ชาติหน้ามีจริงไหมไม่เห็นมีใครตายแล้วกลับมาบอก
Vložit
- čas přidán 15. 07. 2024
- 00:00 เนื้อหาสาระ
00:15 ชาติหน้ามีจริงไหมไม่เห็นใครกลับมาบอก
06:20 ชาติก่อนชาตินี้ชาติหน้าคืออะไร
10:46 ตายแล้วเป็นคนใหม่ก็ไม่ต้องรับกรรมจริงหรือ
12:50 เชื่อชาติหน้ามี ไปสวรรค์ เชื่อชาติหน้าไม่มี ไปนรก
ความจริงของชาติหน้าที่มักเข้าใจผิด ฟังให้เข้าใจว่าชาตินี้คืออะไรตามคำพระพุทธเจ้าก็จะเข้าใจชาติก่อนและชาติหน้า อันเป็นเหตุที่จะทำให้ปล่อยวางความยึดถือที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้ เพราะฟังแล้วเกิดปัญญาและเชื่อชาติหน้าที่ถูกต้องตามที่ท่านพระกุมารกัสสปะพระสาวกผู้เลิศด้านแสดงธรรมอันวิจิตร ซึ่งได้ยกคำท่านมาอธิบายในคลิปนี้อันควรค่าแก่การรับฟัง ครับ ขออนุโมทนา
❤❤❤❤❤❤
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ผเดิม ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ธรรมะของพระพุทธองค์ละเอียด ลึกซึ้งประเสริฐยิ่งนัก ประโยชน์อย่างยิ่ง ฟังแล้วเข้าใจ ตามได้ ประโยชน์ อย่างยิ่ง เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
@@user-iv9bu8wg8i กราบอนุโมทนาด้วยเช่นกัน
+1
ผมจะสะสมบุญเอาไวกอนนรก สวรรค์ มีแน่นอนสาธุๆ
กราบอนุโมทนาสาธุคะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ชอบมากเจ้าค่ะท่านสาธุจ้า
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุค่ะ
หัวใจของพระพุทธศาสนามี3ข้อคือ.ล่ะชั่ว,ทำความดี,ทำจิตใจให้ผ่องใส..สาธุ
ฟังคลิปนี้เข้าใจ การทำดี ละชั่ว ทำจิตผ่องใสโดยลึกซึ้งที่ไม่เหมือนกับที่เราเข้าใจเองครับ czcams.com/video/K_I_PJ1uUJM/video.htmlsi=-54Fk-pRb91cFjaK
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ
กราบอาจารย์เผดิม ยี่สมบุญที่สัทธา เลื่อมใสยิ่ง กราบอนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุในธรรมค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ❤
การทำกรรมดีตามหลักพระพุธศาสนามีความสุขแล้วในชาตินี้ ถึงเราไม่รู้ชาติที่แล้วหรือชาติหน้า ถ้าเราเชื่อในกรรมตามคำสอน เราหมั่นทำกรรมดีในชาตินี้ เราก็ไม่ต้องไปห่วงชาติก่อนหรือชาติหน้า ทำกรรมดีเอาไว้คงไม่ต้องห่วงอะไร หน้าจะดีที่สุดนะครับ
"สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ" ขออนุโมทนาสาธุครับ....🙏🌻🌼🌷
ขอบพระคุณอาจารย์ผเดิมในความเมตตาเป็นอย่างสูงครับ ขออนุโมทนาครับ
🙏🙏🙏
กราบขอบพระคุณทา่นอ.เผดิมค่ะ
สาธุครับ
ขอบพระคุณค่ะ🎉
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
อนุโมทามิ
สาธุค่ะ
กราบ อนุโมทนาค่ะ🙏
กราบอนุโมทนาครับ
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ อาจารย์ สาธุ
🌸🙏🙏🙏🌸
ถ้าใครเรียนใครสอบ นักธรรมตรี โท เอก มา จะทราบครับ ว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสอย่างตรงไปตรงมาครับ ว่า นรกมีสวรรค์มีพรหมมี นิพพานมี อย่างในพระสูตรที่ชื่อ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร บอกชื่อ สวรรค์ไว้ชัดเจนครับ แล้วใครที่เชื่อว่า ตายแล้วสูญไปเลย อันนี้เป็นความเห็นที่ผิดครับ เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ นอกจากคนนอกศาสนาเท่านั้น การที่เชื่อว่า เกิดมาแล้ว ตายแล้วสูญ จะทำชั่วแค่ใหนได้ไม่ต้องกลัวบาป เพราะเชื่อว่าตายแล้วก็สูญ
ใช่ครับ อดีตชาติ ปัจจุบัน อนาคตล้วนมี เปรียบดั่ง วันวาน วันนี้ วันพรุ่งนี้
งั้นถามหน่อย ทำไม ปท ที่เจริญแล้ว คนส่วนใหญ่จึงไม่นับถือศาสนา ไม่เชื่อว่ามีชาติหน้า ส่วนประเทศด้อยพัฒนากลับมีคนนับถือศาสนาจำนวนมาก และอาชญากรรมมากมาย ดังนั้นคำกล่าวที่บอกว่าคนที่ไม่เชื่อเริ่องชาติหน้า จะทำชั่วได้มากกว่า ก็คงไม่จริงแล้วหล่ะ ดูแค่ไทยก็รู้ คอรัปชั่น อาชญากรรม มากติดอันดับต้นๆของโลก และคนไทยเกือบ 100% ก็เชื่อเรื่องชาติหน้าทั้งนั้น 😂😂😂
@@csnpc ท่านนับถือศาสนาอะไรครับ ดูจากความคิดเห็นแบบนี้ ผมก็คงเดาไม่ยาก แค่คุณรู้ได้ไงว่า คนส่วนใหญ่ไม่นับถือ คนยุโรปหลายประเทศหรือคนที่มีปัญญาแจ่มแจ้ง เขาหันกลับมานับถือศาสนาพุทธเพิ่มขึ้น ลองไปค้นหาในยูทูปก็ได้ อย่าง อิตาลี ผู้คน พากัน ใส่บาตร สวดมนต์แบบพุทธไทยเรา มากมาย อย่าใช้ความเห็นเข้าข้างตัวเองมากไป
@@user-gn8kh2zp3n อยากรู้ก็ลองค้น google ดูรูปแผนผังด้วยคำว่า irreligion countries เทียบกับ criminal countries ดูเอาเองละกัน ความรู้ระดับ ม.ต้น ก็ดูออกแล้วว่า ประเทศที่มีคนไม่นับถือศาสนา มีแน้วโน้มอาชญากรรมน้อยกว่าประเทศเคร่งศาสนาอย่างมีนัยสำคัญ อย่างแคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตเลีย ส่วนประเทศเคร่งศาสนาอย่าง แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ บราซิล พม่า อินเดีย ไทย อาชญากรรมจะรุนแรง รูปแผนผังบ่งชี้ชัดเจน คราวนี้ก็ขึ้นกับพวกคุณเองแหละว่าจะมัวเมาในศาสนาต่อไป หรือเข้าใจข้อเท็จจริงจากขาวโลก
@@csnpc เป็นผู้ละเอียดครับแม้คำว่า เชื่อชาติหน้า นับถือศาสนา ไม่ใช่ชื่อครับหรือตามทะเบียนบ้านว่านับถือศาสนาพุทธ แต่คนที่ศึกษาเข้าใจธรรมจริงๆมีแค่ไหน เพราะนับถือสิ่งผิด สายมู บนบานศาลกล่าว ปฏิบัติผิดมากมาย นั่นเป็นเพียงอ้างตัวเองว่านับถือพุทธ แต่ไม่ใช่พุทธโดยมาก เพราะพุทธ คือปัญญาความเข้าใจถือ เชื่อนรกสวรรค์ เชื่อผิดๆโดยมาก เพราะไม่เข้าใจ ไม่ศึกษาคำสอนตั้งแต่ต้น จึงไม่รู้ว่า นรกสวรรค์ก็ไม่พ้นจากธรรม ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า ก็คือธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป นี่คือความละเอียดของการเข้าใจ นรกสวรรค์ ชาตินี้ชาติหน้า เชื่อชาติหน้าที่ถูกต้องและเป็นคนที่นับถือพุทธจริงๆ ซึ่งมีน้อยมากๆนั่นเอง ครับ และขอแสดงข้อความพระไตรปิฎกที่เป็นการเชื่อชาติหน้าที่ถูกต้องย่อมน้อมไปทำดี ดังนั้นประเทศไหนก็ตาม ทำชั่วมาก ให้รู้ว่าเป็นการอ้างชื่อว่านับถือศาสนานั้นแต่ไมเ่ข้าใจคำสอนครับ
อปัณณกสูตร
