ถูกบอกเลิกแบบฟ้าผ่าด้วยเหตุผลว่า "ทำงานเหนื่อย..." - Highlight พุธทอล์คพุธโทร 23 มี.ค.65
Vložit
- čas přidán 27. 03. 2022
- ถูกบอกเลิกแบบฟ้าผ่าด้วยเหตุผลว่า "ทำงานเหนื่อย..."
เข้าไปฟังเรื่องราวใน #พุธทอล์คพุธโทร สัปดาห์นี้ได้ที่
• พุธทอล์คพุธโทร [23 มี.... .
อยากโทรเข้ามาในรายการ มาฝากเรื่องได้เลยตามช่องทางดังนี้
1. โทร. 026658373 (ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น.)
2. Inbox มาที่ Facebook Fanpage EFM STATION
3. www.atime.live/efm ทีมงานรออ่านทุกเรื่องอยู่น้า
#พุธทอล์คพุธโทร #EFM94 #คลื่นวิทยุอีเอฟเอ็ม94
กดติดตาม AtimeOnline
YT : czcams.com/users/atimeonl...
FB : / atimeonline
IG : / atimeonline - Zábava
เขาเพิ่งรู้สึกว่าเขาไม่เป็นตัวเองตอนอยู่กับคุณค่ะ เขารู้สึกฝืนไปหมดในการใช้ชีวิตด้วยกันมันเลยระเบิดออกมา ยังไงก็สู้ๆนะคะคนที่รักเราจริงเขาจะไม่ทำกับเราแบบนี้ ปล่อยให้เขาไปรักตัวเองให้พอ ส่วนเราก็ใช้ชีวิตต่อไปสักพักความคิดถึงความผูกพันมันจะลดลงไปเอง
เราว่าเราเข้าใจแฟนคุณหวานนะ บางครั้งเหนื่อยจากงาน แล้วคุณหวานเอาแต่เรียกร้อง คำพูดและการกระทำของคุณหวานบางครั้งเรียกร้องเกินไป เราเข้าใจแฟนคุณนะ เราฟังเรายังรู้สึกโมโหเลยจริงๆยิ่งคนโลกส่วนตัวสูง จะไม่ชอบอะไรแบบนี้
ฟังแล้วโมโหเหมือนกันค่ะ แต่ก็เข้าใจคุณหวานะคะ 😭
ตอนนี้เราเป็นเหมือนเเฟนคุณหวานเลยนะคะ เเฟนเราเขาก็พยายามที่จะปรับตัวเหมือนกัน ส่วนเราเองเเทนที่จะรู้สึกดีใจหรือมีความสุข แต่กลับโมโหและเคียดกับข้อมความที่ได้รับมา จะเลิกก็ไม่รู้จะบอกยังไงว่าเพราะอะไร จะคบต่อเราก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม
เหมือนคุณหวานเป็นห่วงแต่ฟังก็ไม่เชิง แฟนคุณหวานเหนื่อยแล้วเหมือนกลับบ้านแล้วไม่หายเหนื่อย แทนที่จะได้พักแต่ต้องมาสนใจแฟนอีก ทำงานก็เหนื่อยทั้งหัวหน้ากดดันทั้งงานส่งไม่ทัน ลค.อีก กลับบ้านยังต้องตามใจแฟนสนใจแฟนอีก... เส้นเลือดในสมองน่าจะใกล้แตกละ
ใช่ เราเข้าใจแฟนเขาเลย คงอึดอัดนะเอาจริงๆ การทำงานมันเหนื่อยมากนะ กดดันกับงานกับเพื่อนร่วมงานอีก
@@Modpanatcha ลชบช๑คล7
คำว่าเป็นห่วงของคุณมันอาจจะทำให้เค้าอึดอัดก็ได้นะคะ สุขภาพเค้า ตัวเค้าเปลี่ยนแปลงยังไง เค้าจะรู้ตัวดีที่สุด การที่คุณมาบอกเค้าว่าอย่าทำมากไป มันเหมือนไปสั่งไปขัดแข้งขัดขามากกว่าเป็นห่วง
สิ่งที่คุณหวานต้องการมันมากเกินกว่าคนเป็นแฟนกันปกติตรงไหน บางคนเป็นแฟนกันเรียกร้องมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ผมทำงานกับวิศวกร งานคอนซัลต์ งานไซต์ ฯลฯ เอาตรง ๆ คือผมไม่เชื่อเรื่องบ้างานครับ ต่อให้งานยุ่งแค่ไหน ต้องทำโอทีนอนค้างออฟฟิศยังไง ถ้าหัวใจยังรักและคิดถึงกัน ตอนเข้าห้องน้ำก็ไลน์หากันได้ครับ คนรู้จักผมหรือเพื่อนผมหลาย ๆ คนเขาดูแลแฟนตัวเองดีมาก เพราะเขาแบ่งเวลาเป็น หรือต่อให้ยุ่งแค่ไหน กินเหล้ากับเพื่อนยังไง เขาก็สามารถดูแลความรู้สึกของคนที่เขารักได้ นี่ขนาดมีเราคนเดียวยังไม่สามารถแมเนจเวลาและความรู้สึกให้ลงตัวได้ ต่อไปถ้ามีลูกขึ้นมา มาอ้างว่างานยุ่ง บ้างาน ชีวิตครอบครัวไม่พังเหรอครับ
คนที่อ้างว่าบ้างานแล้วทำตัวไม่มีเวลาให้ นั่นหมายความว่าคุณไม่ใช่ที่หนึ่งของเขา ที่หนึ่งของเขาคืองาน หรืออาจจะมีคนอื่นในใจไปแล้ว เพราะฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาให้กับคนบ้างานครับ เชิญทำงานที่คุณอยากทำ เชิญก้าวสู่ความสำเร็จที่คุณอยากได้ เชิญหาคนใหม่ที่เข้ากับสไตล์ชีวิต(ที่อ้างว่า)บ้างานของคุณ คนสองคนคบกันต้องดูแลหัวใจของกันและกัน ถ้าเขาไม่คิดจะดูแลความรู้สึกเราแล้ว เราก็ไม่ต้องไปดูแลความรู้สึกของเขา หัวใจของหวานยังมีค่าสำหรับผู้ชายคนอื่น ๆ อีกมากมายที่เขาพร้อมจะมอบความรักและดูแลหัวใจครับ แรก ๆ เจ็บจนจะทนไม่ไหว อยู่กับเพื่อน เที่ยวกับเพื่อน หาความสุขให้กับตัวเองในทุก ๆ วัน เวลาผ่านไปทุกอย่างจะดีขึ้น
ป.ล. อย่าเอาหัวใจที่มีค่าของเราไปฝากให้กับคนสู้ชีวิตที่ไม่พร้อมจะมีเราอยู่เคียงข้างครับ
เราก็เคยทำงานกับวิศวกร แต่เค้าก็ดูมีเวลาปกตินะ ถึงเวลาเลิกงานก็กลับบ้านปกติ สำหรับคนมีครอบครัว ส่วนคนไหนไม่มีภาระครอบครัว ก็นั่งเล่นเกมส์ไป หรือกินอะไรเล่นๆคุยๆ เม้าๆเสร็จก็กลับหอ เรากลับบ้าน
ใช่ค่ะ
เห็นด้วยสุดๆ จนต้องมาเม้นเลยค่ะ
อ่ะขอพูดในมุมจากคนที่เคยเป็นคล้ายๆผู้ชายคนนี้นะ
1.บางทีแค่อยากพัก ไม่ได้อยากคุยหรือได้รับการเอาจากใจใคร พอถึงเวลาส่วนตัวไม่อยากยุ่งกับใคร พักคือพัก ขออยู่คนเดียว ณ จุดนั้น ไม่ว่าครอบครัวหรือแฟนไม่สำคัญ
2.งานมีผลต่อความสัมพันธ์ ปฎิเสธไม่ได้หรอกว่าหลังเลิกงานจะไม่เครียดเรื่องงาน เคยทำงานที่แม้จะวันหยุดก็ยังคิดถึงมันไม่เลิก รู้สึกกังวลตลอดเวลา แล้วความรู้สึกแบบนี้ไม่มีใครช่วยได้ด้วยนอกจากตัวเอง
3.ไม่ได้ต้องการรายงานอะไรกับใคร ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปไหน รู้สึกเหมือนโดนตามเงียบๆตลอดเวลา ถ้าอยากบอกจะบอกเองโดยไม่ต้องถามเลย
4.ที่บอกว่า “เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาเหนื่อย” เพราะเขาใช้ชีวิตตอบสนองความต้องการคนอื่นมาตลอด เขาแค่ไม่อยากทำตามคำสั่งหรือคำบอกใครอีกแล้วนอกจากงาน เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร ไม่ต้องแนะนำ ไม่ต้องหวังดี แค่ปล่อยเขาใช้ชีวิตปกติ นั้นคือสิ่งที่เขาต้องการ
มองว่าเขาอยากพักจริงๆ โฟกัสแค่ตัวเองและความรับผิดชอบของตัวเอง ยิ่งมีคนมาวอแวเขามากเท่าไหร่ (ไม่ว่าจะทางที่ดีหรือไม่ดี) เขาจะยิ่งอึดอัด+เหนื่อยสะสมไปเรื่อยๆ ถ้าใครเจอแฟนมีภาวะแบบนี้ ไม่ต้องวุ่นวายกับเขามาก ถ้าอยากให้กำลังใจจริงๆ ตบบ่า/กอด แค่นั้นพอแล้ว แล้วก็ไม่ต้องไปคอยบอกให้เขาระบายอะไรนะครับ มันเหมือนไปคาดคั้นเขาให้เขาพูด มันยิ่งรำคาญ
ไม่คิดว่าจะมีคนแบบเดียวกัน บางครั้งแค่นั่งฟังก็เพียงพอแล้วครับ ยิ่งใส่ความเป็นห่วง เรารู้สึกหนักมากกว่าเดิม ยิ่งต้องคิดว่าเราต้องให้เวลามากกว่านี้กลายเป็นกดดัน พอเจองานเครียดเข้าไป เจอเรื่องรอบๆ ตัว ก็ต้องตัดสักอย่างคลายสักอย่าง ที่รู้สึกว่ามันยึดตัวเรามากไป และคงมีความคิดว่าถ้าดูแลไม่ดี ทำได้ไม่ดีก็ควรจะปล่อยให้คนที่ดูแลได้ดีกว่านี้
จากที่ฟังเจ้าของเรื่องเล่า...อันนี้น่าจะเป็นไปได้สูงมาก
อยากให้เจ้าของเรื่องมาอ่านจัง...
บางทีความห่วงใยมันก็น่ารำคาญนะ...ไม่ใช่จะดีเสมอไป
ไม่ต้องไปบอกเขาหรอกให้กินข้าว..ดูแลตัวเอง..เขาไม่ใช่เด็กแล้วเขารู้ตัวดีว่าควรทำอะไร
ความห่วงใย...แค่ข้าวสักจานหรือน้ำสักแก้วที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้โดยไม่ต้องพูด
อะไร
เราก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายห่วงใย
โครตจริงงงง +100000000
ยิ่งย้ำนู่นนี่นั่น เหมือนโดนคาดหวัง
นอกจากงานยังต้องมากดดันจากแฟนอีก
เครียดดดหนัก
มองมุม ผญ. ถ้าแบบนั้นก็อยู่คนเดียว
ป้าเป็นทุกข้อเลย
ตัวอย่างโน๊ตให้กำลังใจตอนทำงานโดยไม่กดดันอีกฝ่าย
: วันนี้เตรียมข้าวกล่องไว้ให้ด้วยแหละ ทำงานก็สู้ๆนะคะ ถ้าวันนี้พี่งานไม่เยอะก็อยากกินข้าวเย็นด้วยจังเลยน้า แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ หวานจะคิดถึงพี่เยอะๆแทนนะ>< เป็นกลจให้เสมอค่ะ จุ๊บๆ
*ปล. คำว่า "อย่า,ห้าม,ต้อง" คำกลุ่มเชิงคำสั่งพวกนี้เลี่ยงได้เลี่ยงค่ะ มันเป็นจิตวิทยาคำพูดลองศึกษาดูนะคะ ถ้าใช้ก็ต้องเลือกบริบทดีๆเลย ไม่งั้นจะกลายเป็นจดหมายเตือนแทนได้นะ
นี่แค่อ่านเม้นคุณยังใจฟูเลย งืมมม
ถ้าคนมันไม่ใช่แล้ว ถึงจะเป็นข้อความแบบนี้ก็ยังน่ารำคาญอยู่ดีแหละ แค่โดนบอกรักก็อึดอัดแล้ว
จะเลิกแล้วยังคิดเลยนะ เจอแบบนี้
@@butter200x เดียวๆแปลว่าอะไรครับงืมๆ
เห้ยพออ่านแล้วทำไมยิ้มตาม
เราไม่แน่ใจว่าคนเล่า เล่าหมดทุกอย่างรึป่าว มันดูเหมือนสวยหรูเป็นห่วง แต่ลึกๆเราฟังแล้วเรากับรู้สึกว่าคนเล่าเป็นคนที่ค่อนข้างแอบเรียกร้องความสนใจอยู่ตลอดเวลา แล้ว ผช.คงอึดอัดค่ะ เหมือนรักเหมือนห่วง แต่คือการตีกรอบ แล้ว ผช. น่าจะรู้สึกอยู่นานแล้ว ยิ่งคุณแน่ใจด้วยว่าเค้าไม่มีคนอื่น นั้นแปลว่าเค้าเบื่อค่ะ ยังไงก็สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ การหมดใจ มันไปต่อยากค่ะ ถ้ายื้อยิ่งเจ็บ เข้มแข็งดีกว่าค่ะ
ไม่น่าเล่าหมดอ่ะ ในมุมอีกคนรู้สึกว่าเหนื่อยงานแล้วมาเจอเรียกร้องความสนใจ
เห็นด้วยค่ะ อย่างที่เล่ามาเหมือนจะเป็นห่วง แต่มีประโยคเรียกร้องอยู่ตลอดเลย เช่น สนใจหนูหน่อย สนใจหนูบ้าง มีเวลาให้หน่อย ถ้าคนที่ทำงานมาเหนื่อยๆเค้าคงอยากได้คนที่เข้าใจ และไม่เรียกร้องอะไรแบบนี้บ่อยๆ ถ้าบ้างานเกินไปจับเข่าคุยกันจริงๆจังๆดีกว่า เราฟังแล้วยังโมโหเลย เหมือนเอาประโยคเป็นห่วงมาก่อน แต่พ้อยจริงๆคือ "ต้องสนใจชั้นด้วยนะ" ทำให้คนที่ได้ฟัง/อ่านข้อความแบบนี้จากที่เหนื่อยงานอยู่แล้วต้องคอยทำตาใที่แฟนเรียกร้องอีก ก็ยิ่งเหนื่อยไปอีก
@@ntthanatty17 จริงค่ะ น่ารำคาญ😂
ผช อาบน้ำอยู่ในบ้านเดียวกัน ยังไลน์หา ...
