกดาบส ก็อบรมสมถภาวนา ได้ฌานแต่ไม่รู้หนทางการดับกิเลส ไม่เข้าใจการเจริญวิปัสสนา ก็ไม่บรรลุอะไรเลยครับ แต่ผู้ที่อบรมเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว แต่ไม่ได้อบรมสมถภาวนาได้บรรลุธรรมมีไหมครับ คำตอบ คือ มี มีมากด้วยครับ ดังเช่น นางวิสาขา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านบรรลุธรรมโดยการเจริญสมถภาวนาก่อนไหมครับ คำตอบคือไม่ แต่ท่านฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า ปัญญาที่เคยสะสมการเจริญวิปัสสนา หรือการรู้ความจริงในสภาพธรรมในอดีตชาติ ก็เกิดขึ้นรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไมใช่เรา ทำให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสภาพธรรมและเป็นอนัตตาครับ ซึ่งการเจริญสมถภาวนาไม่สามารถรู้ความจริงเช่นนี้ได้เลย ครับ
ดังนั้น ประเด็นคือ ไม่จำเป็นจะต้องเจริญสมถภาวนาก่อนถึงจะเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ครับ หากมีคำแย้งว่าต้องมีสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไปเป็นธรรมคู่กัน ตามที่ผมได้อธิบายแล้วว่าสมถะ กับ สมถภาวนา นั้นต่างกัน สมถะ หมายถึง สภาพธรรมที่สงบจากกิเลส ซึ่งพระพุทธเจ้าได้แสดงองค์ของสมถะและวิปัสสนาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ดังนี้
มรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ นี่คือการเจริญมรรค อันเป็นหนทางดับกิเลสคือวิปัสสนานั่นเองครับ คำถามมีว่ามรรคมีองค์ ๘ มีสมถะหรือเปล่าครับ หรือมีแต่วิปัสสนาอย่างเดียว คำตอบคือมีทั้งองค์ธรรมของสมถะและมีวิปัสสนาด้วย พระพุทธเจ้าแสดงธรรมที่เป็นคู่กันในการอบรมปัญญา คือ สมถะและวิปัสสนา
ดังนั้นในอริยมรรคมีองค์ ๘ ตามที่กล่าวมา มีทั้งสมถะและวิปัสสนาด้วย มีอย่างไร พระพุทธเจ้าแสดงว่า ฝ่ายของวิปัสสนา มี ๒ อย่างคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นี่คือฝ่ายวิปัสสนา ส่วน ๖ ประการหลังคือ สัมมาวาจา ... สัมมาสมาธิ เป็นฝักฝ่ายของสมถะนั่นเอง ครับ
แม้ขณะที่เจริญวิปัสสนา เจริญมรรคอย่างเดียว ไม่ได้เจริญสมถภาวนาก่อน หรือไม่ได้เจริญสมถภาวนาเลย ขณะที่เจริญวิปัสสนาอย่างเดียวก็มีทั้งสมถะและวิปัสสนาเกิดพร้อมกันอยู่แล้วครับ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่สติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้นมีสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ เกิดพร้อมกัน ถามว่ามีสมถะไหมในขณะนั้น มีครับ คือ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ เป็นฝักผ่ายของสมถะ คือ สภาพธรรมที่สงบจากกิเลส และมีฝักผ่ายวิปัสสนาในขณะนั้นด้วยคือ สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะ ครับ
เรื่อง มรรคหรือสติปัฏฐาน เป็นทั้งสมถและวิปัสสนาแม้ไม่ได้อบรมสมถภาวนา
[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 373
ว่าด้วยมรรคเป็นทั้งวิชชาและจรณะเป็นต้น
อนึ่ง โลกุตรมรรคใด พร้อมทั้งโลกิยมรรค ถึงซึ่งการนับว่าเป็นทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา (ปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์) มรรคนั้นแลเป็นทั้งวิชชาและจรณะ เพราะสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทรงสงเคราะห์ไว้ด้วยวิชชา ธรรมที่เหลือสงเคราะห์ไว้ด้วยจรณะ.
อนึ่ง มรรคนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา เพราะความที่สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทั้ง ๒ เหล่านั้น ทรงสงเคราะห์ไว้ด้วยวิปัสสนาญาณ. ธรรมนอกจากนี้ สงเคราะห์ไว้ด้วยสมถญาณ.