[๑๐๖] ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์สองพวกนั้น สมณพราหมณ์ที่มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทําดีทําชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี อุปปาติกสัตว์ไม่มี สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทําโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลก ดังนี้ เป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ จักเว้นกุศลธรรม ๓ ประการนี้ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต จักสมาทานอกุศลธรรม ๓ ประการนี้ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร. เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่เห็นโทษ ความต่ําทราม ความเศร้าหมองแห่งอกุศลธรรมไม่เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้าไม่มี ความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
[๑๐๘] ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ในลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล ฯลฯ สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติชอบ ทําโลกนี้และโลกหน้าให้ชัดแจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้รู้ทั่ว มีอยู่ในโลก สมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ จักเว้นอกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต จักสมาทานกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นเห็นโทษความต่ําทราม ความเศร้าหมอง แห่งอกุศลธรรม เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้ามีอยู่ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นชอบ ก็โลกหน้ามีจริง เขาดําริว่า โลกหน้ามีจริง ความดําริของเขานั้นเป็นความดําริชอบ ก็โลกหน้ามีจริง เขากล่าวว่า โลกหน้ามีจริง วาจาของเขานั้นเป็นวาจาชอบ
ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ผเดิมขออนุโมทนาสาธุสาธุสาธุ..กับธรรมะด้วยค่ะ🙏🙏🙏
สวัสดีค่ะอาจารย์หนูอยากถามว่า ไปวัดจำเป็นต้องมีธูป เทียน ดอกไม้ ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะอาจารย์
สำคัญที่จิตครับ ถ้ามีจิตบูชาน้อมไปในอามิสบูชา ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่สะดวกในการให้อามิสบูชาก็สามารถบูชาด้วยใจที่เข้าใจที่เป็นปฏิบัติบูชา อันเป็นการบูชาที่ประเสริฐสูงสุดครับ ขออนุโมทนา
อนุโมทนาสาธุค่ะ❤❤❤
กราบอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงอาจารย์กล่าวคำจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าถูกต้องทุกประการเลยครับ...จากนราธิวาสครับผม...🙏👍🌄
คุณเป็นใครมายืนยันว่าเดิมกล่าวถุกทุกประการ..😅
@@oppopoop7946 ผมก็ยังเป็นปุถุชนที่ยังต้องศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านี้และครับ...ในความคิดความเห็นของคุณคุณคิดว่าอาจารย์ผเดิมท่านนี้กล่าวคำจริงได้ถูกต้องหรือไม่ครับ...กรุณาแสดงความคิดเห็นของคุณด้วยครับขอบคุณครับ...
สภาวะธรรม # สิ่งที่เกิดและดับ..ปัจจุบันตั้งมั่นอยู่ในการทำดี..เว้นทำขั่ว ทั้งนี้ต้องปฏิบัติเอาเอง
สภาวะธรรมคือดีเป็นดี กุศลธรรมเป็นกุศลธรรม ไม่ใช่เราที่ทำดี ชั่วเป็นชั่วเป็นธรรม เป็นอกุศลธรรม ไม่ใช่เราชั่ว เว้นชั่ว ไม่ใช่มีตัวเราจะเว้นชั่ว และที่สำคัญขณะนี้ชั่วหรือเปล่า เห็น ไม่รู้ว่าเห็นเป็นธรรม ชั่วแล้วด้วยความไม่รู้ ดังนั้น อกุศลธรรมจึงเกิดแต่ไม่รู้ พระธรรมพระพุทธเจ้าจึงลึกซึ้ง เว้นชั่วด้วยปัญญา อันเกิดจากการฟังพระธรรมที่เริ่มจากการฟังถูกว่าเป็นธรรม ไม่มีเราปฏิบัติ ธรรมปฏิบัติ จึงไม่มีคำว่า ปฏิบัติเอาเอง ครับ ขออนุโมทนา
สาธุสาธุสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนา ยิ่งเห็นผิดว่าไม่มี ก็ยิ่งไม่มีเหตุปัจจัยให้รู้ตามจริงว่ามี
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดีด้วยความเคารพ ค่ะสาธุสาธุค่ะ
อนุโมทนาในกุศลจิตครับ
อนุโมทนาบุญกุศล ฟังธรรมะ อาจารย์ Paderm สาธุๆ
กราบยินดีในธรรม สาธุ🙏🙏🙏
กราบสาธุในพระธรรมค่ะ
ขอขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ
กราบอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงกราบอนุโมทนาสาธุ...🙏👍🌻
อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุค่ะขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลที่ดีๆม่ทำให้รู้คะ
ทำความเข้าใจเพิ่มมาฟังแต่เช้าค่ะ🌿🌿🌿🙏
ถัาเชื่อกฎแห่งกรรม ชาติหน้าต้องมีจริง คนทั่วไปที่มีจิตบริสุทธิ์ก็จะรู้ว่าขาติหน้ามีจริงเพราะการดลบันดาลจากการนิมิตร
รู้ว่าชาติหน้ามีจริงไม่ใช่เพราะการดลบันดาลจากนิมิตรนึกคิดเอาครับ แต่เป็นปัญญาที่ประจักษ์ความจริงของชาตินี้ คือ ธรรมในขณะนี้ที่กำลังเกิด ที่มีแต่ธรรม เป็นธรรมชาติ ชาติ(การเกิด) การเกิดขึ้นของธรรมว่ามีแต่ธรรมและประจักษ์ขณะนี้แล้วก็รู้ว่ามีธรรมที่ดับไปแล้ว คือ เป็นชาติก่อนและรู้ประจักษ์ความจริงว่าเมื่อธรรมดับไปแล้วจะเป็นปัจจัยให้เกิดธรรมในขณะต่อไปอันเป็นชาติหน้านั่นเองครับ นี่คือการเข้าใจชาตินี้ ชาติหน้า และชาติก่อนตามคำพระพุทธเจ้าที่ลึกซึ้ง เชิญคลิกฟังเนื้อหาที่อธิบายในคลิปนี้ที่ตัวเลขสีฟ้าครับ 06:20 ชาติก่อนชาตินี้ชาติหน้าคืออะไร
สาธุๆคะกราบขอบพระคุณคะท่านอาจารย์🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาบุญครับ🙏🙏🙏
ผมเคยทำเเครื่องหมายในศพของ
ผู้เสียชีวิต(ทำลองดู2ศพ)ปรากฎ.ลูกหลานของผู้เสียชีวิตเกิดมามีเครือง
เหมือน/ตรงกับที่ผมทำไว้ทั้งสองคน
ลองทำดูนะ.ใช้ปูนเคี้ยวหมากทำเครือง
หมาย(คนเกิดยังชีวิตอยู่)
เยอะแยะครับ ที่มีรูปลักษณะเครื่องหมายเหมือนกัน แต่ไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรม ก็ไม่พ้นจากทุกข์ ไม่พ้นจากกิเลส เพราะยึดถือว่าลูกเรา หลานเรา และไม่รู้จักชาติก่อน คืออะไร ชาติหน้าที่แท้จริงคือะไร และชาตินี้คืออะไร เพราะมีแต่ธรรม เมื่อไม่เข้าใจตรงนี้ก็ละความยึดถือว่าเป็นเราไม่ได้ ก็วนเวียนไปเกิดร่ำไป ยึดถือผิดต่อไปว่าลูกเรา หลานเรา ตัวเรา ก็ทุกข์ต่อไปไม่สิ้นสุด การฟังพระธรรมให้เกิดปัญญาเข้าใจความจริง จึงประเสริฐเลิศกว่าการคิดเองโดยไม่ฟังพระธรรม เมื่อไม่ฟังจะคิดเองแบบนี้ ก็ไม่ได้ประโยชน์จากการเกิดเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา สว่างมาแต่มืดไป ดังนั้นแนะนำฟังในคลิปให้จบ จะรู้ความจริงที่ไม่เคยรู้ครับตามคำพระพุทธเจ้าจะได้ประโยชน์กับชีวิตแท้จริง ขออนุโมทนาครับ
ถ้าคุณว่าชาติหน้าไม่มีจริง
พุทธเจ้าก็มีไม่จริงชิครับ
ถ้ามีพุทธเจ้าก็ต้องมีชาติหน้า ครับ.