เค้าอาจจะรู้สึกปี๊ดขึ้นมาว่า เวลาส่วนตัวในห้องน้ำยังแทบไม่มี
รุ้สึกแย่เหมือนกันกับประโยคที่ว่า อย่าโฟกัสงานมากเกินไป เพราะว่า คนที่บ้างาน เขาจะรุ้สึกว่ามีคนมาดูถูกในสิ่งที่เขาทำ ที่เขาทุ่มเทไปมันไร้ค่า เหมือนความคิดไม่ตรงกัน ฝืนง่ะ คนที่อยู่ใกล้น่าจะเข้าใจมากกว่านี้ เป็นห่วงสุขภาพก็แค่ทำอาหารดีๆ วิตมินอาหารเสริมดีให้เขา เตรียมน้ำอุ่น ดูแลเอาใจใส่ และคำว่าสนใจกันบ้างมันเรียกร้องความสนใจใช้ไม่ได้กับคนที่บ้างาน
มีประโยคอื่น คำอื่นที่ให้กำลังใจอีกมากมาย
เข้าใจเหมือนกันเลยครับ กำลังใจที่ยังคงเหลือ มะลายหายไปติดลบเพราะคำพูดนี้เลย
ทุกคำที่คุณหวาน บอกเขาเพื่อให้กำลังใจ ก็แทรก ความ อยากได้ในสิ่งที่คุณหวานต้องการ เอาเข้าจริง จะบอกว่า อย่าหักโหมงานมากไป อย่าสนใจแต่งาน แต่ถ้าพูดตามความเป็นจริง มันไม่ได้หรอกครับ งานยังไงก็ต้องทำ จะบอกให้ อย่าทุ่มเทกับงานมากไป มันเลยอาจจะเป็นการกดดัน กลายเป็น ว่า เขาอึดอัด ถ้าเขาไม่ทำงาน เขาจะหาเงินจากไหน ถ้าเขา ไม่เครียดเรื่องงาน มันก็กลายเป็นกดดันไปอีก กลายเป็น ว่า เขา อยู่ใน สถานะ ที่เครียดด กดดัน ทั้งงาน ทั้งแฟน กลายเป็น เขาอาจจะคิดมาก จนแทนที่เขาจะคิดว่า เราเดินไปได้ทั้งงานทั้งความรัก กลายเป็น เขาคงคิดว่าเขาต้องเลือก และ ด้วยอายุ 35 ด้วยที่เป็นวัยสร้างตัว เขาอาจจะลังเลระหว่าง งาน กับ ความรัก ทั้งๆที่มันเดินไปด้วยกันได้
อันนี้เท่าที่เคยโดนนะ จริงๆ ชีวิตเค้าอาจจะยุ่งเหยิงในหลายสิ่งอยู่ เลยอยากตัดอะไรที่หนักๆในชีวิตออกบ้าง
แล้วเค้าเลือกตัดเราก่อน ก็แค่นั้น....
อันนี้เคยโดนกับตัวเอง ;(
เราเคยเป็นค่ะ เพราะคุณไม่ใช่ first priorities ของเค้า แค่นั้นค่ะ เราก็เคยเลิกกับแฟนที่คบมาสามปีกว่า เพราะเราโฟกัสจุดอื่นมากกว่า คนแบบแฟนคุณหวานเป็นคนปฎิเสธคนไม่เป็น แล้วนับเอาหมด คิดว่าไหว แล้วพอสุดท้ายไม่ไหว เค้าจะตัดทุกอย่างที่พอตัดได้
เค้าพยายามมากที่เค้าจะทำได้แล้วแหละค่ะ แค่คุณหวานยังไม่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเค้าค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าคุณไม่สำคัญนะ แค่งานมันมากกว่าแค่นั้นเอง ถ้ายังรักอยากอยู่ด้วยกัน คุณหวานต้องลดความต้องการลงค่ะ แล้วปรับตัวเข้ากับเค้าค่ะ เราค่อนข้างเห็นด้วยกับพี่เติ้ลมากๆ สู้ๆนะคะคุณหวาน
เห็นด้วยกับเมนต์นี้มากค่ะ ถึงจุดนึงที่ไม่ไหว ก็จะตัดอะไรที่สำคัญน้อยกว่าออก อาจจะฟังแล้วเจ็บแต่มันคือความจริง
อันนี้เราสะท้อนอีกมุมของคนฟังนะ … จดหมายนั้น มีแค่คำว่าห่วงอะ แต่อื่นๆ คือเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจผู้ชายเลย รู้สึกเป็นการด่าผู้ชายด้วยซ้ำ ว่าไม่สนใจกันบ้างเลย กึ่งๆ ชวนทะเลาะด้วยซ้ำ
อันนี้เห็นด้วยอย่างมาก
ใช่เลยจดหมายบอกให้เขามาสนใจตัวเอง
+1จริง ตอนฟัง ยังรู้สึกอึดอัดตอนฟังเรื่องคำพูด สนใจเราหน่อย (คือ ผุ้ชายก้ทำงานหนักล้ะ หวานต้องสนใจใส่ใจเขาค่ะ อย่าพูดอะไรให้ผุ้ชายอึดอัดเลย
เห็นด้วยเลนค่า ห่วงอ่ะส่วนน้อย ใจลึกๆคือคำเรียกร้องอ่ะ
จริงครับ ฟังแล้วอึดอัดแทน
เราเป็นผู้หญิง และเข้าใจในมุมมองของคนที่บ้างาน ในวัย 30 กลางๆ พอทำงานมาก็เหนื่อยและหงุดหงิดมากพอละ ยังต้องมาเจอคนส่งข้อความเหมือนง้องแง้งให้หัวร้อนเพิ่มอีก ซึ่งเรื่องนี้น่าจะสะสมมานานแล้ว มันก็ไม่แปลกที่คนบ้างานจะบอกเลิกอะ เพราะวัยนี้พวกที่บ้างานจริงๆจะโฟกัสงานเป็นหลักมากกว่าความรัก
จริงครับ
จริง มันหงุดหงิด ดูเรียกร้องความสนใจ
ถูกต้อง ใช่เลย
คิดเหมือนกันค่ะ ด้วยวัยที่ห่างด้วย ความต้องการในการแสดงออกก็ต่างกัน สามีเราก็เป็นวิศวกรเราเข้าใจเรื่องความกดดันในการทำงานของเค้า แต่กลับกันคือเราก็เป็นคนเลี้ยงลูกทำงานบ้าน เราไม่ชอบให้สามีมางุ๊งงิ๊งมากอดมากวนเรา บอกตามตรงคือเรารำคาญ หลังๆมาเค้าก็ไม่ทำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมุมแสดงความรักกันเลยนะคะ ชีวิตคู่มันยากแล้ว ชีวิตครอบครัวยากกว่าค่ะ 😅
อันนี้จริงนะ ฟีลคนเหนื่อยๆอ่ะ อยากอยู่เงียบๆให้หัวได้พัก แต่มาเจอคนเซ้าซี้ถามนู่นถามนี่ รู้ว่าเขาเป็นห่วงแต่มันน่ารำคาญมากกว่า
ในมุมมองผม มีแฟนแล้วต้องมีเวลาให้ ยังไงก็ต้องมีให้บ้างไม่มากก็น้อย ต้องมีความรับผิดชอบความรู้สึกต่อคู่ตรงข้าม
ถ้าไม่รักก็เลิก มีอะไรไม่โอเคก็พูดตรงๆ ไม่ว่างานหนักแค่ไหนแต่เราควรจัดการกับความรู้สึกให้ได้ หาเวลาตรงกลางให้ได้
ผมมองว่าฝ่ายชายผิดนะ ถึงฝ่ายหญิงจะมีจุกจิกเรียกร้องบ้าง แต่มันก็เป็นความรู้สึกมาจากใจ มันจะมีซักกี่คนว่ะที่จะน่ารักแปะโพสอิทไว้บนหน้าประตูห้องนอนให้กำลังใจ ผมว่าคุณโชคดีมากแล้วนะ คุณปล่อยคนดีๆให้ไปเจอผู้ชายที่ดีๆกว่านี้เถอะครับ
ผู้ชายควรที่จะบอก บอกมาตรงๆว่ารู้สึกยังไง หาวิธีแก้ปัญหา หาทางออกของความสัมพันธ์
ไม่ใช่เห็นแก่ตัวชิงพูดออกไปโดยที่ยังไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย แบบนี้เขาเรียกว่าไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะได้เลย นี่คือฟังฝ่ายหญิงยังไม่ได้ฟังฝ่ายชาย
จริงอยู่ความรักมันเป็นเรื่องคนสองคนมันไม่มีใครผิด แต่ก็ต้องมีการปรึกษาหาทางออกไม่ใช่เอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องความสัมพันธ์ ไม่ใช่มาเก็บกดแล้วมาระเบิดโดยการบอกเลิกแบบเน้!
เคสของเราก็คล้ายๆกันเลยค่ะ แต่อายุเท่ากัน ระยะเวลาคบก็พอๆกับคุณหวาน สถานการณ์ตอนผู้ชายบอกเลิกเนี่ยเหมือนกันเป๊ะๆ ทำงานมาเหนื่อย อยู่ดีๆบอกเลิกแบบงงๆ ไม่มีสัญญาณลางบอกเหตุใดๆ เราเคว้งเลย พยายามจะดีลด้วยทุกอย่างแบบที่คุณหวานทำ ยอมทุกอย่าง เค้าขอห่างก็ยอมห่าง เค้าสัญญาว่าจะกลับมาคุย สุดท้ายไปแล้วไปลับค่ะ ช่วงเวลาที่เราอยู่กับตัวเองทำให้เราได้คำตอบหลายๆอย่าง และได้เห็นสันดานของคนค่ะ ที่เค้าบอกเลิกยังไงเค้าก็จะเลิกค่ะ แต่เค้าไม่ยอมเด็ดขาด คงไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกผิดมาก ทำเป็นพูดว่าจะกลับมาคุย ให้เราได้ใช้เวลารักษาตัวเอง แต่ก็ไม่เคยกลับมาคุยอย่างที่พูด คำพูดของเพื่อนเราทำให้เราคิดได้ค่ะ เพื่อนเราบอกว่า "ถ้ามึงคิดสั้น ก็คือมันทิ้งให้มึงตายเลยนะ" (เพราะเราอยู่คนเดียว) ทำให้เราคิดได้ค่ะ หลังจากวันที่เค้าไปเค้าไม่ได้สนใจแล้วว่าเราจะเป็นตายร้ายดียังไง มีแต่เราเท่านั้นที่ต้องรักและดูแลตัวเอง เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นกับเราก็เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเองค่ะ อยากบอกว่า คุณหวานจะผ่านมันไปได้แน่นอนค่ะ ต่อให้เค้าไม่รักเรา แต่อย่าลืมว่า คนที่จะรักตัวเราได้มากที่สุด ก็คือตัวเราเองนะคะ เราก็ผ่านมาแล้ว เวลาจะเยียวยาทุกอย่างค่ะ ตอนแรกๆก็ร้องไห้ตลอดเวลาไม่แปลกหรอกค่ะ รักกันอยู่ดีๆ นี่เลิกแบบไม่มีลางบอกเหตุเลยสำหรับตัวเรา จนทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงจากเค้า แต่ช่างมันเถอะค่ะ จะเหตุผลอะไรวันนี้มันไม่สำคัญกับชีวิตเราอีกต่อไปแล้ว สู้ๆนะคะ เรื่องนี้ยังไม่ใช่วันสุดท้ายในชีวิตคุณหวานค่ะ
ถ้ามองในมุมคนนอกที่ไม่มีความรู้สึก อาจจะมองคุณหวานว่าน่ารำคาญ แต่ลองคิดว่าเป็นตัวเราเอง มีแฟนแต่เหงา เอาแต่งาน ไม่ใส่ใจความรู้สึกกัน เราคือสิ่งสุดท้ายเสมอ แค่เป็นห่วงยังหงุดหงิด เป้าหมายมันสำคัญนะ แต่ระหว่างทางสำคัญกว่า เราไม่รู้ว่าจะตายวันใหน จะไปถึงเป้าหมายหรือมั้ย แต่อย่างน้อย เราได้ทำทุกวันอย่างดี ชีวิตคู่ไม่ง่าย มันได้ปรับ ได้เรียนรู้กันไม่มีวันจบ การพูดคุยกันจึ่งสำคัญ
เราเป็นแบบคุณหวาน แต่เราเลือกที่จะเป็นคนบอกเลิกเอง เห็นด้วยกับความคิดนี้ เราเหงาเราคือสิ่งสุดท้าย เราอยากอยู่ระหว่างทางของเค้า แต่เค้าก็ทำงานหนักมากบ้างานมาก เค้ารักเรามาก เราก็รักเค้ามาก อยากคุยอยากอยู่ด้วย แต่ด้วยงานต้องอยู่ไกลกัน จริงๆเราติดเค้ามาก แต่ต้องหักใจ เราคิดว่าคนถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน แต่ตอนนี้กับแฟนปัจจุบันก็มีความสุขมาก มาคิดย้อนหลังสงสัยเราคงไม่ใช่คู่กันจริงๆแหละ คุณหวานอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยแค่นั้นจริงๆ
จริงค่ะบางทีคุณหวานเค้าอาจจะไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่โดนแฟนเมินไม่ใส่ใจสะสมนานวันเข้าก็เสียใจนะ แบบมันนอยด์อ่ะ นานวันเข้าเลยแบบน้อยใจหงุดหงิด ทำไมเค้าไม่สนใจเรานะ ทำไมทำแต่งาน เข้าใจนะว่าผู้ชายเหนื่อยแต่มันก็ต้องสนใจบ้างไม่ใช่ไม่สนใจเลย
เราเปฌนคนที่ถ้าเหนื่อยเราอยากกอดแฟน อยากหอมแฟน อยากไปเที่ยวด้วยกัน😂 คุณหวานอาจจะต้องการแค่หอมกันสักนิด กอดกันสักหน่อย เวลาที่เหนื่อยที่แย่วันที่เสียใจ คุณหวานคงอยากเป็นคนคนนึงที่อยู่ให้กำลังใจและกอดเพื่อปลอบเข่ แต่เขาอาจจะไม่ใช่แนวเดียวกัน
จริง
เราเข้าใจทั้งคุณหวานและแฟนนะคะ สภาวะตอนนี้คือ ความต้องการของคนสองคนไม่เท่ากัน เรามองว่าแฟนคุณหวานยังรักคุณหวานอยู่นะ แต่เขาค่อนข้างที่จะโฟกัสเรื่องงานและทุ่มเทกับงาน จนลืมคิดถึงใจคุณหวานแบบไม่ตั้งใจ การใช้ชีวิตที่ไม่บาลานซ์ของเขา ไม่ได้เติมเต็มความรักให้กัน ทำให้คุณหวานรู้สึกขาดการเติมเต็มตรงนั้นไป เขาต้องการพื้นที่ และสมาธิกับการทำงาน คุณหวานต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ตอนนี้ต่างคน ต่างก็คงอึดอัด ตอนนี้คุณหวานคงต้องถอยออกมาก่อน (เหมือนที่คุณต้นหอมกล่าวไว้ ถ้าเขาไปจริงๆ เราก็เสมอตัว แต่ถ้าเขาคิดว่าเขาต้องการเราอยู่ เราก็ยังพอมีลุ้นค่ะ ) เป็นกำลังใจให้นะคะ ✌
หลังจากที่ฟังสายนี้ และอ่านคอมเมนท์ไป มันเตือนสติเราได้มากเลย แฟนเราเป็นคนบ้างานเหมือนกันเลย มันช่วยเบรคความเห็นแก่ตัวที่เรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่ายได้ดีเลยอะ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณสายคุณหวานเตือนสติเราได้ดีจังเลยค่ะ
เราว่าหวานไม่ได้ขออะไรมากไปในฐานะแฟนนะ แต่แฟนหวานอ่ะเครียดสะสมเลยมาระเบิดกับหวานแทน ถ้าหงุดหงิดที่คนนู้นคนนี้ให้ทำนู่นนี่ทำไมไม่ลงกับเพื่อนด้วยล่ะ ไปกินเหล้ากะเพื่อนเพื่อนก็ต้องบังคับให้ชนแก้วทำไมไม่บอกเลิกเพื่อนไปด้วยล่ะ แค่แยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวไม่ออกเลยไประเบิดกับคนที่เราจะทำอะไรกับเขาก็ได้แทน คนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมักจะโดนทำร้ายจิตใจได้ง่ายที่สุด
เคสนี้ผู้ชายไม่สามารถแยกเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัวได้ สู้ๆ นะคะ ^_^
แชร์นิสัยความเป็นคนบ้างานมากเหมือนกันค่ะ บ้ามากแบบทุกวินาทีชีวิตคืองาน จนไม่มีแฟน แต่เหตุผลจริงๆของการไม่มีแฟน ไม่ใช่เพราะงานนะคะ ลึกๆอยากมีค่ะ แต่อยากมีตามสเปคที่ตัวเองตั้งไว้ เคยมีคนมาชอบและเคยคุยศึกษา มันจะมีช่วงเหงาที่อยากมีแฟน ใครเข้ามาก็คุยค่ะ แต่ไม่เป็นแฟนใคร และการที่จะเลิกศึกษาใครซักคน คือเราไปประทับใจคนอื่นแล้วค่ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานยุ่งเหนื่อยกับงานเลย บ้างานงานยุ่งจริง แต่จะมีเวลาให้สิ่งที่สนใจเสมอค่ะ เป็นไปได้ว่า เค้าอาจเจอคนอื่นที่เค้ารู้สึกดีค่ะ ไม่ใช่เพราะงาน เป็นข้อสันนิษฐานนะคะ
ผมก็ว่าอย่างนั้น..คนเรามักโกหกได้ตลอด..
