GEN Y ยึดติดความเก่งจนตัวเองพัง : The Counselor EP 4
Vložit
- čas přidán 21. 08. 2024
- The Counselor ชวนคุยชีวิตและเรื่องน่าสนใจในมุมจิตวิทยา กับ Host ผู้ชายอารมณ์ดี กตัญญู สว่างศรี และ ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ นักจิตวิทยาบำบัด ผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานกับผู้คนหลากหลายวงการ เราหวังว่ารายการนี้จะช่วยเยียวยาจิตใจและให้คำปรึกษากับคุณ
รับชมได้แล้วทุกช่องทางของ KATANYU PODCAST
.
Facebook: / katanyupodcast
Instagram: / katanyupodcast
TikTok: / katanyupodcast
Spotify: open.spotify.c...
#katanyupodcast #กตัญญูสว่างศรี #thecounselor
โห กระแทกใจจนเกือบน้ำตาไหล ใช่เลยมาครบทั้งซึมเศร้าวิตกกังวล แบกทั้งภาระที่บ้าน ขึ้นมาเป็น middle management ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา แต่ก็รู้สึกว่าไม่พอสักที เหนื่อยจนอยากตายด้วยซ้ำ พอทุ่มเวลาให้งานไปหมดแล้ว ก็ไม่มีเวลาดูแลตัวเองอีก ต้องรักษาหุ่น หน้าก็ต้องเป๊ะ ไปเจอใครจะได้ไม่น้อยหน้า ใช้เงินไปก็รู้สึกผิดไป ไหนเงินเก็บฉุกเฉิน ไหนเงินลงทุน ยังไม่รวมที่ต้องให้ครอบครัวทุกเดือน รู้สึกว่าความสุขความสดใสมันหดหายไปหมด
จริงจริงจริงหมดทุกคำพูดเลยคะ เราก็เช่นกัน อ่านแล้วน่ำตาไหล ฟังแล้วน้ำตาไหล theแบกจริงๆ
ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ แต่ก็ต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ + ออกกำลังกายด้วย เพื่อรักษาหุ่น อย่าลืมเหลือเวลามาพัฒนาตัวเองด้วย เอ๊า Netflix มีเรื่องใหม่เข้า ต้องดู เดี๋ยวจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง ต้องมีเงินเก็บเยอะๆ แต่ก็ต้องไปปาร์ตี้กับเพื่อนด้วย เดี๋ยวตอนเค้าลงรูปจะไม่มีเรา
ช่ายย ไม่ได้เป็นแค่คนเดียวนะ
ก็ปกตินะ Gen Y ต้องสู้อะไรมาเยอะ น้องสุดท้องยุค Analog พี่ใหญ่ในยุค Digital โดนเปรียบเทียบกับกับทุก Gen มาตลอดชีวิต เทียบกับรุ่นพี่ต้องเก่งให้มากกว่าเขา ต้องเก่งให้นำรุ่นน้อง แล้วตอนนี้ Gen Y คือกระดูกสันหลังของสังคม กำลังขึ้นเป็นผู้นำ เป็นผู้เชื่อมให้ Gen ถัดไป ต้องเก่งเพื่อให้มีชีวิตรอด
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะ
โดยสายงาน ความรับผิดชอบชีวิต
มันต้องเก่งครับ
ถึงจะอยู่รอด
แต่อย่าถึงขั้นเป็นโรค "กลัวไม่เก่ง"
จนชีวิตพังครับ