ฟังให้ดีครับ ในคลิปบอกมีจริงครับและอธิบายด้วยครับว่ามีจริงอย่างไรครับ ระบบยูทูปสำหรับฟังไม่ใช่แค่แสดงความคิดเห็นครับ คลิกฟังที่ตัวเลขสีฟ้าไปที่เนื้อหาหรือคุณฟังตั้งแต่เริ่มได้เลยจะได้รู้ว่าพระอริยเจ้าอธิบายเหตุผลว่าชาติหน้ามีจริงอย่างไรครับ 00:00 เนื้อหาสาระ
00:15 ชาติหน้ามีจริงไหมไม่เห็นใครกลับมาบอก
06:20 ชาติก่อนชาตินี้ชาติหน้าคืออะไร
10:46 ตายแล้วเป็นคนใหม่ก็ไม่ต้องรับกรรมจริงหรือ
12:50 เชื่อชาติหน้ามี ไปสวรรค์ เชื่อชาติหน้าไม่มี ไปนรก
แล้วแต่ความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละบุคคล ว่ามีจริงมั้ย แต่เราเชื่อค่ะว่า ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำความดี ชาติหน้ามีจริงค่ะ. เราเกิดมาหน้าตาผ่องใส เพราะ คิดดี จิตดี ใจดี มีเมตตา มีความสุข ไม่สร้างทุกข์ให้ตัวเราค่ะ
คลิปนี้จึงอธิบายว่าชาติหน้ามีจริงครับ มีจริงด้วยเหตุผลของพระอริยะ พระกุมารกัสสปะที่อธิบายในคลิปที่เป็นพระอรหันต์แนะนำฟังในคลิปจะเข้าใจ ชาติก่อน ชาติหน้า ชาตินี้ที่ลึกซึ้ง ครับ ส่วนเกิดมาจะหน้าตาแบบไหน ผ่องใส เศร้าหมอง ไม่สำคัญเท่าปัญญาเพราะพระพุทธศาสนาลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ทำดี ไม่ทำชั่ว เพราะพระองค์ทรงแสดงว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ยึดถือว่าเราดี ชั่วแล้ว เพราะเป็นเราที่ดี เป็นกิเลส ไม่มีความเข้าใจว่า ดีเป็นธรรม เราหน้าผ่องใส ยึดว่ามีตัวเราผ่องใส ก็เป็นกิเลสเป็นบาปแล้ว ชั่วแล้วก็ไม่รู้ตัว ที่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม เพราะเป็นแต่เพียงรูปเท่านั้น ดังนั้น แค่ละชั่ว ทำดีทั่วๆไป แค่เมตตา ทำดีทั่วไป มีศีล ก็ไม่ต่างจากศาสนาอื่นเลย ดังนั้นพระพุทธศาสนาลึกซึ้ง คือละความชั่วคือ ละความไม่รู้ที่ยึดถือว่าเป็นเรา ถ้าละความเป็นเราไม่ได้ก็ไม่พ้นจากกิเลส ไม่พ้นจากทุกข์เพราะไม่มีปัญญา ศาสนาพุทธ พุทธ จึงหมายถึง ปัญญา ที่เข้าใจความจริง ที่จะต้องเกิดจากการฟังศึกษาพระธรรมให้ลึกซึ้ง แนะนำฟังในคลิปครับ จะรู้ว่าชาติหน้ามีจริงที่ลึกซึ้งคืออย่างไร สาธุครับ
ความจริงใด ๆ นั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามความเชื่อ ความรู้ตามจริงเท่านั้นจึงจะเป็นกำลังแก่ศรัทธาให้เชื่อในสิ่งที่จริงที่ถูกต้อง
จิตนี้คือดวงเดิมใช่มั้ยคะ แต่จะไปเกิดเป็นอะไร รูปร่างแบบไหนแล้วแต่บุญกรรมที่จิตดวงนั้นกระทำกับร่างเดิมในชาติที่แล้ว แบบนี้เข้าใจถูกหรือผิดคะอาจารย์
จิตเกิดดับใหม่เสมอครับ ต้องรู้ก่อนครับว่าจิตคืออะไร จิตคือสภาพธรรมที่รู้ ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ ดังนั้นจึงมีจิตหลายประเภท เพราะมีสภาพรู้หลายอย่าง เห็นมี มีจริง เห็นรุ้ รู้สิ่งที่ปรากฎทางตา เมื่อเห็นคือสภาพรู้ เห็นก็เป็นจิต จิตเห็นนั่นเอง และเห็นขณะนี้ ก็เห็นเมื่อตอนเช้า เมื่อวาน ก็คนละเห็น เห็นคนละสี จึงเป็นจิตเห็นใหม่ เกิดดับตลอดนั่นเองครับ ได้ยินก็เป็นสภาพรู้ รู้อะไร รู้เสียง จึงเป็นจิตได้ยิน จิตได้ยินเมื่อวานกับวันนี้ ก็คนละจิต เกิดดับสลับกัน จิตจึงไม่ได้มีจิตเดียว และมีจิตหลายประเภท เพราะจิตเป็นสภาพรู้ครับ ส่วนกรรมเป็นปัจจัยให้เกิด จิตและรูป ซึ่งเป็นจิตใหม่ และรูปใหม่ แต่ละขณะเสมอนั่นเองครับ แต่จะเรียกสมมติว่ารูปแบบนี้ เรียกว่า มนุษย์ เทวดา สัตว์เดรัจฉาน ตามแต่เรียก ดังนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สังขารไม่เที่ยง ก็คือ จิตไม่เที่ยง เกิดดับใหม่ตอลด เพราะถ้าจิตเดิมตลอดก็ไม่เกิดดับ ก็เป็นความเห็นผิดว่าเที่ยงนั่นเองครับ ชีวิตของสัตว์คือจิต ชั่วขณะจิตที่เกิดและดับไป ไม่ใช่จิตเดิมครับ อ่านอรรถกถาอุปเนนยสูตรดังนี้
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปในขณะแห่งจิตดวงหนึ่ง ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ครั้นเมื่อจิตดวงนั้นสักว่าแตกดับแล้ว ท่านก็เรียกว่า สัตว์ตายแล้ว เหมือนคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า
อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสติ อนาคเต จิตฺตกฺขเณ น ชีวิตฺถ น ชีวติ ชีวิสฺสติ. ปจฺจุปฺปนฺเน จิตฺตกฺขเณ น ชีวิตฺถ ชีวติ น ชีวิสฺสติ.
ในขณะแห่งจิตอันเป็นอดีต บุคคลชื่อว่า เป็นอยู่แล้วมิใช่กำลังเป็นอยู่ มิใช่จักเป็นอยู่ ในขณะแห่งจิตอันเป็นอนาคต บุคคลชื่อว่า จักเป็นอยู่ มิใช่เป็นอยู่แล้ว มิใช่กำลังเป็นอยู่ ในขณะแห่งจิตอันเป็นปัจจุบัน บุคคลชื่อว่ากำลังเป็นอยู่ มิใช่เป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่จักเป็นอยู่.