ลักษณะการบ้างานของเราก็เป็นแบบนั้นเลย
เข้าใจผู้ชายเหมือนกันค่ะแฟนเป็นวิศวกรเหมือนกันทำงานหนักมาก สิ่งที่เราควรทำก็คือซัพพอร์ตเค้าตอนเค้ากลับบ้านดึกๆ ทำกับข้าวอร่อยๆรอเค้า ไม่เคยไปจี้ให้มากอดให้นั้นให้นี่เลยค่ะ คิดว่าถ้าเค้าเห็นมุมน่ารักของเรา เค้าจะแสดงความรักกับเราเอง
เหตุผล ที่ชอบอยู่คนเดียว เพราะถ้าเจอคนที่ เรียกร้องมาก....มันเหนื่อยกว่าเดิม...
เข้าใจเลยว่าผู้ชายรู้สึกยังงัย...
แบบมันรู้สึกรำคาญ อึดอัดป่ะ
@@sasiar6524 ใช่ครับ
รบกวนคุณหวานอ่านหน่อยนะครับ...
ปกติผมจะเห็นด้วยกับคำแนะนำของรายการนี้ แต่สำหรับสายคุณหวานผมเห็นต่างมากๆ ครับ เพราะผมก็เคยเป็นแบบสามีคุณหวานเป๊ะเลยครับ และผมเข้าใจสามีคุณหวานมากๆ ตอนนั้นผมทำงานหนักมาก (เคยทำแบบ 48 ช.ม. รวดไม่ได้นอน) จนเหวี่ยงใส่คนรอบข้าง ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ และถ้าใครพูดอะไรผิดหูนิดเดียวคือผมจะปี๊ดมาก และผมโกรธตัวเองมากที่ทำไมผมเป็นคนแบบนั้น เหมือนสามีคุณหวานเป๊ะ ... แต่ผมไม่แนะนำให้คุณหวานยอมเลิกกับเค้าในตอนนี้ถ้าคุณหวานยังรักเค้าอยู่ เพราะผมคิดว่าสามีคุณหวานกำลัง burn out จากการทำงานหนักต่อเนื่องกันนานมากเกินไป ที่เค้าบอกเลิกมันเกิดจากการไม่เห็นทางออกในชีวิตเพราะความเครียดสะสม แต่เค้าอาจจะไม่ได้อยากเลิกกับคุณหวานครับ คุณหวานควรเป็นที่พึ่งเค้าในเวลาที่เค้าสิ้นหวังแบบนี้นะครับ ผมว่าลองนั่งคุยกับเค้าหาทางออกเรื่องอาการ burn out จะดีกว่านะครับ ผมขออนุญาตแนะนำนะครับว่า คุณหวานควรแสดงความเข้าใจเค้าครับว่าคุณหวานเข้าใจว่าเค้าเครียดจากงานมาก และคุณหวานเข้าใจว่าเค้าหงุดหงิดตัวเองใช่มั้ย ถ้าเค้าบอกว่าใช่ คุณหวานควรค่อยๆ บอกเค้าครับว่าเรามาหาทางออกกันดีมั้ย (และเลิกพูดเรื่องเลิกไม่เลิกครับ มันไม่ใช่ประเด็นเลย และจะทำเค้าหงุดหงิด แต่พูดในเชิงเราเป็นทีมเดียวกัน เราจะซัพพอร์ทเค้าเอง)
ลองดูนะครับ คุณหวาน หวังว่าจะพอช่วยได้ครับ
ตอนเค้าทำงานไม่ควรโทรนะครับ เพราะเค้าจะอารมณ์เสียแน่นอน ก็อาจจะต้องคุยตอนสามีกลับมาครับ ลงไปนั่งข้างๆ จับมือสามี นั่งเงียบๆ สักพัก ให้เค้ารู้สึกว่าเราไม่ได้คาดหวังอะไรจากตัวเค้าแต่เราอยู่ข้างๆ เค้าเสมอ แล้วก็เริ่มคุยแบบปรกติ ไม่จริงจัง ไม่คาดคั้นเกินไป เพื่อพยายามช่วยเค้าหาทางออก ทำให้เค้ารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ไม่ได้แก้ยาก เช่น อาจจะบอกเค้าว่าถ้างานเยอะจนเรารู้สึกว่าเราไม่เป็นตัวเอง ลองคุยกันเจ้านายดีมั้ย เพราะถ้าทนต่อไปเรื่อยๆ สุขภาพจิตเราจะแย่ไปอีก หรือลองหาลู่ทางอื่นๆ ที่มี work life balance ที่ดีขึ้นจะดีกว่ารึเปล่า อะไรประมาณนั้นอะครับ ผมเชื่อว่าถ้ามีทางเลือกงานอื่นๆ ที่โอเค สามีคุณหวานน่าจะอยากไปและอยากลาออกจากที่ทำงานปัจจุบันแน่นอนครับ เพราะคน burn out คือพร้อมจะทิ้งทุกอย่างตลอดเวลาอย่างไม่มีสติ (เหมือนที่เค้าบอกเลิกคุณหวาน) เพื่อปลดแอกตัวเองจากความเครียดที่ท่วมท้นแทบระเบิดอยู่แล้ว
เป็นประโยชน์มากเลย ขอบคุณนะคะ
@@janggawhiterose810 ยินดีมากครับ
เห็นด้วยค่ะ ข่วงนี้คุณหวานอยู่แบบเงียบๆ คอยดูแลแบบเงียบๆ ปล่อยให้เค้าได้พักสมองพักใจ ไม่ต้องถามไม่ต้องแสดงความเป็นห่วงใดๆ เพราะจะเหมือนเราจู้จี้เค้าอีก พี่ว่าใจเค้าน่าจะสงบลงได้บ้างนะ
@@villpitchayaporn5197 ดีใจด้วยมากๆ เลยครับ ขอให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ นะครับบบ
เราว่าคุณหวานอาจจะไม่ได้เข้าใจความกดดันของการทำงานประจำด้วยรึเปล่า เช่นถ้าเป็นเราเองที่ทำงานหนัก รับความกดดันจากที่ทำงานมา แล้วแฟนเรามาบอกว่า “ อย่าทำงานหนักเกินไปนะ “ บ่อยๆเข้า เราก็จะกดดันเพิ่มด้วย เพราะเราไม่สามารถเลือกได้ว่าวันนี้จะทำงานแค่นี้
แต่จริงๆแล้วแฟนคุณหวานก็น่าจะต้องพูดด้วยแหละว่าไม่โอเคกับเรื่องแบบนี้ แต่เค้าคงมีเหตุผลว่าทำไมไม่พูดแล้วเลือกแบบนี้
เป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าแยกทางกันไปจริงๆ ขอให้อนาคตได้เจอกับคนที่พอดีกัน เข้าใจกัน และมีความสุขกับความรักค่ะ
แฟนเราเป็นวิศวกรค่ะเป็นแบบแฟนคุณหวานเป๊ะๆเลย บ้างาน introvert แต่อายุน้อยกว่าแฟนคุณหวาน ปัจจุบันอยู่ด้วยกัน เวลาทำงานเราปล่อยเขาทำไปค่ะ ไม่ไปยุ่ง ก็มีทำอาหารและขนมให้ให้กำลังใจบ้าง เป็นห่วงสุขภาพเขาเหมือนกันค่ะแต่เราไม่ห้ามเรื่องที่เขาทุ่มเทกับงาน ปล่อยให้เขาทำเต็มที่ค่ะ
เราก็บ้างานนะ แต่ตอนที่เหนื่อย โคตรอยากได้กำลังใจจากแฟนเลย ไม่อยากให้กำลังใจนี้หายไปไหนเลย เราจะทำงานหนักไปทำไม ถ้าแฟนเราไม่มีความหมายอะไรกับเราอะ ที่เราสู้อยู่เนี่ยก็เพื่อเราสองคนนี่แหละ หรือแฟนคุณเค้าแค่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น
อืมเข้าใจเราก้อเป็น
ทำงานเหนื่อย สิ่งที่ควรได้คือ ความสบายใจ ไม่ใช่ความน่าลำคาญ
ในความคิดเห็นเรา คนทำงานหนัก เวลาเราได้พัก ได้กลับบ้าน สิ่งที่ต้องการมากๆในตอนนั้นคือความ”เงียบ”ค่ะ บางคนต้องการเวลาในการปรับอารมณ์และความรู้สึกจากการทำงานให้มันหายไป ก่อนจะไปเจอกับคนอื่น หรือแฟน บางคนหลับไปแล้วตื่นมายังเอาเรื่องงานมาเครียดต่อได้เลย ฝ่ายชายคงบ้างานมากๆน่าจะปรับอารมณ์ไม่ได้ค่ะ ฝ่ายหญิงจะเหนื่อยตามอารมณ์ไม่ทัน
คนโดนบอกเลิกจะคิดว่าไม่มีสัญญาณอะไร...แต่คนบอกเลิกมันเตรียมการมานานแล้ว. ใดๆคือไม่ต้องหาเหตุผล..คนไม่รักแล้ว ทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมดนั่นหละ. แต่ถ้ารักกัน..ต่อให้ทำผิดอะไรก็พยายามหาสิ่งดีมากลบได้หมดละ.