ผมเจน y ชีวิตพัง 2 ปี จนตอนนี้ ไม่ติดโซเชียลละ รู้สึกตัวเองมีค่าขึ้น ไม่เอาคนอืนมาเป็นตัวเปรียบเทียบ
ส่งพลังนะ
เป็น gen Y คนหนึ่งที่(คิดว่า) หลุดจาก loop นั้นได้แล้วครับ ชีวิตมีความสุขและทางเลือกมากขึ้น เป็นกำลังใจให้ทุกท่าน
แบ่งปันความสุขให้ฟังบ้างสิคะว่าทำยังงัย เผื่อทำตามบ้าง : )
ทำงานอะไรครับ
สักช่วง 5 ปีก่อนนี้จะชัดมากเลยค่ะ
กระแสวัยรุ่นร้อยล้านมาแรง เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็น(ผ่านโซเชี่ยล) ว่าคนในวัยเดียวกันสำเร็จไปถึงไหนแล้ว ซึ่งจริงๆ มันคงแค่ 5% ของทั้งรุ่น
ความรู้สึกแย่ กดดันตัวเองมาแน่นอน
ตอนนี้เจน Y ตื่นแล้วจริงๆ ค่ะ
เราได้ตระหนักแล้วว่าการสำเร็จแบบนั้นมันอาจไม่จำเป็นกับชีวิตมากขนาดนั้น ความสุขสำคัญที่สุด
ขอบคุณมากนะคะ ฟังแล้วน้ำตาซึมเลย เป็น GEN Y ก็เหนื่อยนะ ต้องเป็นทุกอย่างให้ที่บ้าน และที่ทำงานก็ต้องเป็นผู้นำ lead โปรเจ็คได้ สุดท้ายไม่ได้อยู่กับตัวเองเลย เหนื่อยมาก หัวหน้าอยากให้เราพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันนั้นทำให้เราไม่อยากทำงานชิ้นนั้นเลย แต่หลังๆ เหมือนจะหลุดจากตรงนั้นด้วยการบอกตัวเองประมาณว่า "ไม่เก่งแล้วไง ก็ค่อยๆ ปรับได้นิ" หรือ "ไม่มีคนฉลาดกับโง่หรอก มีแค่รู้ช้า หรือรู้เร็วกว่า" และการ "จดจ่อ" กับสิ่งที่ตั้งใจทำแบบไม่เอาอารมรณ์อื่นๆ มาคิดรบกวน มองว่ามันคืออีกเสต็ปของชีวิต ทำให้ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้แล้ว // อยากให้ทำรายการพอดแคสท์ต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :)
กอดครับ
ดิฉันคนนึงที่เป็นคน เจน y
ด้วยกับสถานการณ์หลายๆอย่างในยุคนี้ มันบีบบังคับให้เราต้องพยายามเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่งั้นเราจะอยู่ไม่รอดในอนาคต และอีกอย่างต้องแบกรับภาระครอบครัวหลายคนด้วยค่ะ
เป็น เจน y ลูกคนโตสุดเพียงคนเดียว ส่วนน้องๆอีก 5 คน คือ เจน z เจน Alpha เลยต้องเป็นผู้นำมากขึ้น
อย่ามีอีโก้สูง เห็นด้วยค่ะ
เดี่ยวนี่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการมีตัวตนในโลกโซเชียลแล้วค่ะ แล้วชีวิตดีขึ้นจริงๆค่ะ
สรุปง่ายๆใช้ได้กับทุกเรื่องไม่เกี่ยวว่ากระแสหรือแนวคิดเจนไหนเป็นยังไงคือ "ยอมรับความจริง มองโลกมองตัวเองตามความจริง" เพราะการพยายามเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เป็นหรือหลอกตัวเองว่าเป็นไม่ช่วยอะไรเลย
❤