ชีวิตํ อตฺตภาโว จ สุขทุกฺขา จ เกวลา เอกจิตฺตสมายุตฺตา ลหุโส วตฺตเต ขโณ.
ชีวิต อัตตภาพ สุขและทุกข์ทั้งหมด ประกอบด้วยจิตดวงเดียว ขณะของจิตนั้น ย่อมเป็นไปเร็วพลัน.
@@paderm สาธุค่ะอาจารย์
ขอสอบถามหน่อยครับ ความจำได้หมายรู้ หรือ สัญญา ถูกส่งต่ออย่างไรครับ ในเมื่อไม่มีตัวเวียนว่ายตายเกิด แต่มีแต่การเกิดดับ ถ้าเป็นคน อาจจะฝากความจำได้ไว้ที่สมองก่อนแล้วค่อยดึงมาใช้ แล้วถ้าเกิดกายนี้ตายไป แล้วเกิดในร่างใหม่ จะสามารถระลึกชาติได้อย่างไรครับผม แสดงว่า ความจำไม่ได้บึนทึกไว้ที่สมองใช่ไหมครับ
เข้าใจก่อนครับว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่ามีแต่ธรรมที่เป็นขันธ์ห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ ซึ่งแต่ละชื่อ แสดงถึงว่าที่สมมติเรียกว่สัตว์ ตัวเรา คือ การประชุมของธรรมที่มีหน้าที่ของธรรมแต่ละอย่าง อย่างคำว่า สัญญา จำ จำอะไร จำหมายในอารมณ์นั้น เช่น เห็น ก็จำ มีสัญญา จำอะไร จำสิ่งที่ถูกเห็นคือสี คิด ก็มีจำ จำเรื่องที่คิด สัญญาจึงจำเท่านั้น และมีสภาพธรรมอีกอย่างในขันธ์ห้าคือ วิญญาณ วิญญาณคือ จิต ซึ่งทำหน้าที่รู้และทำหน้าที่สะสมด้วยครับ สะสมอะไร สะสมบุญและบาป คือ เมื่อมีการทำกรรม ไม่ใช่เราทำกรรม จิตและธรรมอื่นทำกรรมดีหรือไม่ดี และสะสมในจิตและเมื่อกรรมสำเร็จ จิตที่เกิดดับไปแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้เกิดผลด้วย เรียกว่าจิตอีกประเภท คือ วิบาก และเกิดรูปด้วยครับ ดังนั้น กุศลกรรม อกุศลกรรม เป็นปัจจัยให้เกิด ขันธ์ห้าใหม่ได้ แม้จะดับไปแล้ว แต่มีการทำหน้าที่ ของกรรมเรียกว่ากัมมปัจจัย และ แม้เกิดเป็นคนใหม่ ที่ระลึกชาติได้ แม้สภาพธรรมนั้นจะเกิดใหม่แต่เพราะมีจิตหรือวิญญาณ ทำหน้าที่สะสม สะสมทั้งสิ่งที่เคยจำไว้ ก็สืบต่อต่อไป ทำให้สามารถจำได้ นั่นเองครับ เหมือนตอนนี้เราก็ระลึกถึงเรื่องตอนเช้าเรากินอะไรได้เพราะมีจิต มีสัญญา ที่จำ แต่จิตเมื่อเช้ากับตอนนี้ก็เป็นละขณะคนละภพชาติ เพราะชาติคือการเกิดขึ้นของธรรมนั่นเองครับ ค่อยๆศึกษาฟังไปทีละน้อยครับ ขออนุโมทนา
อ.คะแรงอธิษฐานในชาตินี้จะส่งผลชาติหน้ามีจริงมั้ยคะ แล้วถ้าเราเคยอธิษฐานหรือบนบาน เราสามารถอธิฐานยกเลิกได้ยังไงคะ ถ้ายกเลิกไม่ได้แล้วเราต้องทำยังไงคะ หรือเราต้องรับกรรมนั้นไป
ฟังคลิปนี้จะเข้าใจเรื่องอธิษฐานครับ czcams.com/video/BMPq5MVNefw/video.htmlsi=aO2yvskkP90SPGoC
คนที่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง นรกสวรรค์มีจริง ก็มีโอกาสทำชั่วได้ตลอดเวลา หากความอยากเข้าไปยึดติด ก็มีโอกาสกระทำไปด้วยความเข้าใจผิดเช่นกัน
เพราะปัจจัยต่างๆที่เข้าไปอาศัยรวมกันปรุงแต่ง จึงทำให้เกิดและดับ นั่นเอง
ต้องเป็นผู้ละเอียดในการฟังคลิปครับเพราะได้อธิบายว่าผู้ที่ไม่เชื่อนรกสวรรค์นั้นเป็นผู้ที่ทำบาปได้มากกว่า ไม่ได้กล่าวว่าคนเชื่อนรกสวรรค์จะต้องไม่ทำบาป ไม่ได้กล่าวเช่นนี้ เพราะตราบใดที่เป็นปุถุชน บาปย่อมเกิดเป็นปกติ ดังนั้นผู้ที่ไม่เชื่อนรกสวรรค์ ย่อมไม่เชื่อเหตุและผล จึงเป็นมิจฉาทิฏฐิที่มีกำลัง อันพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ และกล่าวไว้ในคลิปในอปัณณกสูตรที่อ้างไว้ครับว่า ผู้ที่เชื่อโลกหน้ามีจริงย่อมทำบุญโดยมากและผู้ที่ไม่เชื่อว่าโลกหน้ามีจริงย่อมทำบาปโดยมากครับ ค่อยๆฟังศึกษาพระธรรมฟังตั้งใจครับ ข้อความในพระไตรปิฎกดังนี้ครับ
อปัณณกสูตร
[๑๐๖] ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์สองพวกนั้น สมณพราหมณ์ที่มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทําดีทําชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี อุปปาติกสัตว์ไม่มี สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทําโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลก ดังนี้ เป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ จักเว้นกุศลธรรม ๓ ประการนี้ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต จักสมาทานอกุศลธรรม ๓ ประการนี้ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร. เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่เห็นโทษ ความต่ําทราม ความเศร้าหมองแห่งอกุศลธรรมไม่เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้าไม่มี ความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
[๑๐๘] ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ในลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล ฯลฯ สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติชอบ ทําโลกนี้และโลกหน้าให้ชัดแจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้รู้ทั่ว มีอยู่ในโลก สมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ จักเว้นอกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต จักสมาทานกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นเห็นโทษความต่ําทราม ความเศร้าหมอง แห่งอกุศลธรรม เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้ามีอยู่ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นชอบ ก็โลกหน้ามีจริง เขาดําริว่า โลกหน้ามีจริง ความดําริของเขานั้นเป็นความดําริชอบ ก็โลกหน้ามีจริง เขากล่าวว่า โลกหน้ามีจริง วาจาของเขานั้นเป็นวาจาชอบ
อนุโมทนาสาธุ เพิ่มภูมิธรรม ใน ยูทูปเรื่องท่องขุมนรก พระจี้กงและแเดนพุทธาลัย จะดีต่อทุกท่านค่ะสาธุ
ที่ท่านแนะนำไม่ได้เพิ่มปัญญาครับ เพราะไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้าที่ท่องนรกแต่ไม่รู้จักความจริงของธรรม จึงแนะนำฟังคำจริงของพระสาวกผู้เลิศคือพระกุมารกัสสปะและคำพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ แนะนำฟังตั้งแต่ต้นครับ จะได้ประโยชน์จากการได้พบพระพุทธศาสนา ไม่เช่นนั้นก็ฟังคำคนอื่นและคิดเอง เป็นเรา เป็นเขาไปนรก ไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรม ก็ยึดถือเป็นเราไม่พ้นจากกิเลส ไม่พ้นจากทุกข์ครับ
ตรรกะไม่ได้ครับ