เข้าใจทุกฝ่าย แต่เราเคยเป็นแบบแฟนคุณหวาน เพราะการถูกรักแม่งโคตรทรมาน เพราะรักมันมาพร้อมความคาดหวัง การเรียกร้อง พอเราไม่เป็นไปตามนั้น ก็ตามมาด้วยการงอแง การงอน ถูกโกรธ เราต้องมาเหนื่อยง้ออีก ก้อเข้าใจนะว่ารักมาก แต่บางทีมากไปมันจะทำให้คนถูกรักตายได้งานประจำวัน ตบตีกับคนภายนอกก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาเอาใจคนที่อยู่ด้วยอีก ... มันก็มาถึงวินาทีที่คิดได้ว่าอยากอยู่คนเดียวแป้บบย
เป็นปัญหาสะสมรึป่าวคะ พอคนมันเหนื่อยมากๆถึงจุดๆนึงคืออยากพอแล้ว ...เป็นกำลังใจให้คุณหวานค่ะ ✌🏻
เราเป็นคนนึงที่เคยหงุดหงิดใส่แฟนและเลิกกับแฟนเพราะเราบ้างาน(รึเปล่า) คือ มันจะเป็นช่วงที่งานโถมมาหาเราเยอะมากแถมกดดันจากตัวเองก็ด้วยถึงจะมีคนรอบข้างคอยบอกว่า "ไม่ต้องกดดันอย่าหักโหมนะเป็นห่วงนั่นนู้นนี่" เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาและก็ยังหักโหมเคลียร์งานเหมือนเดิมเผลอๆ เรามองว่าสิ่งที่คนๆนั้นพูดมาจุกจิกอะไรเราเยอะแยะ แล้วยิ่งเป็นเราถ้ามีแฟนมาทะลึ่งเขียนโน๊ตให้กำลังใจโดยการใส่คำว่า "สนใจเราบ้างนะหรือสนใจหนูหน่อย" เป็นเราเอาตรงๆก็อยากเดินไปมะเหงกไปสักป๊าบเหมือนกัน
แต่ก็ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมนะคะแค่อยากอธิบายว่าคำบางคำถ้าเราสื่อมันไปได้ไม่ดีบางทีคนที่อ่านข้อความนั้นมันสื่อไม่ถึง(แต่อยู่ที่อารมณ์คนอ่านด้วยนะ) เราว่าเค้าคงไม่มีคนอื่นหรอกค่ะคงจะบ้างานจริงๆ และเค้าคงรู้สึกว่าการที่เราไปทำนู้นนี่ให้เค้ามันกลายเป็นว่าเราไปเยอะเกินไป ทำให้เค้ารู้สึกว่ามันคงไปกันไม่รอดแล้วแถมเราไม่มีเวลาให้จขส.ด้วยมันคงถึงสุดทางจริงๆอารมณ์ที่ขึ้นลงของเค้าก็คงมาจากความเครียดจากงานมากไป แต่โชคดีที่เค้าไม่ทำอะไรรุนแรงใส่เรา สู้ๆนะคะ
เอาจริง ถ้าไม่พร้อมคบกับใครก็อย่าเอาเค้าเข้ามาในชีวิต ช่างเค้า เค้าจะคิดอะไรก็ช่าง เดินออกมาแล้วใช้ชีวิตตัวเองต่อเหอะ สู้ๆ
เราเหมือนจะเข้าใจผุ้ชายนะ มันไม่ใช่ว่าผุ้หญิงผิด หรือเลิกรักนะคะ แต่เหนื่อยที่แปลว่าเหนื่อยจริงๆ มันคงสะสมจากเรึ่องเล็กเรึ่องน้อยจนอยากระเบิดออกมา ผุ้ชายคงเป็นโรคเครียด และเรากลัวว่าอาจทำให้เป็นโรคชึมเคร้าได้ค่ะ เพราะเราเคยเป็นอาการประมารนี้เลย
เหนื่อย พี่ไม่ไหวแล้ว พี่ขอโทษ พี่ไปต่อไม่ไหวแล้วแต่พี่รักเธอนะ พี่อยุ่กะเทอพี่ก้มีความสุขดี แต่ตอนนี้สถานการณ์มันตึงเครียดมันเข้าตาจน ขอให้เทอเข้าใจพี่นะ
เรารู้สึกว่าแฟนคุณหวานกำลังเริ่มมีภาวะซึมเศร้านะคะ 🥲 ถ้าห่วงจริงๆควรเอาความรู้สึกเขาเป็นที่ตั้งค่ะ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ต้องการคำพูดอะไรเลย เขาอาจจะแค่ต้องการใครสักคนกอดเขาเงียบๆแล้วฟังเขาก็ได้ค่ะ เราเข้าใจแฟนคุณเพราะเราก็มีภาวะนี้เหมือนกัน ให้มันเป็นบทเรียนนะคะ ทบทวนตัวเองแล้วเป็นคนที่ดีขึ้นสำหรับความรักครั้งถัดไป เป็นกำลังใจให้นะคะ
เราเคยเจอเหตุกราณ์คล้ายแบบนี้เมื่อปีที่แล้ว แฟนเราทำงานสายงานเดียวกับแฟนคุณหวานค่ะ เราเคยทำงานในบริษัทเดียวกันเพราะฉนั้นเราจะพอเข้าใจในการทำงานของเขาบางส่วน แต่ช่วงที่มีปัญหากันเราออกมาเปิดกิจการส่วนตัว แฟนเราย้ายที่ทำงานใหม่ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน 1 อาทิตเจอกันสองวันหรือสามวันในช่วงแรก พอเริ่มเข้าปีที่สองงานเขาเริ่มมากขึ้น เราน้อยใจเขาตลอดกลับช้าบ้าง ติดคุยงานนอกเวลาบ้าง บางอาทิตก็ได้อยู่ด้วยกันแค่วันเดียว เริ่มทะเลาะกันมากขึ้นเราเรียกร้องเวลาจากเขา ซึ้งเราไม่รู้ตัวเลย งอแงบ้างเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีวันหนึ่งเขาเดินมาบอกว่าเขาอยากอยู่คนเดียว เขาเหนื่อย เขารู้สึกกับเราไม่เหมือนเดิม แต่ยังรัก แต่แค่ไม่อยากอยู่ด้วย แรกๆเราก็ งง หาคำตอบสาระพัด คิดว่าเขาแอบคุยกับคนอื่นรึเปล่า แอบไปดูเขาที่ที่พัก สืบค้นทุกอย่าง ก็ไม่เจออะไร เขายังโทรหาเราทุกวัน แต่คุยไม่กี่คำ มาหาอาทิตละวัน แต่เรารู้สึกว่าเขายังเหมือนเดิม ถามเขาเขาก็บอกว่าตอนอยู่ด้วยกันมันรู้สึกเหมือนเดิม เราเลยเริ่มหันกลับมาดูตัวเอง กลับไปอ่านแชทที่เคยคุยกันย้อนหลังตั้งแต่เริ่มคบกันจนถึงแชทปัจจุบัน สิ่งแรกที่เราสัมผัสคือ เราเรียกร้องให้เขาหาเวลามาอยู่กับเราตลอด เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ มีวันหนึ่งเราขับรถไปหาเขาเพราะอยากคุยเรื่องที่เขารู้สึกกับเราไม่เหมือนเดิม เราขอโอกาส เราขอให้เขาพยายามกลับมาหาเรา
เราอ่อนลง สิ่งที่เราคิดว่าเราเป็นห่วงเขาไม่อยากให้เขาทำงานหนัก เราคิดใหม่ว่านั้นคือความสุขของเขา เขากำลังพยายามทำงานเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัวเพื่ออนาคต แล้วที่พีคไปกว่านั้น ตอนที่เราขับรถกลับมามันเป็นช่วงเวลาที่เขาพยาามมาหาเราทุกครั้งหลังเลิกงาน รถติดมากกกกกกกกกกกกกก แล้วในระยะเวลาหนึ่ีงปีที่เขาทำงานหนัก เขียนแบบ คุมงาน คุยแบบ เซ็นงาน ประชุม แล้วเลิกงานขับรถฝ่ารถติดอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อมาหาเรามันเหนื่อยจริงๆ ขนาดเราแค่วันเดียว เรายังไม่โอเคเลย เราร้องไห้ในรถแบบเสียใจมาก หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมาสามเดือนแล้ว ที่เราปรับจูนเข้าหากันอีกครั้ง เราพยายามสร้างความสุขเอง อยู่ด้วยตัวเอง เขาก็โทรหาเราทุกวัน วันละสามเวลา แต่ไม่กี่นาที บางวันถ้างานเขาไม่หนัก อารมณ์ดีก็โทรนานหน่อยค่ะ ตอนนี้เจอกันแค่อาทิตละวัน แต่เรารู้สึกว่าเขาดูมีความสุขขึ้น จากเมื่อก่อนที่เราเอาแต่สั่งเขาว่าเทอต้องทำแบบนั้นสิ แบบนี้สิ ตอนนนี้เราเปลี่ยนเป็นนิ่ง แล้วมองดูเขาในทุกๆวัน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเราเคยเห็นเขาทำงานเข้าใจเนื้องานของเขา เขาก็จะมีมาเล่าให้ฟังว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง เขาภูมิใจในงานที่เขาทำเราแค่รับฟังแล้วสนใจในสิ่งที่เขากำลังเล่า ในวันที่เขามาเราก้อเตรียมกับข้าวกินข้าวด้วยกัน เขาใช้เวลาคุยกับเราวันหยุดไม่ถึงชั่วโมงหรอกค่ะ นอกนั้นหลับ 55555 งานเขาใช้สมอง อยู่หน้าจอนาน แน่นอนว่ามันอ่อนล้า เราก็จะหาวิตมินมาบำรุงเขา พอถึงวันนี้เราเริ่มปรับตัวกันใหม่ เขาก็เริ่มชดเชยให้เราบ้างพาไปซื้อของ พาออกไปนั่นนี้ เริ่มแพลนวันหยุดให้บ้าง แต่ครั้งนี้เราไม่ได้สั่งเขานะ เขาทำของเขาเอง เป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองปรับเข้าหากันใหม่ หรือ ต่างคนต่างทำงานไปไม่โฟกัสเรื่องนี้ รอเวลาให้มันผ่านช่วงนี้ไป เขาอาจจะกลับมาเหมือนเดิมก็ได้นะคะ กอดๆค่าา ^^
หวานต้องมาดูเม้นท์นี้เป็นตัวอย่าง ยังดีที่ปรับตัวและกลับมารักกันได้อีกครั้ง ดีใจด้วยนะคะ อ่านแล้วสุขใจจัง คนเราเลิกกันไม่จำเป็นต้องมีคนอื่นเสมอไป ความรักคือพลังและแรงขับเคลื่อนให้ทำอะไรได้อย่างมากมาย ถ้าเจอรักที่ไม่ดี เหนื่อย อึดอัดมันก็หมดแรงเหมือนกันเนอะ
ผมเป็นเหมือนแฟนคุณในช่วงแรกเลย เเฟนผมนี่สั่งให้ผมไปหาหลังเลิกงาน ซึ่งรถติดมากกกกก แค่ทำงานให้เสร็จ ในเวลาก็ยากแล้ว บางวันงานมันไม่ทันจริงๆ ก้ต้องยอมโดนเเฟนด่าที่ไม่ไปหา เป็นวิศวกรนร่มันเครียดกว่ากรรมกรเยอะนะ ไม่ได้ใช้แรงเท่าไรแต่ปวดหัวมาก แล้วผมก้ไม่รุ้จะพูดยังไงให้แฟนเข้าใจ ทุกวันนี้ก้พยายามคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ระเบิด กลัวสักวันนึงผมอาจไม่ไหวแล้วจะเผลอด่าแฟนกลับไปจริงๆ
มันใช่เลย ผู้หญิงบางคน ขี้ระแวง จู้จี้ ชอบบงการ ก็รู้แหละว่่าห่วงว่ารัก แต่มันกลับทำให้ผู้ชายอืมระอา นึกถึงวันแรกๆที่คุยกันสิ มีเรียกร้องอะไรบ้าง ขี้ระแวงมั้ย?
คอมเม้นนี้ดีมากค่ะ
@@MrCodivine วิศวะกรเอาใจยากจริงๆเลยค่ะ 5555555 มีอะไรก็ไม่ค่อยบอก
เคยเจอแบบนี้เลยค่ะ เค้าก็ไม่ได้มีคนอื่นทันทีนะคะ เว้นไป 2-3 เดือน ก็เห็นพยายามหาคนใหม่ ได้ จากที่อ้างงานตอนขอเลิก สุดท้าย.. เพราะเค้าหมดรักมากกว่าค่ะ งานเยอะก็ไม่จำเป็นต้องเลิกกับแฟนค่ะ
จากใจคนบ้างานคนนึง บางครั้งเราก็รำคาญคนที่รักเราแต่ไม่เข้าใจเรา รู้ว่าเขาทำด้วยความรักความห่วง แต่ว่า...มันซัพพอร์ทความเหนื่อยความรู้สึกกันไม่ได้เลย ถามว่ารู้สึกผิดมั้ยที่แสดงออกแบบนี้ รู้สึกผิด แต่บางครั้งการถูกเรียกร้องนั่นโน่นนี่ที่ไร้สาระตอนเหนื่อยมากๆ มันก็กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายได้
+1
พูดจริงๆนะคะ เราฟังเรายังรู้สึกอึดอัดเลยไม่ว่าจะเป็นการเขียนโน๊ตเชิงเรียกร้องมากกว่าห่วงใยหรือการที่ผช. กำลังอาบน้ำแล้วคุณยังส่งข้อความไปอีกคือผช.แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ต้องเว้นระยะให้เขาบ้าง
เป็นคนนึงที่โฟกัสเรื่องงานพอสมควร เรารู้สึกว่างานที่เราทำ มันทำให้เราพัฒนาตนเอง มีอนาคตที่ดีขึ้นได้ ถ้าแฟนบอกแบบนี้เราก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน ยิ่งมาพูดตอกย้ำบ่อยๆ เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน กับแฟนเก่าก็เลิกเพราะเหตุผลนี้เลย เราเลือกความสบายใจมากกว่า