เราก็ Gen y แต่ไม่เคยอยากเด่น อยากถ่ายรูปตรงกลาง ไม่อยากเป็นคนเก่ง อยากอยู่เงียบ ทำงานเงียบๆ แล้วก็กันคนออกไปจากตัวเอง ไม่ชอบทำงานไม่อยากเก่ง เดี๋ยวงานเยอะ 5555 ไม่อยากมีเงินเยอะ เพราะไม่อยากแอคทีฟ ผิดปกติป่าว แต่รับผิดชอบงานตัวเองนะ เสร็จอย่างดีทุกอย่าง แต่ไม่อยากรับงานไร้สาระไปทั่ว
เหมือนกันเลย ไม่เคยอยากอยู่ตรงกลาง
Gen y เป็นตัวกลางระหว่างคนแก่กับรุ่นน้องที่ทำงาน เรื่องเทคโนโลยีต้องคอยสอนรุ่นพี่ ส่วนเรื่องความรอบคอบ และประสบการณ์ต้องสอนรุ่นน้อง คนGen y เป็นคนใจเย็น และยอมรับการเปลี่ยนแปลงและอารมณ์ได้ดี ส่วนตัวเจอหัวหน้าดี จะขอทำอะไร ขอเปลี่ยนวิธีการทำงานก็ให้เปลี่ยนได้ถ้ามีเหตุผลพอ ส่วนรุ่นน้องสมัยใหม่มักชอบ work life balance ลาไม่แคร์งาน เพราะใช้สิทธิ์ลา แต่Gen y โดนตัดวันลาพักผ่อนก็ไม่แคร์ แต่งานต้องลุล่วง
รู้สึกว่าเป็น 1 ใน gen y ที่ไม่ได้เป็นแบบในคลิปพูด เพราะก็รู้สึกว่า ใครเก่งก็เก่งไป ใครรวยก็รวยไปดิ คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน ดังนั้นโอกาสของแต่ละคนเลยไม่เท่ากัน เราพยายามในแบบของเรา เราไม่ต้องเก่งอะไรเลย ไม่รู้ก็เซิร์ธ แค่นั้น
อัจฉริยะภาพ
มาสเตอร์ด้านอินเนอร์เวลริ์ด
ขอให้คิดสิ่งใดก็มุ่งมั่นในสิ่งนั้นไปเรื่อยๆ
พบกันในความสำเร็จในแบบของตนเอง(แม้ในโลกอินเตอร์เนต)ในศักยภาพสูงสุดของตนเองในทุกภพชาติที่ยังอุปโลคกายสังขารสมมติเกิดมารับบทบาทสมมติอุปโลคในทุกพุทธเกษตรนะครับ🎉🎉🎉
ผมเห็นต่าง นะ คนเจน Xต่างหากที่ชอบอยากเด่นด้วยตัวเอง ผมสัมผัส เจน x จะเป็นคนผ่าฟัน และอยากเด่น เป็นศูนย์กลางจักวาล
คนเจน Y จะเงียบๆและ ปล่อยให้ความสำเร็จหรือความเก่งนั้นแหละประกาศออกมาแต่เป็นคนใจร้อนรออะไรไม่นาน ถ้าคิดว่าไม่คุ้มก็เปลี่ยนเลย ไม่มีบุญคุณ ทำงานเป็นทีมเก่ง ออกแนวคนค่อย บราร้านทีม ซะมากกว่า
ส่วนตัวถ้าถ่ายรูป เจอแต่ x อยู่กลาง เจนเด็กลงมาอยู่ขอบ 😅
ผมGEN Y เวลาถ่ายรูปงานประชุมหรือสัมนา ต้องหามุมให้เด่นๆ ดูดี
ไม่รู้เหมือนกันทำไมต้องทำแบบนั้น อยู่ตรงไหนมันก็เหมือนๆกัน ไม่ใช่วิทยากร หรือประธานสักหน่อย
ขอบคุณมากคะ ขนลุก และ จริง ทุกภาคส่วน เรารู้ตัวดี ว่า ไม่อยากเด่น แต่ธรรมชาติ มันให้เราต้องเด่น และเราต้องเก่ง เลข ที่มากกว่า , หุ่นต้องดี
อินเทรนด์ , ทันเหตุการณ์ ทำงานเป็น และต้องแบกรุ่นน้อง เครียดและ กดดัน วันนี้เหมือน มีคน พูด ความรู้สึก และ ขอบคุณ wake up call ที่ ให้มา กับการ มองข้าม ความเก่ง "ถ้าอยากหลุดจากความเศร้า เราต้องเลิกผูกคุณค่า กับความเก่ง"