เป็นเรื่องที่เราฟังไม่เข้าใจเองครับจึงไม่เข้าใจเพราะคำสอนพระพุทธเจ้ายากแต่มีผู้ที่เข้าใจพระธรรมแสดงสำหรับผู้สะสมปัญญามานั่นเองครับเพราะเหตุผลมาจากท่านพระกุมารกัสสปะผู้เลิศด้านแสดงธรรมได้วิจิตรอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกย่องและรับรองในปายาสิราชัญญสูตร อันเป็นพระไตรปิฎกคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตรรกะเหตุผลของผมครับ ค่อยๆฟังศึกษาคำพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญจะได้ประโยชน์จากการได้พบพระพุทธศาสนาและการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ครับ สาธุครับ
ปายาสิราชัญญสูตร
[๓๐๔] ก. ดูกรบพิตร ถ้าเช่นนั้น อาตมภาพจะขอย้อนถามบพิตรในข้อนี้ บพิตรพึงทรงพยากรณ์ตามที่ควรแก่บพิตร บพิตรจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษในโลกนี้ จับโจรผู้ประพฤติชั่วหยาบมาแสดงแก่บพิตรว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้นี้เป็นโจรประพฤติชั่วหยาบต่อพระองค์ พระองค์ทรงปรารถนาจะลงอาชญาอย่างใดแก่โจรผู้นี้ ขอได้ตรัสอาชญานั้นเถิด บพิตรพึงตรัสบอกบุรุษพวกนั้นอย่างนี้ว่า ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจงเอาเชือกอย่างเหนียว มัดบุรุษนี้ให้มีมือไพล่หลังอย่างมั่นคง แล้วโกนศีรษะพาเที่ยวตระเวนไปตามถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอกด้วยบัณเฑาะว์มีเสียงดัง แล้วออกทางประตูด้านทักษิณ แล้วตัดศีรษะเสียที่ตะแลงแกง ทางทิศทักษิณแห่งพระนคร บุรุษพวกนั้นรับพระดำรัสแล้ว พึงเอาเชือกอย่างเหนียวมัดบุรุษนั้นให้มีมือไพล่หลังอย่างมั่นคง แล้วโกนศีรษะพาเที่ยวตระเวนไปตามถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก ด้วยบัณเฑาะว์มีเสียงดัง แล้วออกโดยประตูด้านทักษิณ แล้วให้นั่งที่ตะแลงแกง ทางทิศทักษิณแห่งพระนคร ดูกรบพิตรโจรจะพึงได้รับหรือหนอ ซึ่งความผ่อนผันในนายเพชฌฆาตว่า ขอท่านนายเพชฌฆาตจงรอจนกว่าข้าพเจ้าจะได้ไปแจ้งแก่ มิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิต ในบ้านหรือนิคมโน้นแล้วจะมา หรือว่านายเพชฌฆาตจะพึงตัดศีรษะโจรผู้กำลังอ้อนวอนอยู่ ฯ
ป. ดูกรท่านกัสสป โจรนั้นจะไม่พึงได้รับความผ่อนผันในนายเพชฌฆาตว่า ขอท่านนายเพชฌฆาต จงรอจนกว่าข้าพเจ้าจะได้ไปแจ้งแก่ มิตร อำมาตย์ญาติสาโลหิต ในบ้านหรือนิคมโน้นแล้วจะมา ที่แท้นายเพชฌฆาตจะพึงตัดศีรษะโจรนั้นผู้กำลังอ้อนวอนอยู่ทีเดียว ฯ
ก. ดูกรบพิตร โจรนั้นเป็นมนุษย์ยังไม่ได้รับความผ่อนผันในนายเพชฌฆาตผู้เป็นมนุษย์ว่า ขอท่านนายเพชฌฆาตจงรอจนกว่า ข้าพเจ้าจะได้ไปแจ้งแก่มิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิตในบ้านหรือนิคมโน้นแล้วจะมา มิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิต ของบพิตร ที่เป็นคนฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยความเพ่งเล็ง คิดปองร้ายผู้อื่นมีความเห็นผิด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกแล้วจักได้ความผ่อนผันในนายนิรยบาลละหรือว่า ขอท่านนายนิรยบาลจงรอจนกว่าข้าพเจ้าจะไปบอกแก่เจ้าปายาสิ แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้ามีอยู่ เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นมีอยู่ ผลวิบากของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วมีอยู่ ดูกรบพิตร โดยปริยายของบพิตรนี้แล ต้องเป็นอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ โลกหน้ามีอยู่ เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นมีอยู่ ผลวิบากของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วมีอยู่ ฯ
ยังไม่พ้นกิเลสมีกรรมโยิกัมพันธุมันต้องมีเมืองมีเขตมีนั้นนี่การปกครองมีสงครามเจ็บจริงทรมานเลือดไหลจริงเหมือนตอนเราปวดท้องมองหาอะไรมาช่วยก็ไมไหวนึกถึงธรรมมะก็ไม่หายเรียกว่าถึงจะปรมัตรเเต่เจ็บจริงๆเลยจึงเชื่อว่ามีควาสุขจริงมีเทวดามีนรกจริงขนาดนิพพานยังสุขจริงเราเป็นปุถุชนก็ต้องโดนเต็มเพราะปรมัตรกับบัญญัติมันเเบบเนื้อเชพเเอนบอดี้ทีเดียวไมารู้ถูกหรือปล่าว
ถูกโดยเรื่องราวแต่ไม่ถึงแก่นที่จะเข้าใจชาตินี้ ชาติหน้า ที่จะทำให้ละกิเลส ละความยึดถือครับ ที่เป็นหัวในพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ซึ่งการเชื่อว่าชาตินี้ มีหลายระดับ ระดับที่เป็นเรื่องราว ที่ว่าจะมีชาติต่อไป แต่ระดับปรมัตที่จะเป็นเหตุให้ละกิเลส ละความยึดถือ ไม่เกิดอีก คือ รู้ว่าชาตินี้ คือ ขณะนี้ของการเกิดขึ้นของธรรม เห็นเป็นชาติของธรรม เป็นจิตไม่ใช่เราเห็น เป็นจิตเห็น จิตเห็นเกิด ก็คือ ชาตินี้ ขณะนี้ ดับไปก็เป็นเป็นชาติก่อน ชาติหน้าก็คือ ยังไม่เกิด ของธรรม ครับ นี่คือความลึกซึ้งที่เราจะต้องเข้าใจเพิ่มเพื่อละกิเลสได้นั่นเองครับ
@@paderm โอ้ผมจะเอาไปต่อยอดครับ
ถ้ามีก็ได้..ถ้าไม่มีก็ได้..เป็นเรื่องส่วนบุคคล..ถ้าเชื่อว่าชาติน้ามีจริง..คนๆนั้นก็จะมีสติตั้งมั่นอิ่มเอิบตลอดกาลทั้งปัจจุบันและอาณาคต...ถ้าคนที่เชื่อว่าชาติน้าไม่มีจริง..ก็จะจะได้แค่คำถามว่า..ทำไมเราลำบากทุกข์แสนเข็ญจังจะทำอะไรก็ติดๆขัดๆทั้งกายและใจ
เชื่อว่าชาตินี้ มีหลายระดับ ระดับที่เป็นเรื่องราว ที่ว่าจะมีชาติต่อไป แต่ระดับปรมัตที่จะเป็นเหตุให้ละกิเลส ละความยึดถือ ไม่เกิดอีก คือ รู้ว่าชาตินี้ คือ ขณะนี้ของการเกิดขึ้นของธรรม เห็นเป็นชาติของธรรม เป็นจิตไม่ใช่เราเห็น เป็นจิตเห็น จิตเห็นเกิด ก็คือ ชาตินี้ ขณะนี้ ดับไปก็เป็นเป็นชาติก่อน ชาติหน้าก็คือ ยังไม่เกิด ของธรรม ครับ นี่คือความลึกซึ้งที่เราจะต้องเข้าใจเพิ่มเพื่อละกิเลสได้นั่นเองครับ แต่พระองค์ก็ทรงแสดงประโยชน์การเชื่อชาติหน้าโลกหน้า และโทษของการไมเ่ชื่อชาติหน้าตามพระไตรปิฎกดังนี้ครับ
อปัณณกสูตร
[๑๐๖] ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์สองพวกนั้น สมณพราหมณ์ที่มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทําดีทําชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี อุปปาติกสัตว์ไม่มี สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทําโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลก ดังนี้ เป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ จักเว้นกุศลธรรม ๓ ประการนี้ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต จักสมาทานอกุศลธรรม ๓ ประการนี้ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร. เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่เห็นโทษ ความต่ําทราม ความเศร้าหมองแห่งอกุศลธรรมไม่เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้าไม่มี ความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