เราเคยเป็นแบบแฟนคุณหวานค่ะ เราเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน ทั้งโดนกดดันจากลูกค้าจากหัวหน้างาน เหนื่อยมาก กลับมาถึงบ้านเราต้องการทิ้งตัว อยากนั่งเงียบๆ อยากนอนพัก หรือทำอะไรแบบช้าๆ เพราะทั้งวันใช้ชีวิตแบบเร่งรีบมามากแล้ว แต่พอกลับมาบ้าน แฟนต้องการให้เราใส่ใจ เรียกร้องความสนใจ อยากให้เราดูแลเขา ใส่ใจเค้าเหมือนเมื่อก่อน จริงๆแล้วไม่ใช่เรารักเค้าน้อยลงนะ เขาจะพูดเสมอว่าเราบ้างาน ทำงานเยอะไป หอบงานมาทำที่บ้าน ถ้าเราตายไปบริษัทแค่หาคนใหม่มาแทนป่ะ เขาบอกว่าเราไม่เข้าใจเขา เขาต้องการการเอาใจใส่ เราไม่ทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี ซึ่งจริงๆเรื่องนี้แค่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน ต้องสังเกตุอาการของอีกคนว่าตอนนี้เป็นยังไง อย่างเราเวลาเหนื่อยจะไม่ยิ้มไม่พูด เพราะยิ่งพูดยิ่งเหนื่อย แฟนก็ต้องรับมือเราให้ได้ อาจจะแค่ถามหิวไหม น้ำเย็นสักแก้วแค่นี้ก็พอ ส่วนเเฟนเราเวลาเขาเหนื่อย เขาจะชอบให้นอนหนุนตักและให้ทำนู่นี่นั่นให้ ตัดเล็บ แคะขี้หู บีบสิว กอด หอม ซึ่งเราก็จะทำแบบนั้น แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างเหนื่อยเราก็จะพูดว่า วันนี้เราเหนื่อยมาก พักผ่อนกันเถอะ
ผู้ชายกำลังสร้างสภาวะที่ทำให้เรากำลังรู้สึกผิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร คือ เขาไม่รักเราแล้ว แต่การหระทำห่วงใยมันได้สร้างความไม่เข้าใจว่า "ทำไม" ต้อง "ทำไม" มีแต่เราเท่านั้นที่ สร้างประโยคในหัวใจว่า เราไม่เข้าใจ ทั้งที่เรา เข้าใจว่า เขาไม่รักเรา
เจ็บจิ๊ดดดด
ผมเห็นต่างครับ ผชไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างสภาวะให้อีกคนรู้สึกผิดครับ เขาแค่อธิบายในสิ่งที่เขารู้สึก แต่สิ่งนั้นกระทบใจอีกฝ่ายครับ ถ้าเขามีเจตนาจะสร้างสภาวะรู้สึกผิดจริง เขาต้องทำอย่างต่อเนื่องครับ
อือหือใช่เลย
เราเป็นแบบนั้นเลย ตอนโดนบอกเลิก แต่เค้าก็บอกนะว่ามันหมดแล้วอ่ะ ความรักที่มี แต่มันเหมือนโดนเตะปลั๊ก แกปล่อยให้ตัวเองค่อยๆหมดรักเราไปโดยที่เราไม่รู้อะไรเลย แล้วอีคนที่รู้สึกเนี่ยกว่าจะมูฟออนได้เป็นปี
บางครั้งทำตัวปกติ ไม่รุ้ตัวเองว่า จับผิดจ้องการกระทำอีกฝั่งหนึ่งโดยไม่รุ้ตัวเอง นี่ขนาดไม่จุ้จี้ยังขนาดนี้
เราเป็นคนหนึ่งที่รำคาน ความสัมพันธ์ที่เซ้าซี้ เวลาเราทำงาน เราชอบเงียบๆ เงียบไปเลย อย่ามีอะไรมาสะกิด เราจะหงุดหงิดทันที คนบ้างานตัดทุกอย่างออกได้หมดค่ะ อันนี้เราคอนเฟริ์ม
เราอยู่ฝั่งคุณหวานนะคะ เป็นกำลังใจให้จริงๆ ในความสัมพันธ์ทุกความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายต้อง ‘ดูแล เอาใจใส่กันและกัน’ ถ้าเราเป็นคนเดียวที่ให้ วันนึงมันก็ต้องท้อ คนสองคนต้องสู้ไปด้วยกันค่ะ ถ้าเค้าไม่อยากสู้ เราทำไปคนเดียวมันก็เหนื่อย ดังนั้นให้ถือว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่เราได้เริ่มต้นใหม่ เป็นกำลังใจให้นะคะ 💗
คุณหวานไม่ได้เป็นฝ่ายให้ครับ เป็นฝ่ายเรียกร้องความต้องการของตัวเองตลอดเวลามากกว่า คิดว่าการที่ฝ่ายชายบอกเลิก คงอึดอัดและสะสมมานานพอสมควร
แฟนเราเป็นวิศวกรเหมือนกันค่ะ งานเค้าจะยุ่งมากจริงๆ ทำงานเลิกค่ำ กลับมาก็ยังนั่งทำงานต่อ ก่อนคบกันเค้าเคยบอกเราก่อนแล้วว่า กลัวอย่างเดียวคือกลัวจะไม่มีเวลาให้ เพราะงั้นสิ่งที่เราจะต้องมี คือความเข้าใจค่ะ เราต้องเค้าใจเค้ามากๆๆๆ แล้วก็จะไม่ไปเซ้าซี้จู้จี้อะไรเค้า เราก็โฟกัสเรื่องของเราไป สำหรับเค้า เค้าก็จะพยายามทำให้เรามั่นใจตลอดว่าเรายังสำคัญกับเค้านะ กลับบ้านดึกมานั่งทำงานต่อก็จะวิดีโอคอลหาอยู่เป็นเพื่อนเค้าจนเสร็จงาน เข้านอนพร้อมกัน วันไหนที่เลิกงานเร็วเค้าก็จะชวนไปทานข้าว ดูหนังรอบดึกกัน (เราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับแฟนนะคะ) วันหยุดไหนที่ไม่ต้องทำโอที เค้าก็จะหาเวลามาหามาเจอกัน ถ้าเค้าไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เค้าก็จะถ่ายรูปส่งมาให้ดูว่าทำอะไรอยู่ ทั้งที่เราไม่ได้ทักไปถามอะไรเลย จนเราต้องบอกว่าเธอเอ็นจอยกับเพื่อนๆนะคะ กลับถึงบ้านแล้วค่อยคุยกันนะ หรือถ้าถึงบ้านแล้วทักมาบอกด้วยน้า คือเราให้สเปซเค้าตลอด เราเชื่อในทฤษฎีวงกลม 2 วงนะคะ ชีวิตคู่จะอยู่แบบสบายๆไม่มีอะไรที่ต้องกดดันในความสัมพันธ์กันเลย ^^
เขาอาจจะคิดว่าคุณหวานไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำก็ได้ค่ะ ในอันที่คุณหวานเขียนโน้ตให้เขา เปลี่ยนจากอย่าโฟกัสงานมากเกินไป เป็นตั้งใจทำนะคะเค้าเป็นกำลังใจให้น้าาอยู่ข้างๆเสมอ เหนื่อยก็พักนะคะที่รัก แบบนี้มันจะรู้สึกว่าเอออย่างน้อยมันก็มีคนที่เข้าใจอยู่ข้างๆเรา เพราะการทำงานมันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะไม่โฟกัส
เหตุการณ์นี้ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายมีคนอื่น
ก็คือ รักกันอยู่แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้
คือยังรัก ยังห่วง แต่พออยู่ด้วยกันกลับเหนื่อย กดดัน เพราะรู้สึกว่าต้องพยายามทำให้อีกฝ่ายพอใจ ถ้าอยู่ด้วยกันต่อก็กลัวความรักจะเปลี่ยนเป็นเกลียด เลยต้องเลิกกัน การเลิกกันไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์เดียวเเล้วตู้ม มันเกิดจากเหตุการณ์เล็กๆบวกความรู้สึกที่สะสมมานาน
เข้าใจ ผช อะ คิดว่าเป็น introvert เหมือนกัน ทำงานเหนื่อยๆ อยากพักอยากอยู่กับตัวเอง อยู่ใน comfort zone แต่กลับเจอแต่ข้อความที่มาโหลดใส่ เรียกร้องนู่นนี่ เข้าใจว่าเป็นห่วง แต่วิธีการพูดการสื่อสารคุณหวานเราฟังยังเหนื่อยเลย รู้สึกไม่ไหวก็ต้องกลับมาอยู่คนเดียวอะ เราว่ามันมีสัญญาณมานานแล้ว แต่คุณยังไม่รู้จักเค้าดีพอว่าชอบไม่ชอบอะไร หรือรู้สึกอะไรอยู่
ผ่านมาเหมือนกันครับกับคนแบบนี้ ยอมรับว่าช่วงนึงต้องทำงานเยอะ ทำทุกวัน(มีแค่วันเดียวที่จะเลิกเร็วหน่อย) ก็จะประมาณนี้เลย ทำอะไรต้องคอยบอก กินข้าว กลับบ้าน ไปซื้อของ วันที่เลิกเร็ว ก็คือเหนื่อยมาตลอดทั้งสัปดาห์อยากกลับไปนอนพักที่บ้าน เขาก็บอกวันนี้เลิกเร็วหนิทำไมไม่มาหากัน พอไปหาแทนที่ตัวเองจะเตรียมตัวให้พร้อม จะไปไหนก็ได้ไปกัน ต้องไปนั่งรอแต่งหน้าทำผม แล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันนานๆ บอกจะกลับเร็วก็งอน ต้อง4-5ทุ่มตลอด วันปกติก็ต้องคอลกันถึง5ทุ่มเที้ยงคืน เรียกร้องไปเสียทุกอย่าง ทำให้เหนื่อยจนแบบ ไม่ไหวแล้ว อยู่คนเดียวก็ได้แบบนี้ เข้าใจผชเลย คุนหวานนี่ถือว่าซอฟๆไปเลย
+ค่ะ
เห็นด้วยเลยค่ะ เราเป็นคน introvert ละพอมาฟังสายนี้ละยอมรับเลยว่าหงุดหงิดอะ
+
@@pakornzaza ว๊าวววว พูดจริงหรอคะนี่ คุณดีมากเลยนะคะนี่ คุณหวานนี่ก็ซอฟจริงๆแหละเน๊อออ ถ้าเทียบกับคุณเนี้ยฮร๊าาาาาา
เราเป็นคนบ้างานเหมือนกันค่ะ ไม่มีแฟนเพราะรำคาญ ผช. จุกจิก ถามอยู่นั่นแหล่ะ ว่าเมื่อไรจะได้กอด ไม่เห็นสนใจเค้าเลย ตัวทำแต่งาน บลาๆ ผลคือเททิ้งค่ะ แล้วคือคุณอ่ะ จี้เค้าเยอะมาก เช่น คุณอย่าลืมฉันนะ สนใจฉันนะ อย่าลืมมากอดนะ คุณต้องยอมรับตัวเองอ่ะเป็นคนที่เรื่องเยอะ จู้จี้จุกจิกไปหมด คุณอาจจะคิดว่าข้อความที่ส่งไปคือเป็นห่วง แต่อยากให้ไปวนอ่านอีกที ทบทวนอีกทีว่านั่นไม่ใช่ข้อความกดดันเค้าใช่ไหม คุณต้องเป็นทีมซัพพอร์ทที่มาพร้อมซัพพอร์ทจากใจจริงๆ ไม่ใช่พูดว่าเป็นห่วงแต่หวังผลให้เค้ามาเอาใจตัวเอง เคยถามเค้าไหมคุณอยากกินอะไร วันนี้เหนื่อยไหม แล้วก็กอดเค้าเองโดยไม่ต้องขอให้เค้ามากอด เค้าต้องการกำลังใจให้หายเหนื่อยจากงาน ไม่ใช่ว่าเหนื่อยจากงาน แล้วต้องมาเหนื่อยกับอาการงุ้งงิ้งกับคนที่บ้านอีก ทบทวนดีๆนะคะ ถ้าเค้าให้โอกาสเราได้รักกันอยู่ คุณต้องปรับตัวนะคะ ขอให้โชคดีนะ
เห็นด้วยกับพี่หอมค่ะ คิดเหมือนเราเลย ทำอย่างที่หอมบอกไปเลย วัดกันไปเลย อย่าอยูาอย่างคนแพ้ค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้ชายมีคำตอบอยู่แล้วค่ะ สู้ๆนะคะ ต้องผ่านมันไปให้ได้ ไปอยู่กับเพื่อนหรือครอบครัวก่อน จะได้มีคนคอยให้คำปรึกษา และดูแล
เราว่าเท่าที่คุณหวานบอก ถ้าคนรักกันจะรู้ว่าเป็นห่วงนะ แต่ก็อย่างว่า ถ้ามันไม่ใช่แล้ว ทำอะไรก็ผิด เพราะผู้ชายมีคำตอบอยู่แล้ว
เราเองก็เป็นคน introvert มาก เมื่อไหร่ที่เต็มที่กับอะไร เช่น งาน แต่มันรู้สึกเหนื่อยมากๆๆ ไม่อยากได้คำว่าสู้ๆๆนะ เป็นห่วงนะ คำพูดให้กำลังใจร้อยแปด เราแค่ต้องการแค่ความเงียบที่ได้อยู่กับตัวเอง ก็แค่นั้น อย่าพยายามตีกรอบหรือ แสดงความเป็นห่วงจนเรารู้สึกแย่ว่า แล้วเราทำไรผิด เราก็ดูแลตัวเองดีป่ะ เราก็ทำงานป่ะ แต่แค่งานมันก็เหนื่อยด้วยไง อย่าพยายามแสดงให้รู้สึกอึดอัดเลย เหนื่อยแม้กระทั่งอธิบายเลย
เราเป็นคนนึงที่เลิกคุยกับคนคุยเพราะเขาบอกว่าเหนื่อยก็พักนะหลายๆรอบเหมือนกันค่ะ งานเราคือเยอะมากจริงๆค่ะงานล้นมือต้องทำเสร็จวันต่อวันรันต่อทันที พอได้ยินคำนี้หรือเห็นประโยคนี้คือเราท้อเลย คือชีวิตเราพักไม่ได้มันต้องไปต่อ แล้วเราเลยรู้สึกว่าเขาเข้าใจเราจริงๆใช่ไหมว่ามันพักไม่ได้ขนาดนั้น ไม่รู้ว่าแฟนคุณหวานเป็นประเภทเดียวกับเราหรือเปล่า ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรบอกให้พักสำหรับคนที่งานเยอะมากๆที่เขาวางแผนจะทำอะไร ถ้าเขาเหนื่อยให้อยู่ข้างๆเขาก็พอ เปลี่ยนเป็นพูดเป็นสู้!ลุยเลย! เพื่อปลุกไฟ เป็นกำลังให้คุณหวานนะคะ