ส่งพลังครับ
มันเป็นเรื่องของ competitive society ด้วยครับ สมัยเรียนคือต้องเป็นที่หนึ่งเลย ถ้าได้ที่สองจะโดนด่าหรือมองแบบไร้ประโยชน์ โรงเรียนก็ชูโรงคนที่ได้รางวัลมาไม่ว่ารางวัลอะไรก็ตามก็จะได้รับการอวยจากครูหรือกระทั่งผู้อำนวยการเพราะว่าการได้รางวัลจากการแข่งขันระดับบนอกโรงเรียนก็นับว่าคนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นหัวกะทิของโรงเรียนแล้ว คนที่ไม่เคยไปแข่งระดับนอกโรงเรียนก็จะถูกครูมองข้ามได้ง่าย คนที่ไม่เข้าหาครูก็จะถูกเมินไม่มีใครสนใจ
นี่ยังไม่รวมว่าสังคมการทำงานที่อวยคนเก่งด้วยนะ สมัยผมเรียนมัธยมผู้ใหญ่จะแอ่นอกอย่างภาคภูมิใจเวลาโดนเจ้านายชม คือถ้าจะให้พูดก็เป็นเจน X เนี่ยแหละ ที่ส่งผลให้ความคิดในการใช้ชีวิตของคนเจน Y บวกกับว่าความต่างในเรื่องสังคมที่แปลกแยกไป คนเจน Y โตมาในยุคเปลี่ยนผ่านจาก Analog เป็น Digital
ส่วนตัวผมมองว่าคนที่ชอบเป็นศูนย์กลางจักรวาลคือพวกชอบทำดีเอาหน้ามากกว่า ผมก็เป็นประเภทที่ชอบอยู่มุมห้อง หลังห้อง เวลาถ่ายรูปก็จะพยายามหลบ
ผมไม่ใช่คนไร้ความสามารถนะ ถ้าจำเป็นต้องเป็นผู้นำ ผมนำได้ และมักจะดีกว่าหลายๆคนด้วย
ผมคิดว่าคนที่ใช้แนวคิดที่ว่า "fake it till you make it" มักจะทำงานได้แย่แล้วส่งผลให้เกิดการมองข้ามปัญหาเล็กๆจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา
ผมรู้สึกว่าคนที่เกิดช่วง 1990 จนถึง gen Z เนี่ย จะมีความต่างจาก gen Y ค่อนข้างมากนะ ในช่วงที่คนเจน Y รุ่นต้นๆทำงานกันแล้ว คนรุ่นนี้ยังเป็นนักเรียนกันอยู่ แล้วโลกมันก็เปลี่ยนไปในช่วงนั้นพอดี
แต่เรื่องที่ผมแชร์กับคนรุ่นเดียวกันจำนวนมากก็คือ Hustle culture ครับ ทุกอย่างมันจะเร่งรีบไปหมด เวลาทุกวินาทีมีค่ามาก ความผิดพลาดแค่นิดเดียวก็ล้มครืนเจ็บหนักแล้ว
ปัญหาจริงๆของคน Gen Y น่าจะเป็นความอยากรวยเร็วกันมากกว่า เพราะว่าเห็นคนรุ่นเดียวกัน "จำนวนมาก" รวยระดับที่แตะไม่ถึงเลย อย่างผมรุ่นเดียวกับ Mr.Beast เงี้ย ตัวเปรียบเทียบในระดับที่แบบทำให้คนส่วนใหญ่กลายเป็นพวกขี้แพ้ไปเลยถ้ามองตรงนั้น