[๑๐๘] ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ในลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล ฯลฯ สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติชอบ ทําโลกนี้และโลกหน้าให้ชัดแจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้รู้ทั่ว มีอยู่ในโลก สมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ จักเว้นอกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต จักสมาทานกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นเห็นโทษความต่ําทราม ความเศร้าหมอง แห่งอกุศลธรรม เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้ามีอยู่ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นชอบ ก็โลกหน้ามีจริง เขาดําริว่า โลกหน้ามีจริง ความดําริของเขานั้นเป็นความดําริชอบ ก็โลกหน้ามีจริง เขากล่าวว่า โลกหน้ามีจริง วาจาของเขานั้นเป็นวาจาชอบ
แล้วบุญบาปเวรกรรมมีจิงไหมครับอาจารย์
คลิกฟังคลิปนี้ครับ czcams.com/video/k3oVd6wg5ds/video.htmlsi=qKsJ2FUCiz6c_3Aj
จะใช้ชิวิตยังไงมันคุ้มที่ได้เกิดมาชาตินี่
รู้ความจริงมีปัญญาอันเกิดจากการฟังพระธรรม คุ้มแล้วที่ได้เกิดมาชาตินี้ครับ
@@paderm ขอบคุณค่ะ
เมื่อไรจะบวช
เราเข้าใจผิดเรื่องการบวชครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับให้ใครไปบวช พุทธบริษัทจึงมีสี่ ครับ ไม่ใช่จะต้องไปบวชเป็นพระภิกษุ การบรรลุธรรมได้แม้เป็นคฤหัสถ์เป็นคนดีได้แม้เป็นคฤหัสถ์และต้องตรง รู้จักตนเองว่ามีอัธยาศัยเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิต จึงศึกษาธรรมอบรมปัญญาได้แม้ไม่ได้บวช มี ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขาอุบาสิกา เป็นต้น ครับ ตรงกันข้าม ไม่รู้จักบวช ไม่มีปัญญา ไปบวช แต่ไปละเมิดพระวินัย เข้าใจธรรมผิด พระพุทธเจ้าติเตียนภิกษุเหล่านั้นครับ แต่สรรเสริญคฤหัสถ์ที่ไม่ได้บวชแต่ปฏิบัติธรรมถูกต้องครับ ขออนุโมทนา
เป็นไปได้ไหมครับที่ เทพ ในสวรรค์ และพรหมใน พรหมโลก เวียนว่ายตายเกิด ในชั้นนั้น โดยที่ไม่ลงมาเกิดในมนุษย์โลกเลย เป็นเวลานาน ด้วยเหตุจากกุศลกรรมบางอย่าง อย่างเทวดา ไปเกิดเป็นพรหม พรหมไปเกิดเป็นเทวดา
เป็นไปได้ที่เกิดเป็นเวลานาน แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์สัตว์เดรัจฉษนอีก ตราบใดที่ยังมีกิเลสเป็นปุถุชนหรือไม่ใช่พระอริยบุคคลที่เกิดในสวรรค์แล้วจะเกิดตายสูงขึ้นไปเรื่อยๆและสิ้นกิเลสปรินิพพานในพรหมโลก ก็จะเกิดในสวรรค์ไม่กลับมาเกิดในภพภูมิมนุษย์อีก ดังนั้นถ้ายังไม่ใช่พระอริยบุคคล เป็นปุถุชน ยังมีเหตุที่จะต้องกลัมาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในอบายภูมิได้ครับ เพราะกรรมที่เกิดในสวรรค์และพรหมโลกมีเวลาจำกัดแต่นานได้ครับ ดังเช่น พกพรหม เขาเกิดในพรหมโลกนานมาก จนสำคัญผิดว่าเขาเที่ยง นิพพานแล้ว พระพุทธเจ้าจึงแก้ความเห็นผิดเขา ดังข้อความในพระสูตรครับ
พกสูตรที่ ๔
[๕๖๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯก็สมัยนั้นแล พกพรหมได้เกิดทิฐิอันชั่วช้าเห็นปานดังนี้ว่า ฐานะแห่งพรหมนี้เที่ยง ยั่งยืน ติดต่อกัน คงที่ มีความไม่เคลื่อนไหวเป็นธรรมดา ไม่เกิดไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ ก็แหละอุบายเป็นเครื่องออกไปอันยิ่งอย่างอื่นจากฐานะแห่งพรหมนี้ไม่มี ฯ
[๕๖๗] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกแห่งใจของพกพรหมด้วยพระทัยแล้ว ทรงหายไปในพระเชตวันวิหารแล้วได้ปรากฏในพรหมโลกนั้น เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลังพึงเหยียดออกซึ่งแขนที่คู้เข้า หรือคู้เข้าซึ่งแขนที่เหยียดออก ฉะนั้น ฯ
พกพรหมได้เห็นพระผู้มีพระภาคกำลังเสด็จมาแต่ไกลทีเดียว ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ขอพระองค์จงเสด็จมาเถิดข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระองค์เสด็จมาดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ นานเทียวแลพระองค์ได้กระทำปริยายเพื่อการเสด็จมา ณ พรหมโลกนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ก็ฐานะแห่งพรหมนี้เที่ยง ยั่งยืน ติดต่อกัน คงที่ มีความไม่เคลื่อนไหวเป็นธรรมดา ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ ก็อุบายเป็นเครื่องออกไปอันยิ่งอย่างอื่นจากฐานะแห่งพรหมนี้ไม่มี ฯ
[๕๖๘] เมื่อพกพรหมกล่าวเช่นนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำนี้กะพกพรหมว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย พกพรหมนั้นถึงความโง่เขลาแล้วหนอ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย พกพรหมนั้นถึงความโง่เขลาแล้วหนอ พกพรหมกล่าวฐานะแห่งพรหมที่เป็นของไม่เที่ยงเลยว่าเที่ยง กล่าวฐานะแห่งพรหมที่เป็นของไม่ยั่งยืนเลยว่ายั่งยืน กล่าวฐานะแห่งพรหมที่เป็นของไม่ติดต่อกันเลยว่าติดต่อกัน กล่าวฐานะแห่งพรหมที่เป็นของไม่คงที่เลยว่าคงที่ กล่าวฐานะแห่งพรหมที่เป็นของความเคลื่อนไหวเป็นธรรมดาทีเดียวว่า มีความไม่เคลื่อนไหวเป็นธรรมดา และกล่าวฐานะแห่งพรหมอันเป็นที่เกิดแก่ ตาย และเป็นที่จุติและอุปบัติแห่งตนว่า ฐานะแห่งพรหมนี้ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ ก็แหละย่อมกล่าวอุบายเป็นเครื่องออกไปอันยิ่งอย่างอื่นซึ่งมีอยู่ว่าไม่มี ดังนี้ ฯ
[๕๖๙] พกพรหมทูลว่า
ข้าแต่พระโคดม พวกข้าพระองค์ ๗๒ คน บังเกิดในพรหม
โลกนี้เพราะบุญกรรม ยังอำนาจให้เป็นไป ล่วงชาติชราได้
แล้ว การอุปบัติในพรหมโลก ซึ่งถึงฝั่งไตรเภทนี้เป็นที่สุด
แล้ว ชนมิใช่น้อยย่อมปรารถนาเป็นดังพวกข้าพระองค์ ฯ