จุดนั้นมันอยากได้ยินคำว่า "เธอทำได้ดีแล้วนะ" "สิ่งที่เธอทุ่มเทอดหลับอดนอนทำลงไปมันคุ้มค่ามากนะ" มากกว่ามาบอกให้พักหรืออะไรทำนองนี้อีก
ผญ. เท่าที่เล่าเหมือนเป็นห่วงแต่สุดท้ายคือห่วงตัวเอง อยากได้ความสนใจ อยากให้แฟนสนใจตลอดเวลา ทั้งๆทีคนเหนื่อยจากการทำงาน เครียดจากการทำงาน มันต้องการพักผ่อนอยู่กับตัวเอง ไม่อยากให้ใครวุ่นวาย การคบกันในวัยทำงานคือต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของๆตัวเองจริงๆ คนอื่นไม่ต้องมาสาระแนเป็นห่วงเป็นใย
เราเข้าใจเลยความรู้สึกนี้ ไม่ได้ทะเลาะกันเลย อยู่ๆ ก็โดนบอกเลิก ช็อคมากจริง ๆ ตอนนั้น มัน งง ไปหมด มันต้องการเหตุผล แต่คนหมดรัก ยังไงก็คือหมดรัก ต่อให้เราแสนดีเหมือนแม่ชีออกบวช คนหมดใจยังไงก็ไป เป็นกำลังใจให้นะค่ะ เวลาจะช่วยเยียวยาแผลใจค่ะ
เข้าใจผู้ชายนะ เช่น กลับมาเหนื่อยอยากทิ้งตัวแต่มันต้องกอด ต้องทำตามสัญญานะ มีเราอีกคนให้ห่วงนะ มันฟังแล้วล้าจริงๆ มันเหนื่อยสะสม
เอาจริงๆจากคนวัยทำงานอายุใกล้เคียงกัน
งานเครียด จากที่ทำงาน เอาอยู่ไหว จบวันเสร็จไม่มีปัญหา
แต่ถ้ากลับมาบ้าน เจอเรื่องจุกจิกคือโมโหเครื่องติดง่ายเลย
เลิกงานมาบางทีอยากมีเวลาพักหายใจ อย่าว่าแต่เทคแคร์ใครเลย แค่นั่งให้หายเหนื่อยยังต้องใช้เวลา
คือบางทีก็อยากให้เข้าใจว่า รับมาหนักจากเวลาทำงานแล้ว กลับมาบ้านแล้วก็ไม่อยากคุยเรื่องงานแล้ว ยิ่งโดนเค้นให้พูดยิ่งไม่อยากพูด
แล้วที่บอกว่า อย่าทำงานมากไป อย่าไปเครียดมากไป คำพวกนี้มันไม่ได้ช่วยให้จิตใจดีขึ้นเลย
ลองคิดดูว่าคุณกำลังพยายามอยู่ แต่มาบอกว่าไม่ต้องพยายามหรอก เป็นใครก็รุ้สึกไม่ดี ทั้งด้านความมั่นใจและกำลังใจ
เข้าใจว่า intention มันดีและมาจากความเป็นห่วง แต่บางทีวิธีการแสดงออกก็สำคัญเหมือนกัน
เข้าใจแฟนคุณเลย คือคุณเรียกร้องต้องการให้เค้าทำนั่นนี่ตลอดเวลา คนเหนื่อยๆ คุณทำอะไรให้เค้าชื่นใจหายเหนื่อยบ้างคับ อยากให้เค้าหายเหนื่อย "อย่าไปเรียกร้องให้เค้าทำนั่นทำนี่คับ" เหมือนเหมือนการสั่งงานเพิ่ม คุณเจตนาไงไม่เกี่ยวคับ แต่การกระทำมันทำให้คนรักคุณเหนื่อย ไม่ได้แสดงให้รู้สึกหายเหนื่อยเลยคับ
ย้ำถ้าห่วงสุขภาพ คุณต้องทำนั้นนี้ให้เค้าคับ ซื้ออาหารเสริม ทำอาหาร เตรียมอาหารดูแลเค้า ไม่ใช่ทำแบบที่ทำตอนนี้เค้า ลองจินตนาการว่าเราทำงานแบบเหนื่อยมากๆ แทบสลบอ่ะ กลับมาบ้านอยากพักร่าง เจอแบบนี้ อยู่คนเดียวดีกว่า
จริงครับ ผมเจออยู่
น่ารำคาญจริงๆนั้นแหละหวังดีเชิงบังคับ แล้วถ้าเรากำลังตึงงานเครียดๆ คือแบบ เห้ยวุ่นวายจังจะพักจะนอนจะกินตอนไหนที่มีความสุขก็จะทำตอนนั้นไม่ต้องบอกโตแล้วดูแลตัวเองได้ แค่อยุ่ข้างๆเงียบๆก็พอแล้ว เราเลิกกับแฟนผู้ชายที่เจอเป็นแบบนั้นมาทุกคน เวลาทำให้หงุดหงิดไร้เหตุผล แล้วกระทบงานนะ ทำเฟอฟอแมนซ์ตกนะ จะบ้าตายเอาจริง
ใช่ค่ะคิดเหมือนกันเลยค่ะ
ใช่ๆ กว่าจะได้ฟิล ที่อยากทำงานคือมันนานมาก พอได้ฟิล ก็ต้องมาคอยขัดคอย จุกจิกๆ มันรู้สึกเหนื่อยมากนะ อยู่ข้างๆก็พอ
สามีก็ทำงานวิศวะนะคะ (แต่เป็นชาวต่างชาตินะคะ อายุ 35เหมือนกัน) ถ้าเวลาทำงานคือเขาทำตั้งแต่เช้ายันตี1ตี2เลย ถึง work from home นี่ก็ชวนคุยไม่ได้เลยถ้าเขากำลังโฟกัสกับงานอยู่ เว้นช่วงเขาเบรค งานวิศวะนี่เป็นงานที่หนักจริงๆค่ะ เราเองก็เป็นแม่บ้าน ก็พยายามไม่กวน แต่คอยดูแลเรื่องอาหาร ของว่าง กาแฟ ไว้ให้เขาพอ
คุณหวานบอกตลอดว่าเข้าใจ แต่ใจจริงคุณหวานไม่ได้เข้าใจเขาจริงๆเลยค่ะ ทุกประโยคที่คุณหวานพูดกับเขา คุยกับเขา มันเหมือนคุณหวานกดดันเขา เขาเหนื่อยกดดันจากงาน แล้วต้องมาโดนคาดหวังจากแฟนตัวเอง เราก็อึดอัดค่ะ ยิ่งเป็นคนอินดี้บ้างาน โลกส่วนตัวสูง ยิ่งอึดอัดเลยค่ะ
คุณแค่เจอคนที่ personality ไม่ match กัน ไม่มีใครผิดใครถูก คุณค่อนข้างง้องแง้ง และเรียกร้องความสนใจสูง ก่อนจะมองหาผู้ชายคนใหม่ ลองไปลงคอร์สพวก love coach ฝึกการสื่อสารกับผู้ชายดีๆก่อนนะคะ อย่าตัดพ้อน้อยใจและ ใช้ข้อความทำให้ผู้ชายรู้สึกผิดบ่อยๆมันสะสมจนเป็นความรำคาญ
มันเป็นอาการหมดรักค่ะ ใจมันไม่ให้อะไรมันก็ไม่ถูกใจ บางทีมันไม่มีผิดมีถูกหรอกค่ะ มันหมดใจ
มันเป็นเหมือนข้ออ้างที่อยากจะเลิกมากกว่าค่ะ
พยายามทำให้คุณหวานทำใจและถอยไปเอง
ทำไมเค้าถึงโมโหในสิ่งที่คุณหวานทำ เพราะไม่ได้รักแล้วค่ะ หรือเค้าอาจจะมีคนใหม่
อาจไปเจอคนคนนึงในที่ทำงานใหม่ก็ได้ค่ะและเค้ากำลังคิดทบทวนอยู่ว่าจะเอาไงดี พอดีกะที่คุณหวานทำเช่นเขียนข้อความต่างๆ อาจทำให้เค้าไม่พอใจและรำคาญ ถ้าเลิกกันแล้วรอดูอีกสักเดือน 2 เดือนซิคะ เค้าจะเปิดตัวคนใหม่
***การที่กำลังจะแต่งงาน ไม่ใช่ตัวยืนยันได้ว่าเราจะอยู่กันไปตลอดชีวิต***
เลิกค่ะคุณหวานหันมาดูแลตัวเอง หาอะไรทำเพื่อให้ตัวเรามีคุณค่ามากขึ้น อยู่กับเพื่อนๆให้มากๆ ไปเที่ยวกับเพื่อนๆค่ะ คุณหวานจะทำใจได้เร็วขึ้น
เท่าที่ฟังเราคิดว่าทุกอย่างมันมีสัญญาณมานานแล้วอ่ะ ถ้ามันไม่มีสัญญาณอะไรเลยคุณหวานจะไม่ใช้คำว่า “สนใจหนูหน่อย” มันมีสัญญาณค่ะแต่คุณหวานยอมรับความจริงไม่ได้ว่าอะไรมันเปลี่ยนไปหรืออะไรมันกำลังเกิดขึ้น
แต่เราแอบคิดว่าคุณหวานเหมือนเรียกร้องอ่ะ แต่แอบเอาเรื่องเป็นห่วงเค้ามาอ้าง อย่าโกรธกันนะคะและอีกอย่างไม่ทราบว่าวัยห่างกันมากไหม ดูเหมือนอารมณ์คนละfeel กันเลย
ไลฟ์สไตส์ความรักที่แตกต่างกัน จงหาคู่ชีวิตที่เข้ารูปแบบของความรักที่ต้องการครับ มันอาจจะหายากซักนิด แต่ถ้าเจอ ก็ไม่ใช่ว่า.. จะสมหวังเพราะความรักมันยังมีอะไรต่างๆอีกมากมายที่จะต้องเจอทั้งคู่ ขอให้เข้าใจกับความรักในปัจจุบันครับ อะไรที่มีจบไปแล้ว แค่ทำใจยอมรับมันแล้วไปต่อ มันไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับการทำใจ กับการจากลา สู้ๆครับ ขอให้เจอแบบความรักที่ทุกคนต้องการ ขอให้โชคดีกับความรัก 🙏
จากที่ฟัง เดาว่าพอเลิกกันไปแล้ว เดี๋ยวสักพักถ้าเค้าเห็นค่า รู้สึกว่าขาดอะไรไป เค้าก็ขอกลับมา .. คนบ้างาน มันก็คิดถึงแต่งาน พอเหนื่อยงานก็รู้สึกไม่อยากเอาอะไรแล้ว ยิ่งถ้าเราเข้าไปมีบทบาทในชีวิตเค้า ก็กลายเป็นเค้าหงุดหงิดเค้ารำคาญ แม้ว่าเราจะหวังดีก็เหอะ มันไม่เห็นค่าหรอกอารมณ์นั้น
ทั้งที่คนเรามันควรมีบาล้านซ์ในทุกเรื่อง แต่คนที่มันคิดไม่ได้ มันก็คิดไม่ได้จริงๆแหล่ะ ต้องให้เสียไปก่อนถึงจะมาดำริได้
หรือไม่งั้น ก็ไม่กลับมาหรอกแต่อาจจะมีคนใหม่
ถ้าคุณหวานแกไม่ปรับวิธีสื่อสารกับแฟนดูทรงแล้ว ผู้ชายน่าจะไปแล้วไปเลยนะคะ เราพอเข้าใจพวกบ้างานอยู่ คือพอเจอคู่ชีวิตง้องแง้ง ความนับถือหดหาย เจอพฤติกรรมน่ารำคาญเยอะเข้าก็เริ่มนับถอยหลังและหมดใจไปแล้วค่ะ
ไม่ต้องหาเหตุหาผลอะไรทั้งนั่นไม่จบไม่สิ้น วกไปวนมา เพราะต้องการคำตอบไงถึงเป้นแบบนี่ ตอนนี้ชายเค้าโมโห ไม่มีจริงหรอกที่จะพุดออกมาได้เต้มคำว่า จบ!!! คนเราถ้ามันจะไปไม่ต่องมาพุดมากเสียเวลา นี่มันก้ยังเป็นโอกาสของคุนนะคะที่จะแก้ตัว ถ้ายังอยากจะมีเค้าอยู่ มันไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม ลองนี่งๆๆ หุบปาก อย่าถามมากทำตัวให้ปกติ ต่างคนต่างอยู่ ก้ดีเหมือนกันจะได้คิดทบทวนหัวใจตัวเอง
เราแอบคิดว่าเป็นเรื่องเงิน...
โน๊ตที่ส่ง มันเหมือนการตัดพ้อมากกว่าแสดงความเป็นห่วงค่ะ ลองฝึกวิธีการให้กำลังใจที่ถูกต้อง และการเป็นผู้รับฟังที่ดีดู ลองคุยกันดูว่าขอแก้ตัว ทำให้เค้าสบายใจ ไม่เรียกร้อง ปรับนิดหน่อย อาจจะดีขึ้นค่ะ
(ปล. บางทีทำงานที่บ้าน มันว่าง ทำให้ฟุ้งซ่าน หาอะไรทำเพิ่ม เผื่อช่วยได้ เราแอบมีความรู้สึกว่า ผช ยุ่ง ทำงานหนัก สร้างตัว ผญ อาจจะชิวๆ กว่า เค้าอาจอยากได้คนที่ขยันมากๆ ช่วยกันสร้างชีวิต และไม่เรียกร้องความสนใจ คิดถึงแต่ตัวเองเกินไป)
ไม่เป็นไรนะคะคุณหวาน มันเกิดได้ เราก็เคยค่ะ ตอนนั้นเรายังพึ่งเริ่มทำงานพึ่งมีความรัก บริหารมันไม่เป็น ตอนโดนบอกเลิกเพราะอะไรแบบนี้เราโทษตัวเอง หาเหตุผลมากมาย จนสุดท้ายเข้าใจค่ะว่า คนบอกเลิก เหตุผลเดียวคือเลิกรักแค่นั้นเองค่ะ ซึ่งไม่มีใครผิด เราจะเรียนรู้เรื่อยๆ และจะเจอคนที่รักเราแบบที่เราเป็น หรือพร้อมจะเดินคู่เราในวันที่เราผิดพลาดและมีปัญหา สู้ๆนะคะ จะรักใครต้องรักตัวเองก่อน อยู่กับคนรักแบบเข้าใจเขา อยู่คนเดียวให้ได้แม้มีแฟน แต่อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยค่ะ เอาใหม่
การพึ่งพาผู้ชายมากไป การที่ผู้ชายงานยุ่งมากแต่ผู้หญิงไม่สามารถคุยเรื่องงานหรือสภาพแวดล้อมในการงาน มันไม่มีเส้นอะไรมาเชื่อมกันได้ อีกทั้งเวลากลับมาบ้าน ผู้หญิงได้ทำหน้าที่ที่ดีหรือไม่ จัดบ้านทำความสะอาด ปรนนิบัติประมาณนี้ให้เค้าได้รับความสะดวกสบาย อย่าคิดว่าตกยุค ผู้ชาย-ผู้หญิงเสมอกัน. อย่างน้อยถ้าเราสละความสบายเราซักนิด เค้าสบายขึ้นหน่อย. เค้าจะมีความรู้สึกกับเราดีขึ้น.