อีกอย่างหนึ่ง มรรคนั้นเป็นทั้งขันธ์ ๓ และสิกขา ๓ เพราะความที่สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะทั้ง ๒ เหล่านั้น ทรงสงเคราะห์ด้วยปัญญาขันธ์ ธรรม ๓ ในลำดับต่อจากสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะนั้นสงเคราะห์ด้วยศีลขันธ์ ที่เหลือสงเคราะห์ด้วยสมาธิขันธ์ และธรรมเหล่านั้นแหละสงเคราะห์ด้วยอธิปัญญาสิกขา อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา.
จะเห็นนะครับว่าขณะที่สติปัฏฐานเกิดที่เป็นการเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว มีทั้งสมถะและวิปัสสนาเกิดพร้อมกันอยู่แล้ว ดังนั้นจะต้องเข้าใจใหม่ว่าจะต้องไปทำสมถภาวนาก่อนถึงจะเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ อันนี้ไม่ใช่ครับ เพราะเราจะต้องเข้าใจคำพูดที่ว่าธรรมที่เป็นคู่กัน คือ สมถะและวิปัสสนา สมถะในที่นี้ไมได้มุ่งหมายถึงการเจริญฌานเท่านั้น สมถะในที่นี้ มุ่งหมายถึงสภาพธรรมที่สงบ เป็นฝักฝ่ายสมถะ ก็เกิดอยู่แล้วในขณะเจริญวิปัสสนา ฝักฝ่ายสมถะก็คือสัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ครับ
ตามที่กล่าวแล้ว สมถะ หมายถึง ความสงบจากกิเลสด้วย ดังนั้น ขณะที่สติปัฏฐานเกิด เจริญวิปัสสนา ขณะนั้นจิตก็สงบจากกิเลสด้วยในขณะนั้น จึงเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนาในขณะที่สติปัฏฐานเกิด ครับ
จริงค่ะพอท่องคำว่าพุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก รู้สึกเครียดมากกว่า เพราะคิดถึงคำ ไม่เกิดปัญญาจริงค่ะ ขอบคุณมากค่ะ เข้าใจมากขึ้นค่ะ
สาธุธรรมค่ะ
สาธุ.ๆๆค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
ขอบ พระคุณ มาก ๆ ค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
จะเข้าสมาธิ ให้เข้าถึง แก่นสาร ของ พระพุทธเจ้า จะได้ระลึกรู้ ว่า เป็นตัวเรา ค่ะ
ขอบพระคุณอย่างยิ่ง
สาธุสาธุสาธุครับ แนะนำได้ดีมากครับ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุเจ้าคะ
ส อนดีคะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุ ฟังให้จบแล้วจะเข้าใจค่ะ
สาธุขอบคุณค่ะที่แนะนำ สับสนมาตลอดว่าเราควรทำอย่างไรในการทำสมาธิ วันนี้ได้เข้าใจบ้างแล้วค่ะ
สาธุๆอนุโมทามิค่ะขอบคุณมากๆค่ะโชคดีค่ะ
กราบสาธุและกราบขอบพระคุณอาจารย์ Paderm มากค่ะที่มีจิตเมตตาชี้แจงธรรมมะของพระพุธเจ้าที่ถูกต้องอย่างแท้จริงค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับท่านด้วยค่ะ สาธุ ค่ะ🙏🙏🙏
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ
ละอียดลึกซึ้งมากค่ะ
อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุค่ะ🙏🙏🙏
สาธุๆๆใช้ค่ะขอบคุณๆๆ
ขอบพระคุณมากค่ะเข้าใจแล้วค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
ขอน้อมอนุโมทนาสาธุค่ะ
อนุโมทามิ
สาธุสาธุสาธุในภาษาธรรมที่เอ่ยวาจา ให้ได้ฟังค่ะ
กราบสาธุและน้อมรับสัมมาทิฐิครับ❤
ขออนุโมทนาสาธุบุญด้วยค่ะอาจารย์