[๕๗๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรพกพรหม ท่านสำคัญอายุใดว่ายาว ก็อายุนั้นสั้น ไม่
ยาวเลย ดูกรพรหม เรารู้อายุหนึ่งแสนนิรัพพุท ๑- ของท่าน
ได้ดี ฯ
@@paderm ผมหมายถึงเกิดซ้ำหลายรอบนะครับอย่างเทวดาบางองค์ หรือ พรหมบางรูป ก็ตายและเกิด สลับไปเรื่อยๆเป็นเวลานาน จุติจากอีกชั้นหนึง และมาอีกชั้นหนึ่ง และ ไปอีกชั้นหนึ่ง เวียนว่ายตายเกิด ใน อุปริมสังสาร มัชฌิมสังสาร ขึ้นๆลงๆ เป็นเวลานานๆ โดยมีกุศลกรรมเป็นปัจจัย โดยที่ไม่มาเกิดเป็นมนุษย์เลย เป็นเวลานาน จนกว่าจะมีเหตุปัจจัย ยกเว้นอริยบุคคลบางจำพวกนะครับ
@@foridle ได้ครับ ถ้ากรรมดีบางอย่างที่มีกำลังให้ผล เช่น การได้ฌาน อย่างคนที่เกิดเป็นพรหม ด้วยกำลังฌานที่มีกำลัง เขาก็เกิดตายในสุคติและเกิดในพรหมโลกบ่อยๆ ครับ
@@paderm ขอบคุณครับ ตราบใดถ้าไม่ใช่อริยบุคคล ก็ไม่มั่นคงและไม่ปลอดภัย เพราะมีโอกาสไปเกิดในอบายภูมิได้เหมือนกัน
ชาติหน้ามีจริงคับพ่อผมตายไปแล้วแคเดือนเดิยวมาบอ่กลูกชายคนโต3คืนไปบอกลูชายคนเล็กอีกพ่อมาบอกวาอยูทีนี่นสบายดีมีอยูมีกินไมตอ่งทํางานสูขสบายดีไปอยูด้วยกันไมลูกอยูทีนีมีแตความทุขย์อดยากมาก/พอ่ผมนั่นมีความเพียนทางสมาธิมากระดับนึง
เรียนถามสนทนา สมาธิคืออะไร ขณะนี้มีสมาธิไหมครับ
สาธุสาธุสาธุค่ะขอบคุณมากในธรรมคำสั่งสอนค่ะอาจารย์🙏🙏🙏
คนที่ฟังแล้วเข้าใจเลยแสดงว่ามีบุญมาก ดวงตาเห็นความจริงได้เร็ว
พระธรรมยากคนที่เข้าใจมามี ต้องสะสมบุญมามากครับ
ศาสนาพุทธ มหายาน บางนิกาย ก็ไม่มีเรื่อง นรก สวรรค์
เรื่องนรก สวรรค์ เทวดา พระอินทร์ พระพรหม .. ฯลฯ เป็นคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู นรก สวรรค์ของพราหมณ์ ฮินดู ก็มีลักษณะแตกต่างกัน ไม่เหมือนของไทย
คติความเชื่อ ศาสนาพราหมณ์ ฮินดูคาดว่าแทรก ปนเข้ามาในพุทธศาสนา ราว พ.ศ. 700-900 ซึ่งเป็นช่วงที่ศาสนาพุทธ ในอินเดีย เสื่อมลงเป็นอันมาก
หลักของ ศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนให้ทำความดี เพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ หรือไม่ทำความชั่วจะได้ไม่ตกนรก
พระธรรมของพระพุทธเจ้าต้องศึกษาไม่คิดเองครับ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุและผลไว้ครับ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องสวรรค์และนรกไว้ เพื่อให้เห็นว่า กรรมมี ผลของกรรมก็ย่อมมี กรรมดีเมื่อได้ทำ ผลก็ย่อมมี กรรมชั่วเมื่อได้ทำลงไป ผลก็ย่อมมี จากผลของการทำชั่ว ในโลกมนุษย์ที่เห็นๆ กันอยู่ ทำไมบางคนถึงได้รับความสุข เกิดมาพบสิ่งดีๆ เป็นส่วนมาก ทำไมบางคนถึงได้รับความทุกข์ทรมานทางกายมากกว่าคนอื่น ทุกอย่างต้องมีเหตุ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาลอยๆ ครับในการได้รับสุข ได้รับทุกข์ ผู้ที่ได้รับความสุขทางกายที่ดี ก็ย่อมเกิดจากเหตุที่ดี คือการกระทำกุศลกรรม ทำสิ่งที่ดี ผู้ที่ได้รับสิ่งที่ไม่ดีทางกาย หรือทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ย่อมเกิดจากเหตุที่ไม่ดี เกิดจากการกระทำที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลกรรมนั่นเอง เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องของเหตุและผล ทำกรรมดีก็ย่อมได้รับสิ่งที่ดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับสิ่งที่ไม่ดีครับ บนโลกเราทำไมบางคนอาจโดนไฟไหม้ตัวเอง แต่ระยะเวลาไม่นาน แล้วจะมีสถานที่อื่นไหมที่ถูกไฟเผาตัวเองเป็นเวลานาน ทำไมคนอื่นไม่ถูกไฟไหม้ แต่ทำไมต้องเป็นคนนี้ เพราะกรรมที่ไม่ดีของคนนั้นให้ผล แล้วถ้ากรรมที่ไม่ดีที่มีมาก มีกำลัง ผลก็ย่อมรุนแรงกว่านี้ ย่อมจะมีสถานที่ที่ได้รับการถูกเผาด้วยไฟนานกว่านั้น นี่เราพูดถึงเรื่องของเหตุและผล ว่ากรรมที่ทำที่เป็นกรรมไม่ดี ก็มีตั้งแต่มีกำลังน้อยก็ให้ผลไม่มาก จนถึงกรรมไม่ดีที่มีกำลังมาก การให้ผลก็ย่อมให้ผลในทางที่ไม่ดีมาก อันมีสถานที่ที่สมควรแก่การรับผลในทางที่ไม่ดี มี นรก เป็นต้น สัตว์เดรัจฉานบางประเภทก็ถูกฆ่าอย่างทารุณ แต่ระยะเวลาไม่นาน นี่เราพอจะเห็นได้ เป็นนรกของสัตว์หรือเปล่า ซึ่งก็ต้องเป็นเพราะผลของกรรมที่ไม่ดี แต่จะมีสถานที่อื่นไหมที่จะต้องได้รับการฆ่าทรมานมากกว่านั้น เพราะกรรมชั่วที่ทำนั้นมีกำลังมาก จึงต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมในการรับผลของกรรม ตามกำลังของกรรมชั่วที่ทำไว้ เป็นเรื่องของเหตุและผล เป็นเรื่องของกรรมและผลของกรรม กรรมดีมี กรรมที่ดี ประณีตมากๆ ก็ย่อมมีสถานที่ที่เหมาะสมในการรับผลของกรรมที่ทำดีกรรมไม่ดี มีจริง และถ้าเป็นกรรมชั่วที่มีกำลังมาก ก็ย่อมมีสถานที่ที่เหมาะสมในการรับผลของกรรมที่เป็นกรรมที่ไม่ดี มีนรก เป็นต้น
อปัณณกสูตร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า...ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้าไม่มี ความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขาดําริว่า โลกหน้าไม่มี ความดําริของเขานั้นเป็นมิจฉาสังกัปปะ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าววาจาว่า โลกหน้าไม่มี วาจาของเขานั้นเป็นมิจฉาวาจา ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขากล่าวว่า โลกหน้าไม่มี ผู้นี้ย่อมทําตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ผู้รู้แจ้งโลกหน้า ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขายังผู้อื่นให้เข้าใจว่า โลกหน้าไม่มี การให้ผู้อื่นเข้าใจของเขานั้นเป็นการให้เข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม เขายังยกตนและข่มผู้อื่น ด้วยการให้ผู้อื่นเข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรมนั้นด้วย เขาละคุณ คือ เป็นคนมีศีลแล้วก่อนเทียว ตั้งไว้เฉพาะแต่โทษ คือ ความเป็นคนทุศีลไว้ ด้วยประการฉะนี้ อกุศลธรรมอันลามกเป็นอเนกเหล่านี้ คือ มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวาจา ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยะ การให้ผู้อื่นเข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม การยกตน การข่มผู้อื่น ย่อมมี เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย ด้วยประการฉะนี้.