เพิ่งได้ฟังวันนี้ เลยอยากจะบอกว่าไม่ต้องไปพยายามยื้อเขา เพราะตัวเองมีประสบการณ์คล้ายกันเลย มีแฟนเก่าบ้างานธุรกิจส่วนตัวจัดเวลาไม่ดีทำคนเดียวทำไม่ทันมีปัญหามากมายเพราะประเมินความสามารถตัวเองไม่ถูก ทำงานช่วงกลางคืนเพราะบอกว่ามีสมาธิ นอนน้อย บางทีแค่วันละสามสี่ ชม บางทีก็ไม่ได้นอน คนเราพอพักผ่อนน้อยมันก็หงุดหงิดเราทำอะไรก็ขวางตา ขัดใจเขาไปหมด ไม่เคยทำร้ายร่างกายแต่ทำร้ายด้วยอารมณ์ตะคอก เหมือนคนไบโพล่า เราเลิกงานไม่อยากเข้าบ้านเพราะไม่มีความสุข เรากลับมาเที่ยวไทยโทรหาเขาที่อยู่แคนาดาไม่ถูกจังหวะ เขาก็บอกรบกวนงานเขา( คือเขาทำงานกี่โมง นอนกี่โมง เราไม่สามารถคาดเดาได้ เห็นออนไลน์ เออ เลยโทรก็โดนว่า ทั้งที่เราไม่เคยโทรจิก เพราะรู้จักเขาดีว่า เขาไม่ชอบให้เขียนให้โทร ( อารมณ์ขึ้นขึ้นลงลง บทจะอ้อนก็ทำปัญญาอ่อนจนเรา งง)
จนมันถึงที่สุดน่ะค่ะ เขารักเราไม่พอเขาเลยขวางหูขวางตากับเรา เขาบอกแบบนี้ พอเลิกกัน เราออกมาสร้างรังใหม่ของตัวเองกับลูก( ไม่ใช่ลูกเขา เรามีลูกหนึ่งคนกับสามีเก่า) อยากจะบอกว่ามีความสุขมาก เหมือนทนกับมันมาได้ไงสี่ปี แถมเราอายุ 44ตอนเลิกกับเขา คิดว่าแก่ละไม่มีละ ดูแลตัวเอง ออกกำลัง รักตัวเองมากมาก ลูกชายแฮปปี้มาก ตัวแฟนเก่าปล่อยให้มันจัดการชีวิตบ้างาน ไบโพล่าตัวเองไป คำที่เขาบอกว่ารักเราไม่พอ ยังจำได้ แหมเขียนหา โทรมา อยากแวะมาเยี่ยม ส่งเพลงแรพชื่อเรามาว่ารักมาก ถุยค่ะ บางทีแวะมาที่ทำงานหาเหตุมาเจอ เราก็ยิ้มคุยดี ส่วนแฟนที่คิดว่าไม่เอาละ อยู่คนเดียวได้ คือไม่กี่เดือนเราพบคนใหม่อบอุ่น ใจดี ดูแลกันและกัน รักเอ็นดูลูกชายเราดี ถ้าเราได้เจอคนที่ใช่อะไรมันก็ง่าย อย่างเดียวที่ต้องทำคือรักตัวเองให้มากมากค่ะ ปล่อยเขาไป เมื่อเรารักตัวเองทีความสุขก็จะดึงดูดสิ่งดีดีเข้ามา อย่าไปจมปลัก อย่าไปดีเพราะมันจะวนลูปเดิม เขามีปัญหาส่วนตัวเขาเขาต้องไปปรับปรุงแก้ไขตัวเขาด้วยค่ะ ( คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน อาจจะโครโมโซมด้วย มันลึกลับซับซ้อนนะคะ ทุกวันนี้เรายังคิดว่ารึแฟนเก่ามีปัญหาทางจิตนิดนิด ) สู้สู้ค่ะ
ผู้ชายคนนี้กระหายความสำเร็จ ในเวลาหนึ่งที่เขาเจอคุณเขากับคุณมีความเหมาะสมกันเพราะ ทัศนคติในเวลานั้นคือความรักและความสัมพันธ์ แต่พอเวลาผ่านไปการงานเริ่มไปทางที่ดีขึ้น การพบเจอคนนู้นคนนี้ที่มีวุฒิภาวะมากกว่า มันผลักดันให้เขาพัฒนาตัวเองไปมากขึ้น พอเขาหันกลับมามองคุณคุณค่าของคุณไม่ไช่มาตรฐานของเขาอีกต่อไป การกระทำของคุณเล็กๆน้อยอาจทำให้เขาอับอายว่าเขามาคบกับคนอย่างคุณได้อย่างไร เขาถึงเกิดความโมโหตัวเองและหงุดหงิดเวลาคุณทำอะไรไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม สิ่งที่คุณทำได้ตอนนี้คือต้องออกมาจากชีวิตเขาต่างคนต่างใช้ชีวิต ให้ทั้งคุณและเขาเรียนรู้ชีวิตให้มากกว่านี้ แต่ถ้าคุณเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พัฒนาสิ่งต่างๆ ทำสิ่งต่างๆให้มีวุฒิภาวะมากขึ้น ทั้งการวางตัวความคิดความรู้ความสามารถ การวางแผนต่างๆ ที่ดีขึ้น คุณและเขาก็อาจจะกลับมาคบกันก็ได้ แต่จากประสบการณ์ที่ผมเห็น ผมคิดว่าพอคุณพัฒนาตัวเองมากกว่านี้ คุณก็ไม่ชอบเขาแล้วแหละครับ ดังนั้นเลือกที่จะเดินออกมาพัฒนาตัวเองและวางแผนชีวิตดีๆพร้องเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พบผู้ชายดีๆในอนาคตซักคนครับ
ในมุมคนที่เหนื่อยจากงานแล้วเจอแฟนกดดัน แล่วบอกว่าอย่าไปสนใจงาน อย่าไปเครียดกับงานมาก จะโมโหมากเลยนะ ไม่อยู่จุดที่อยู่ ไม่มีใครเข้าใจหรอกค่ะ นี่เป็นคนจริงจังกับงานมากกกกกกก บางทีได้ยินคือน้ำตาไหลเลยนะ แค่งานก็เครียดแล้ว ใครจะไม่อยากสบาย ใครจะไม่อยากพัก พูดแล้วก็ขึ้นนะ
Lĺĺl
เคสนี้ผู้หญิงเรียกร้องมากเกินไปจนผู้ชายรู้สึกอึดอัดค่ะ ในการแสดงความห่วงใยนั้นมันมีความหมายแฝงไปในทางร้องขอเพื่อตัวเองตลอดเลย ไม่ใช่การแสดงความห่วงใยเค้าจริงๆ ซึ่งผู้ชายเค้าคงรู้สึกแบบนั้นค่ะ ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้แนะนำว่าต้องให้ space กันและกันค่ะ ยอมเลิก ยอมห่างไปก่อน ให้เวลาเค้า ถ้ายังรักกันอยู่มันจะกลับมาคบกันได้อีกหลังจากทั้งคู่ปรับตัวกันใหม่ได้แล้วค่ะ
ใช่ๆ เหมือนห่วงสุขภาพแต่จริงๆห่วงตัวเอง อยากได้ความสนใจ
ที่คุณหวานทำก็เพราะเป็นห่วงมั้ยอ่ะ ถ้าไม่ห่วง ไม่รัก คงไม่วุ่นวาย ถ้าแฟนคุณหวานแค่พูดว่าไม่ชอบ แล้วให้คุณหวานเปลี่ยน ถ้ารักกันจริงๆคงคุยกันก่อน
แฟนคุณน่าจะเหมือนเรา แฟนเราไม่มีอะไรแบบนี้ ไม่มีว่าต้องมากอด ต้องมาอะไรแบบนี้ แฟนจะบอกเราว่า ไหวไหม มาลูบหัวแล้วบอกให้พักบ้าง แล้วคอยหาข้าวหาน้ำให้กิน จะรอนอนพร้อมกัน แต่ถ้าไม่ไหว ก็จะนอนก่อน จริงๆไม่ควรต้องบอกให้เค้าทำอะไรหรอก ถ้าเค้าเหนื่อย เค้าจะพัก ถ้าเค้าอยากได้กำลังใจ เค้าจะเข้ามากอดคุณเอง สำคัญที่ คุณต้องหาตรงกลางให้เจอ หางานอดิเรกทำ คนที่มีความรับผิดชอบ ยังไงก็จะเลือกงาน มากกว่า
ผมเป็นผู้ชายที่บ้างาน คุณหวานหาผัวใหม่เถอะครับ คุณไม่ใช่อันดับหนึ่งของพวกผมอะ อันดับหนึ่งของผมคืองานและความาสำเร้จแล้วอายุเยอะแล้วด้วย สิ่งที่ดึงดูของผู้ชายบ้างานคือ ผู้หญิงที่มีฝันครับ อยากเป็นเจ้าธุรกิจ อยากทำช่องยูทูป อยากอ่านหนังสือเยอะ อยากปลูกต้น อยากเป็นเชฟ หรืออะไรที่เป็นชิ้นเป้นอันครับ ตอนนี้เหมือนคุณแค่เพ้อ และทำว่างอยู่ครับคุณไม่ได้เข้าใจความต้องการของคนบ้างานเลยสักนิด หาผัวใหม่ครับ
ใช่ครับ เห็นด้วยที่ว่าอันดับหนึ่งคือผู้หญิงที่มีฝัน
ไม่ต้องมีแฟน อยู่คนเดียวไปเลย
ไม่เข้าใจพวกที่เบลมผู้หญิงอ่ะ เท่าที่ฟังมามันคือความเป็นห่วงของแฟนที่ธรรมดามากเลยนะ ถ้าจะผิด ก็ต้องผิดที่ผู้ชายไม่บอกความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเองออกมา ปล่อยให้มันเรื้อรังจนระเบิดซึ่งก็งงว่าเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ ทำงานแบบใช้ตรรกะทำไมถึงไม่มีเหตุผลเลย ถ้าคนมันรักอ่ะ มันจะพยามปรับจูนเข้าหากัน ไม่ใช่มาหักดิบเลิกแบบนี้ มันก็แค่เหตุผลของคนที่หมดรักแล้วก็แค่นั้นแหละ
จริงคับ ผญ ดีมาก ทำไมถึงโดนด่าเฉย ตามใจตลอด ดูแลใส่ใจตลอด ผญ แบบนี้โครตดี อยากไปใหนก็ไป แค่อยากให้กอด มันจะหนักหนาอะไรนักหนา ผช แค่ไม่รักหาเหตุผลทำให้ ผช ผิด สงสาร ผญ มาก
อย่าเรียกบ้างานเลยค่ะ ควรเรียกเห็นแก่ตัวค่ะ ก็แค่คนๆนึงที่อยากจะโฟกัสแต่ตัวเองเรื่องของตัวเองโดยที่ไม่อยากจะแบ่งเวลาหรือพลังงานมาใส่ใจคนอื่นแล้วเท่านั้นเองค่ะแต่คนอื่นต้องเข้าใจไม่กวนใจเขานะแต่เขาไม่ต้อง ง่ายๆนะคะ ถ้าเมเนจหรือแบ่งเวลาขีวิตไม่เป็นก็ไม่ต้องเอาใครเข้ามาในชีวิตค่ะ อยากให้คนอื่นเข้าใจตัวเอง อยากให้คนอื่นระวังคำพูดกับตัวเอง แต่ไม่เห็นจะใส่ใจคนอื่นที่ตัวเองเลือกมาเป็น "คนรัก" บ้างเลย ก็ตลกดีค่ะ
เป็นอีผีบ้าคะ ทำไมพี่ไม่สนใจหนูหะ มาหาก้มาแป้บเดียว ไม่ต้องมาสนใจหนูหรอกพี่ไม่รักหนู พี่ต้องสัญญาก่อนว่าครั้งต่อไปจะอยู่กับหนูนานๆๆ // ถ้าเทอทำตัวน่ารักเข้าใจพี่ก้จะรีบมาหาเลยมีเวลาก้จะรีบมาหาเลยดีไหมครับ// หน้าตานางก้ 😾แล้วจะมาไหมคะพี่ แล้วหนูจะรอนะคะ นางอยากได้คำตอบ สีหน้าท่าทางไม่น่ารักเลย อาการออกผู้ชาย หนีกลัวอยู่ละอึดอัดไม่ปลอดภัย
ผญ.เป็นอีผีบ้าใครจะอยากคบต่อ มันน่าเบื่อน่ารำคาญ!!
อันนี้จริง
เราว่าเขาอยากให้คุณหวานเป็นคนเอาใจเขา มากกว่าเป็นคนมาเอาใจคุณหวานนะ
จากที่เล่ามา คุณหวานดูอยากได้นั่นนี่อยากให้เขามากอดมาเอาใจคุณหวาน ทั้งๆที่เขาทำงานถึงตี 4 ค่อยได้นอนอะ
คหสต. ตอนนี้เขาโกรธคุณ เพราะคุณเอาแต่บอกเลิกให้ทำงาน(ทั้งๆที่เขามองงานมาที่1อยู่ละ)แล้วมาสนใจน้องบ้าง(ประโยคว่าสนใจน้องบ้างนี่เราว่าเขาโมโหตรงนี้แหละ) คุณควรช่วยเขาบ้าง เขาอาจจะแค่อยากให้คุณมาคอยโอ๋เขาเวลาเขาเหนื่อยจากที่ทำงาน ไม่ใช่มาคอยตามเอาใจคุณ มันเหนื่อยกว่าเดิมอีก
ตอบด้วยเป็นคนนิสัยแบบแฟนคุณหวานนะคะ
การจะอยู่ร่วมกับคนแบบนี้
1.ไม่ถามเยอะ ให้กำลังใจได้
2.ไม่ต้องถามว่ากินอะไร ให้ซื้อมาให้กินเลย
3.เป็นห่วงสุขภาพได้ แต่ไม่ต้องใช้คำพูด ให้ซื้อนมหรือของกินบำรุงมาให้ข้างๆ
4.รับฟังเขามากกว่าการตั้งคำถาม
5.วิธีให้กำลังใจคือ สู้นะ เต็มที่กับงานนะ (ปล่อยให้เขาไป)
6.ถ้าไม่ไหว ให้ออกมา
เข้าใจทั้งสองฝ่ายค่ะ
ฝ่ายหญิง อยากให้ความรักมั่นคงเหมือนเดิม และเป็นห่วงที่ทำงานหนัก กลัวจะมากระทบความสัมพันธ์พยายามประคับประคองรักด้วยการเขียนโน๊ตและพิมพ์แชทแบบนั้นซึ่งมันดูเป็นการกดดันฝ่ายชายที่นิสัยดูจะมีโลกส่วนตัวและจริงจังกับเรื่องงาน
ฝ่ายชาย จริงจังกับงาน โฟกัสกับเรื่องงานจริงๆ เราเข้าใจจริงๆนะคะ ลักษณะข้อความแบบนั้นมันทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดันมากจริงๆค่ะ เหมือนเป็นการเบลมฝ่ายชายว่าไม่สนใจ ไม่เทคแคร์ ไม่ทำตัวเหมือนเดิมอะค่ะ พอมันมากๆเข้า เค้าก็เลยตัดสินใจเลิกกับฝ่ายหญิง เพื่อจะได้โฟกัสกับงานที่เค้าตั้งใจมากๆไปเลยค่ะ
จริงๆเรื่องนี้มันค้องสื่อสารค่ะ ตั้งแต่แรก ว่าเป็นอะไร รู้สีกยังไง คิดยังไงกับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้
เป็นกำลังใจให้คุณหวานนะคะ เป็นช่วงเวลาที่ยากแต่จะต้องผ่านไปให้ได้นะคะ
แค่ฟังคุณหวานเล่า ก็เข้าใจแฟนคุณหวานเลย เจอแบบนี้บอกเลยอย่างเครียด ถูกคาดหวัง ตีกรอบจากทุกด้าน ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่แฟน
ความหวังดี ที่ออกมาในรูปแบบคำสั่ง ที่น่าสงสารยิ่งกว่า คือ แฟนคุณหวานเป็นคนดี ใช่เหตุผลในการเคลียร์ตัวเอง ไม่วี๊ดไม่ปี๊ดใส่ใคร เก็บทุกอย่างไว้จนทนไม่ไหว ถ้าคู่รักยังเป็นเซฟโซนให้ไม่ได้ อยู่คนเดียว น่าจะทุกข์น้อยกว่า เพราะลดจำนวนคนกดดัน ลงได้ 1 ตำแหน่ง เพราะตำแหน่งนี้อยู่ที่บ้าน บ้านควรเป็นเซฟโซน อบอุ่น สบายใจ
ไม่ต้องรู้สาเหตุหรอกค่ะว่าทำไมเลิก ก็เขาบอกเลิกเรานี่คะ และเราก็บอกว่าขอโอกาสปรับกัน แต่เขาก็บอกแล้วว่าถ้าคบกันคงอึดอัด ลองแยกกันก็ดีนะคะ เขาอาจยังสับสนก็ได้ อยู่แบบเงียบๆไปก่อน ไม่ต้องเร้าหรือเขามากค่ะ เขาอาจอึดอัดอยู่
คนเราเลิกกัน ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร มีแค่เหตุผลเดียว หลักๆ คือ หมดรักแล้ว ไม่ก็รักคนอื่นไปแล้ว
จริงค่ะ ถ้ารักมากพอ น่าจะปรับความเข้าใจกันคุยกันได้อยู่ เราไม่ชอบแบบนี้ เธอไม่ชอบแบบไหน แต่นี่ผู้ชายดู ตัดฉับเลย
ไม่ใช่หมดรักจ้า ไปแยกให้ออกนะมีหลายเหตุผลมาก วลีโบราณแบบนี้พักกับสมัยนี้นะ ความรักคือความซับซ้อนหลายแบบ
เลอะเทอะ ปัจจัยปัญหาเยอะเยะในการเลิกกัน วลีเก่าที่มันใช้ไม่ได้จิงเลิกเถอะ
@@menoasnion8942 ช่วยชี้แนะยกตัวอย่างให้ฟังได้ไหม ปัจจัย อะไรที่ทำให้เลิกกัน ทั้งที่ยังรัก ยกเว้น การเห็นแก่ตัวนะ เช่น รักแล้วไม่มีอนาคต หรืออึดอัดใจที่อยู่ด้วยกัน
@@SuperStar-ch4rd เราก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเหตุผลอะไร ถ้ารักกัน ทำไมถึงเลิก ยกเว้นเหตุผลรักแค่ตัวเองนะ ช่วยยกตัวอย่างที่ชัดเจนได้ไหม เราจะได้หลุดพ้นสักที
เป็นกำลังใจให้คุณหวาน หันกลับมารักตัวเอง ให้คุณค่ากับตัวเอง ที่กำลังเป็นคือความคาดหวังจากอีกคน ซึ่งเรากำหนดไม่ได้ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถอยห่างออกมา จะได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองชัดขึ้นนะคะ
โน๊ตให้กำลังใจ แต่บอกว่าให้สนใจกันบ้าง มันเหมือนเรียกกร้องให้เค้าสนใจ มันไม่ได้มีความรู้สึกถึงความเป็นห่วง ประโยคแรกที่พูด สนใจกันบ้าง ห่วงสุขภาพตัวเองด้วย คือประโยคแรกที่อ่านถ้าคนทำงานเหนื่อยๆ มันก็ปี๊ดอยู่นะ
แต่ยังไงก็เป็นกำลังให้นะคะ
เราเข้าใจผู้ชายนะ!!