ไอ้เด็กเมื่อวานชืนบังอาจมาสั่งสอนเอาความคิดตัวเองมาสอนเรียนทางโลกมากมึงไม่ต่างนกแก้วนกขุนทองการปฎิบัติทางธรรมมันยากสำหรับสัตว์โลกที่มีกิเลสให้มึงไปคิดใหม่ทำใหม่แล้วค่อยมาสั่งสอนการปฎิบัติธรรมถ้ามันง่ายอย่างมีงคิดคนทั้งโลกคงบรรลุธรรมกันหมดทั้งโลก
สาธุ ได้ประโยชน์และความเข้าใจมากครับ
ขอบคุณค่ะ😊😊😊❤❤❤
กราบอนุโมทนาสาธุคะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
❤กราบสาธุสาธุสาธุ
ดูลมผิด แล้วจะปฏิบัติอย่างไรถึงจะถูกครับ สาธู
อธิบายไว้ในคลิปแล้ว คลิกที่ตัวเลขสีฟ้าครับ 12:58 เหตุเกิดปัญญาและการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา
กาาบอนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ใช่คับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์
น้อมอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
ขอบคุณมากครับอาจารย์
ความจริงพรุทธเจ้าพิจารณา กายคติ เวทนา จิต ธรรม
อนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
🙏
ขอบคุณค่ะอนุโมทนาสาธุๆๆ
ชัดเจนคับ.ขอบคุณคับ.😑😇
กราบขอบพระคุณ อาจารย์ ที่ถ่ายทอดธรรมให้รู้แจ้ง
กราบน้อมอนุโมทนาบุญเจ้าคะ สาธุ สาธุ สาธุ
กาาบอนุโมทนาสาธุ่ค่ะ
เยี่ยมครับ
สาธุๆค่ะอ .จารย์บรรยายมาเข้าใจมากๆคะสาธุๆค่ะดีมากๆ
สาธุสาธุสาธุครับ
ສາທຸ ສາທຸ ສາທຸ
ขอบคุณอาจารย์ครับ
ท่าน อ.ผเดิมผู้บรรยาย ท่านมีความใส่ใจลงคลิป อธิบายเนื้อหาเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ทั้งยังระบุแยกหัวข้อด้วยกำกับตามนาทีต่างๆกันไว้ด้วยในกรณีที่คลิปยาว
แถมเมื่อมีคนพิมพ์ถามก็กรุณาใส่ใจตามตอบคำถามต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มาก
.
ขอให้อ. และทีมงานรักษาการเผยแพร่เช่นนี้ไว้นะครับ ในยุคที่พระพุทธธรรมบิดเพี้ยนมีคนตีความออกมามากมาย ยังมีคลิปแบบนี้เป็นที่พึ่งได้ ผมได้เห็นถึงความตั้งใจอย่างที่สัมผัสได้
จึงขออนุโมทนาในกุศล ความวิริยะด้วยใจครับ
สาธุๆคับ
จริงครับ เพราะบางทีการต้องท่องไปด้วยและหายใจเข้าออกไม่พร้อมกันก้อมีเพราะมัวแต่ต้องท่อง เลยไม่สงบ
สาธุๆๆครับ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
ผมเชื่อว่าทุกวันนี้คนที่ทำต้องการบุญมากกว่านิพพานครับ
น้อมจิตขอร่วมอนุโมทนาในกุศล จากธรรมทานอันเป็นประโยชน์ยิ่งนี้ครับ
กราบ อนุโมทนา ค่ะ 🙏
สาธุจ้า
ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ❤❤❤
มันละเอียดมากครับ ธรรมะ ผมควรนั่งยังไงก่อนครับ ฟังแล้วยังไม้รู้ต้องนั่งไง
ฟังให้จบจะเข้าใจเพราะอธิบายเรื่องการนั่งสมาธิด้วยครับ
สาธุสาธุสาธุ🙏🙏🙏
สาธุครับเจอแล้วครับ ความจริงครับ
สาธุๆๆๆ
สงสัยค่ะ แล้วได้คำตอบแล้ว สาธุค่ะ
สาธ❤คะ
กราบ อนุโมทนาค่ะ🙏
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะสาธุค่ะ
น้อมสาธุธรรมครับ
สาธุ อ.พูดได้ตรงใจ ที่เราไขวาคว้า ค้นหา ใช่ๆๆๆ
อนุโมทนาค่ะ🙏
ขอบพระคุณมากค่ะ สาธุๆๆค่ะ🙏🙏🙏
เก่งมากครับ ชอบ...แจ่มแจ้งดี เข้าใจง่าย
สาธุบุญ
ขอบคุณค่ะ
โมทนาสาธุ
ขออนุโมทนาในความเห็นถูกครับ ช่วยกันฟังและถ้าดีที่สุด ช่วยกันแชร์เผยแพร่เพราะคนไม่รู้และปฏิบัติผิดกันมาเนิ่นนานเรื่องสมาธิยังมีอีกมากครับ พระธรรมยิ่งเผยแพร่ยิ่งรุ่งเรือง สาธุครับ