[๑๐๗] ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ในลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่านั้น บุรุษผู้รู้แจ้งย่อมเห็นตระหนักชัดว่า ถ้าโลกหน้าไม่มี เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่านบุรุษบุคคลนี้ เมื่อตายไป จักทําตนให้สวัสดีได้ ถ้าโลกหน้ามี เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่านบุรุษบุคคลนี้ เมื่อตายไป จักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อนึ่ง โลกหน้าอย่าได้มีจริง คําของท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นจงเป็นคําจริง เมื่อเป็นอย่างนั้น ท่านบุรุษบุคคลนี้ เป็นผู้อันวิญญูชนติเตียนได้ในปัจจุบันว่า เป็นบุรุษบุคคลทุศีล เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นนัตถิกวาทะถ้าโลกหน้ามีจริง ความยึดถือของท่านบุรุษบุคคลนี้ ปราชัยในโลกทั้งสอง คือ ในปัจจุบัน ถูกวิญูชนติเตียน เมื่อตายไป จักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ด้วยประการฉะนี้ อปัณณกธรรมนี้ ที่ผู้นั้นถือไว้ชั่ว สมาทานชั่ว ย่อมแผ่ไปโดยส่วนเดียว ย่อมละเหตุแห่งกุศลเสีย ด้วยประการฉะนี้.
@@paderm
ศึกษาอย่างมีเหตุ มีผล มีปัญญา บางอย่างก็เชื่อบางอย่างก็ไม่เชื่อ ครับ กรรมมีจริง โลกหน้ามี อันนี้เชื่อ ครับ
เคยอ่านพระไตรปิฎก ภาษาบาลี หรือไม่ ภาษาบาลี กล่าวไว้ไม่มาก และก็ไม่มีคำอธิบายด้วย เช่น กล่าวถึง นรก ทุกอัตวิบาก หรือ อบายภูมิ ก็กล่าวไว้ เช่นนั้น แล้วที่อธิบาย นรกมี เท่านั้นเท่านี้ ชั้น สวรรค์ 6 ชั้นเป็นแบบนั้นแบบนี้ พรหม 16 ชั้น มียมบาล มีกะทะทองแดง พระพุทธเจ้าตรัสไว้เช่นนั้นหรือ? ที่ศึกษามาไม่เตยเจอ ที่พบก็จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นภายหลังเช่น เตภูมิกถา หรือเป็นคำอธิบายอรรถกถา หรือฎีกา
หรืออย่างเรื่อง พระอืนทร์(ท้าวสักกะ) หรือพระพรหมเป็นของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ชัดเลย แต่ก็มีในพระไตรปิฎก ก็อย่างที่ว่า คติความเชื่อพราหมณ์ ฮินดู เข้ามาแหรก ในศาสนาพุทธ จนยากที่จะแยก แต่เมื่อมีอยู่ในพระไตรปิฎก ก็มี
ไม่ได้ปฏิเสธ ว่าไม่มี/แต่ก็ไม่ได้ยอมรับว่ามี ...คือไม่ได้ให้ความสำคัญ ที่ทำดีบุญ ตักบาตร รักษาศีล ก็ไม่เคยหวัง ว่าจะได้ไปสวรรค์ หรือที่ไม่ทำบาป ไม่ทำผิดศีล ก็ไม่ใช่เพราะกลัวตกนรก
เรื่องสวรรค์ ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้สรรเสริญ (เคยอ่านพระสูตร เปตวัตถุ ..หรืองัยนี่แหละจำไม่ได้ กล่าวถึงสวรรค์ เป็นโลกของกามภพ ผู้หลงยึดติด สเหมือนผู้เสพกาม ..กามมีโทษมาก มีทุกข์มาก .. )
ดังนั้นต้องละเอียดในการศึกษาธรรม ไม่ได้สรรเสริญแต่ทรงแสดงว่ามี นรกและสวรรค์ จริง เพราะพระองค์ทรงแสดงว่าเหตุมีผลมี กรรมมีผลของกรรมก็มี ดังนั้นต้องตรงว่าทรงแสดงว่ามี แม้ไม่สรรเสริญก็มีตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับ เริ่มฟังใหม่ ศึกษาใหม่ โดยเริ่มจากกรรมคืออะไร ผลของกรรมคืออะไร และธรรมคืออะไรครับ
@@paderm
เรื่องสวรรค์ นรก เป็นคติความเชื่อ ของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู แต่มาแทรก ปนอยู่ในพุทธศาสนา อย่างที่เคยโพสต์ ที่ผมไม่ค่อยเชื่อ เพราะบางเรื่อง ดูแล้วมัน ไม่ค่อยสมเหตุ สมผล เช่น เรื่อง ตกนรก ลงกระทะทองแดง ...เพราะอะไร (ดื่มสุรา -เมรัย ใช่ไหม) แล้วมีเกณฑ์ไหมว่าดื่มเท่าไร แค่ไหน จึงตกนรก ในพระไตรปิฎก สุราปานสิกขาบท ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะบัญญัติ ชาวโกสัมพี รู้ว่า สุรา กาโปติกะ เป็นที่ชอบใจของภิกษุทั้งหลาย .(แสดงว่าพระก็ดื่มมาก่อนหน้านี้มาแล้ว ) จนเกิดเหตุ พระสาคตะ ดื่มจนเมานอนกลิ้งอยู่ หน้าประตู พระพุทธองค์พบ จึงบัญญัติสิขาบท หลังพระพุทธเจ้าบัญญัติห้ามภิกษุดื่มสุรา (ห้ามเฉพาะพระภิกษุ) ถ้าดื่มต้องอาบัติ ... ไม่เห็นมีกล่าวถึงคน หรือใครดื่มต้องตกนรก หรือลงกระทะทองแดง เลย ...
เรื่องความไม่สมเหตุ สมผล ยังมีอีกหลายเรื่อง เรื่องสวรรค์ ก็เช่นกัน
🤔🙏🙏🙏
🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
ขอบคุณที่มาบอกธรรมให้รู้ค่ะ🪷🪷🪷🙏
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
คนทีไมเชือวาชาติหน้ามีจริงเหลือไมมีจริงคนนั่นต้องมองดูตัวเองวาก่อนทีจะมาเกิดเป็นเราเราเกิดมาเป็นอะไรกอ่นเหลือเป็นตัววิณญานตอ่งคิดทบทวนดูแล้วหาอานนังสือธรรมะมากๆ
ฟังให้ดีครับ ในคลิปบอกมีจริงครับและอธิบายด้วยครับว่ามีจริงอย่างไรครับ ระบบยูทูปสำหรับฟังไม่ใช่แค่แสดงความคิดเห็นครับ คลิกฟังที่ตัวเลขสีฟ้าไปที่เนื้อหาหรือคุณฟังตั้งแต่เริ่มได้เลยจะได้รู้ว่าพระอริยเจ้าอธิบายเหตุผลว่าชาติหน้ามีจริงอย่างไรครับ 00:00 เนื้อหาสาระ
00:15 ชาติหน้ามีจริงไหมไม่เห็นใครกลับมาบอก
06:20 ชาติก่อนชาตินี้ชาติหน้าคืออะไร
10:46 ตายแล้วเป็นคนใหม่ก็ไม่ต้องรับกรรมจริงหรือ
12:50 เชื่อชาติหน้ามี ไปสวรรค์ เชื่อชาติหน้าไม่มี ไปนรก
🌷🍒🐧🐤🦆🪴