คน Introvert เค้ามักจะฮีลตัวเองเงียบๆ ไม่ต้องการใครมารบกวนช่วงเวลาส่วนตัว ยิ่งมาเจอพวกเจ๊าะแจ๊ะยิ่งรำคาญ
วิธีเอาใจคนพวกนี้ไม่ยาก ถ้าเห็นเขาเหนื่อย เอาน้ำแก้วนึง ผ้าเย็น หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยให้สดชื่นไปวางให้ แตะไหล่เบาๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ย้ำ "ไม่ต้องพูดอะไรเลย" ไม่ต้องถาม ไม่ต้องคะยั้นคะยอให้เขาพูด ไม่ต้องมีโน๊ต ไม่ต้องมีอะไรทั้งนั้น ช่วงเวลาที่เขาเปราะบางต้องหนุนเขาเงียบๆ ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องนั่นนี่ ขอให้เขาสนใจตัวเองหน่อยอะไรแบบนี้ มันจะน่ารำคาญมาก
เป็นเหตุผลว่าทำไมคน Introvert ถึงควรคบกันเอง
เรารอฟังอัพเดตเรื่องนี้นะ น่าสนใจดีค่ะ
พูดตามตรงคือ ไม่ใช่ใครสักคนไม่ดีแต่คือคุณทั้งคู่ไม่พอดีกันค่ะ คุณหวานและแฟนไม่พอดีกันค่ะ เขาชอบการใช้ชีวิตแบบนึงคุณหวานชอบอีกแบบ แล้วจากประโยคที่คุณหวานเขียนเรารู้สึกว่าคนอ่านก็รู้สึกกดดันค่ะ คำว่าสนใจกันบ้างคือกดดันค่ะ บางทีเขาอาจจะคิดว่าเขาก็พยายามแล้วแต่ยังไม่เป็นที่พอใจสักทีเขาเลยท้อค่ะ แฟนเราก็อาชีพเดียวกับคุณหวานเหมือนกันแต่ไม่รู้จะสายเดียวกันหรือเปล่า แฟนเราก็งานยุ่งมากค่ะบางวันได้กลับ4ทุ่มเที่ยงคืน บางครั้งหัวหน้าก็ให้ไปร้านเหล้าทั้งที่แฟนเราไม่ดื่มต้องไปนั่งกินโค้กในร้านกลับดึกก็มีค่ะ สิ่งที่เราบอกแฟนตลอดมีแค่ขับรถดีๆนะถ้าง่วงก็พักสักแปป วันนี้กลับดึกให้หาของกินไว้ให้ไหมหรือพี่จะหาอะไรแถวนั้นกินก่อน เราคบกับแฟนเราได้เพราะเราไม่ได้รู้สึกว่าน้อยใจหรืออะไรค่ะ แฟนไม่ว่างก็มีเพื่อน มีครอบครัว มีเกม มีหนังฯลฯ พูดง่ายๆคือเราไม่ใช่คนติดแฟน เรากับแฟนต่างพอใจในความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่ว่างติดงานก็ตั้งใจไปนะกลับมาจะมีเราอยู่เป็นกำลังใจอยากเล่าอะไรเล่ามาเลยแชร์ความเหนื่อยให้กันรับฟังกันและกัน ไม่มากอดเราก่อนเหรองั้นฉันจะกอดเธอเอง อยากทำอะไรเต็มที่นะเราจะอยู่ตรงนี้สนับสนุนในส่วนที่ทำได้เพราะเราเองก็จะเต็มที่ในส่วนของเราและเธอก็มาสนับสนุนเราเหมือนกัน เรากับแฟนมีความเห็นที่เหมือนกันคือเราไม่ใช่ครึ่งชีวิตแต่เราสองคนคือส่วนที่เพิ่มขึ้นมาให้ชีวิตของเรามีความสุขมากขึ้น พูดกันเสมอว่าถ้าใครไม่สบายใจที่จะมีกันแล้วบอกได้เสมอ เราคิดว่าคนแต่ละคนบนโลกนี้มีความต้องการแตกต่างกันและคุณหวานและแฟนความต้องการไม่ตรงกันในเวลานี้ คุณหวานและแฟนมีสิทธิที่จะหาใครสักคนบนโลกที่มีความต้องการเท่ากันและจริงๆแล้วก็อาจจะวนกลับมารักกันก็เป็นได้เพราะเวลาเปลี่ยนความต้องการก็จะเปลี่ยนเช่นกัน เวลานี้ก็ปล่อยให้เป็นไปก่อนค่ะไม่แน่เราอาจจะได้กลับมาหรืออาจจะได้เจอใครสักคนในเวลาข้างหน้าก็เป็นได้ค่ะ เข้มแข็งนะคะ
มีสิ เราคนนึงเป็น เงินก็ต้องหา อีกคนก็มัวแต่เรียกร้อง ให้สนใจ แต่ไม่ได้มาช่วยหาเงิน เหนื่อยด้วย เครียดด้วย เจอตัวถ่วงด้วย สุดท้ายก็ต้องตัดใจเลิก เพราะไม่ทำงานก็ อดตาย
เหนื่อยกาย กดดันจากงานก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว ยังจะต้องเหนื่อยใจอีก
เราหนึ่งในคนที่งานหนัก แต่สิ่งที่น้องหวานทำงานถ้าเป็นเรา เรารู้สึกว่าจะเหนื่อยกว่าเดิม แชทเด้งหาตลอด คำพูดให้กำลังใจแกมกดดันนิดๆ อ่านแล้วหงุดหงิดนะ แฟนน้องแค่อยาก ได้กำลังใจที่ทำให้หายเหนื่อยมั้ย เช่น กลับมาเจอห้องสะอาดตา ห้องหอม มีกับข้าวอร่อยๆ เหนื่อยมั้ยไม่ต้องตามหรอก เหนื่อยทุกวันเรารู้ เราจะไปถามทำไม
เราเคยเลิกคุยกับคนคนนึงเพราะเขาทำให้ชีวิตการเรียน(ตอนนั้น)ของเราปรวนแปรเหมือนกัน คณะเรามีงานรายอาทิตย์ที่ต้องส่งตลอด เราเคยแมเนจเวลาพวกนั้นได้ตอนที่เราไม่มีใคร แต่พอเริ่มคุยกับเขาทุกอย่างมันเพี้ยนไปหมด จากเคยเลิกเรียนมาโคตรเหนื่อย ได้หลับสักตื่นแล้วค่อยตื่นมาเขียนงาน กลายเป็นต้องคุยกับเขาทุกเย็นก่อน คุยกว่าจะเสร็จก็หัวค่ำ อยากนอนก็นอนไม่ได้แล้วเพราะจะเขียนงานไม่เสร็จ แต่เขียนงานเลยตอนนั้นก็หัวไม่แล่นเพราะเรียนมาทั้งวัน ล้ามากอยากพักหัวก่อน ตารางเวลาที่เคยลงตัวของเราเพี้ยนไปหมด แถมเพอร์ฟอแมนซ์เราแย่กว่าเดิมเพราะเราฝืนทำงานในขณะที่หัวไม่พร้อม จนสุดท้ายเราตัดสินใจได้ว่ามันไปกันไม่รอด เขาเรียกร้องมากเกินกว่าจุดที่เราจะให้เขาได้ และถ้าเราเลือกจะแบกอะไรไว้ได้แค่อย่างเดียว เราขอเลือกชีวิตการเรียนของเราก่อนดีกว่า ตอนนี้เรียนจบทำงานแล้ว ก็ยังไม่เคยคิดเสียใจที่วันนั้นเลือกจบความสัมพันธ์ เรื่องนี้เราเข้าใจผู้ชายมากๆเลยอ่ะ แต่ก็เป็นกำลังใจให้คุณหวานนะ ขอให้ผ่านมันไปได้
เป็นกำลังใจให้น้องหวานค่ะ
อยากบอกว่า กำลังอยู่ในช่วงเบญจเพสทั้งคู่เลย
ทำบุญ และนั่งสมาธิ แผ่เมตตาเยอะๆนะคะ ถ้าเป็นคู่แท้ของเรา เดี๋ยวก็กลับมา แต่ถ้าไม่ใช่คู่แท้ เดี๋ยวก็จากกันไป
รักตัวเราเองก่อน คนอื่นก็ต้องค่อยๆทำใจค่ะ เรารักตัวเราเองให้มากที่สุด ดีที่สุด (ตัวเราเป็นโจทย์) แล้วสิ่งที่ดีๆ (อาจจะดีกว่า) จะเข้ามาค่ะ
ส่วนตัวผมคิดว่า ผช มีปัญหาบางอย่างในเรื่องความคาดหวัง ความคาดหวังจากทางบ้าน ความคาดหวังต่อตัวเอง ความคาดหวังต่อแฟน จนไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ด้วยพื้นฐานชีวิตบางอย่างทำให้เป็นคนไม่ค่อยเปิดเผยตัวตน เพราะไม่ต้องการถูกตัดสิน จึงเก็บงำทุกสิ่ง แล้วใช้การทำงานเป็นที่พึ่งพิง เป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นที่ที่เขาได้รู้สึกมีคุณค่า แต่เหมือนกับว่างานที่ทำนั้นมากจนไม่ได้เคลียร์ปัญหาภายในใจ ทุกอย่างจึงกองทับกัน เขาจึงต้องการถอยออกจากบางอย่าง ซึ่งเป็นแฟน (เขาถอยออกจากบ้านแล้วหนึ่ง) แต่เขาไม่ถอยออกจากงาน เพราะงานให้ความรู้สึกมีคุณค่ามากกว่า แต่กับแฟนเขารู้สึกแย่กับตัวเองที่ทำหน้าที่แฟนได้ไม่ดี
หากผมเข้าใจผิดต้องขออภัยด้วยนะครับ
ชื่นชมคุณหวานที่ใส่ใจเป็นห่วงแฟนนะครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี อย่ามองว่าเป็นเรื่องแย่ เป็นสิ่งที่สามารถปรับให้พอดีมากขึ้นในครั้งต่อๆไปครับ
ความรู้สึกแย่ที่ไม่สามารถเป็นแฟนที่ดีได้นี่ เข้าใจนะ อย่างแฟนผมนี่ผมพยายามทำให้เขาหลายอย่าง อย่างพาไปเที่ยวนู้นนี่ทั้งๆที่ผมเป็นคนชอบเก็บเงิน เพราะผมศึกษาการเงิน ช่วงเวลาเศรษฐกิจแบบนี้ มันยิ่งต้องเซฟมากขึ้น แต่แฟนอยากเที่ยวผมก็ไปเที่ยว มันรู้สึกผิดมากที่เราไม่สามารถหาเงินพอ เผื่อการเก็บเงิน ที่เป้าหมายส่วนตัวและการพยายามรักษาความสัมพันธ์
เค้าน่าจะต้องทนมาสักระยะแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่านิสัยคุณหวานไม่ดี งอแงรึอะไรเราจะไม่ตัดสิน แต่ให้คิดว่ามันเป็นความเข้ากันไม่ได้ดีกว่าค่ะ คำนี้มีอยู่จริงนะคะ เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อคุณหวานตกผลึกทางความคิดก็จะเข้าใจความหมายของคำนี้ ถ้าถามว่ารักในช่วงเวลาที่คบกันจริงมั้ย มันต้องมีจริงอยู่แล้ว แต่ในความสัมพัน รักอย่างเดียวมันไม่สามรถตลอดรอดฝั่งได้ค่ะ เรื่องคุณหวานถ้าความรักมากพอ การห่างกันไปสักพักอาจจะทำให้กลับมารักกันได้อีกก็ได้ แต่ตอนนี้คุณหวานต้องทำใจเลยค่ะ ถือว่าถ้ารักเค้าจริงก็ควรจะให้เวลาให้เค้าได้หายใจสะดวกขึ้น โลกมันโหดร้ายนะคะทั้งๆที่ยังรักกันแต่อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม เป็นกำลังใจให้นะคะ😊
เราเข้าใจผู้ชาย เพราะเราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง เวลาทำงานจะไม่ค่อยสนใจสิ่งอื่น ถ้าคบแล้วเหนื่อย ฝืน สักวันก็ต้องเลิก พอเรามาเจอคนที่เข้ากันได้ เราจะรู้เลยว่าความสุขคืออะไร แบบเป็นตัวเองอยู่นิ่งๆ เฉยๆ เค้าก็รู้สึกว่าเราสำคัญ
เป็นคนนึงที่อดทนฟังจนจบ พราะอยากฟังคำปรึกษา ที่อดทนเพราะเสียงสะอื้นตลอด
อันที่ฟังแล้วรู้สึกว่าน่าจะไปสะดุดผู้ชายคือ "สนใจกันหน่อยนะ" "กอดกันหน่อยนะ" เรารู้สึกว่าคุณไม่ได้ปลอบ คุณแค่เรียกร้อง มันไม่ใช่การแสดงความใส่ใจด้วย เขาเหนื่อย แต่คุณไม่ปล่อยสเปซให้เขาอยู่เฉยๆบ้างเลย
เขามีสติรู้ว่าไม่ใช่ความผิดคุณ เขาเลยไม่อาละวาด แต่เขายังไม่เข้าใจว่าที่เขาโกรธเพราะคำพูดของคุณเหมือนไม่ได้เข้าใจความรู้สึกกดดันของเขาเลย
เขาจริงจังกับคุณนะที่เขาบ้างานน่าจะเป็นเพราะหาเงินแต่งงานกับคุณเนี่ยแหละ แต่คุณที่คอยบอกเขาว่าอย่าโฟกัสกับงานเยอะ บอกว่าให้ใส่ใจกันบ้าง มันเหมือนคุณไม่เข้าใจว่าที่เขาทำไปก็เพื่อคุณทั้งหมด แล้วเขาคงคิดว่าทำขนาดนี้แล้ว ยังจะเอาอะไรกับเขาอีก
การที่เพื่อนเขามาบอกว่าอย่าไปจุกจิกจู้จี้เวลาแฟนคุณทำงาน แสดงว่าสำหรับแฟนการที่คุณถามไถ่เป็นห่วงสุขภาพเขา=จุกจิกจู้จี้ค่ะ เขาไม่ชอบและไม่ไหว เพราะเวลาคุณบอกดูแลตัวเองบ้างนะมีเวลาให้กันบ้าง ก็เหมือนไปบอกว่าเขาทำหน้าที่แฟนได้ไม่ดี และเขาก็คิดตกแล้วว่าเขาเป็นแฟนที่ไม่ดีจริงๆ เลยอยากเลิก