ความเป็นจริง คนรวยมันแค่ 2% ของคนทั้งโลกนะ คนระดับกลางแค่ 30% แล้วคนที่อยู่พอถูไถไม่ลำบากมากก็แค่ 30% ที่เหลือคือใช้ชีวิตอย่างอดอยาก ต้องใช้สุขภาพตัวเองแลกกับเงินแค่ไม่กี่บาทเพื่อจะมีชีวิตอยู่ได้ต่อไป คนกลุ่มนี้จะมีอายุสั้นกว่าคนทั่วไปและมีแนวโน้มที่จะมีลูกหลายคนเพราะขาดความเข้าใจในสังคมก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ก็จะเห็นว่าคนจนระดับนี้มีลูกกัน 4-5 คนต่อครอบครัว แต่คนชนชั้นกลางกว่าจะมีลูกก็อายุมากแล้ว มีลูกอย่างมากก็ 3 คน คนรวยก็อาจจะมีลูกหลายคน แต่อัตราส่วนคนรวยมันไม่ได้เยอะขนาดนั้นแล้วพวกเขาสามารถเลี้ยงลูกได้
สรุปง่ายๆก็ เราอย่าได้เสียเวลาไปเปรียบเทียบตัวเองกับ Mr.Beast หรือคนรวยๆเลยครับ ถ้ารู้สึกท้อก็มองไปที่คนที่ยากลำบากกว่าตัวเอง คนที่โง่กว่าตัวเอง คนที่ด้อยโอกาสกว่าตัวเอง เดี๋ยวก็รู้สึกดีเอง เพราะเราพยายามอย่างหนักแล้ว เราก็ต้องมีอะไรที่ดีกว่าคนอื่นบ้างแหละ
ก็เป็นการคิดเชิงปัจเจก โดยละเลยคือสภาพสังคมแบบไหนที่สร้าง Gen Y ออกมา สังคมแบบไหนที่ตีตราคนเจน Y เป็นแบบนั้น อย่าเอาคนเจนอื่นมาตัดสินเจน Y โดยเฉพาะคนที่แม่งละเลยปัญหาเชิงโครงสร้าง บริบททางการเมือง แล้วผลักทุกอย่างแบบเหมารวม คนไม่รู้อะไรก็จะอวยว่าใช่ น้ำหูน้ำตาไหล
ปัจจุบันเป็น gen y ที่เป็นคนกลางเชื่อมต่อทุก gen เพื่อให้องค์กรไปต่อข้างหน้า ต้องต่อสู้กับกับผู้บริหารคน gen x กลุ่ม royalty ที่มีอำนาจ สั่งการ คาดหวังสูง เพื่อนร่วมงาน gen y ที่ต้องพัฒนาให้ทันรุ่นน้องกลุ่ม gen z ที่มีลักษณะการทำงานรูปแบบเฉพาะตัว และเลี้ยง ลูกเลี้ยงหลานกลุ่ม alpha เพื่อให้เติบโต เอาสิ😊😊😊😊สู้ชีวิตจะตายไป
แต่คนรุ่นก่อน gen Y สร้างความคาดหวังสูงให้กับคน gen Y และไม่สร้างอะไรที่ไว้ดูแลตัวเอง สุดท้าย gen Y กลายเป็น the แบก เพราะต้อง ติดกับภาระ ที่ Gen ก่อน สร้างไว้
กลายเป็น gen ที่ ต้องมานั่งแก้ไขปัญหา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในภาวะสังคมและเศรษฐกิจถดถอย
#TheแบกของทุกGen
เม้นนี้ใช่เลยครับ
ไม่เกี่ยวโซเชี่ยล แต่โดนเจน X ปลูกฝัง และบีบคั้นมาอีกที เป็นความหวังของเจน X
ชื่นชอบรายการนี้มากครับ ขอให้ทำอย่างต่อเนื่องนะครับ เป็นแฟนคุณยูพาร์ทจริงจังพอๆกับทำทูไนท์เลย ตามฟังตั้งแต่ตอนคุยกับคุณรวิศและเทป 30 ยังจ๋อย เลยชอบมูทคุณในนี้มากๆ ยิ่งสัมกับนัดบำบัดคนนี้ คือเคมีดีมากๆ
ขอบคุณครับ❤
เห็นด้วยแต่ไม่ทุกจุดค่ะ ส่วนตัวเป็น gen y ที่ไม่ได้ ‘อยาก‘ เป็นพระเอก ไม่เคยอยากอยู่ตรงกลาง และทุกครั้งหลีกทางให้ gen x ก่อนเสมอ จริงๆต้องถาม gen x กลับบ้างว่า ด้วยโลกที่ตอนนี้มีความกดดันมากขึ้น คุณกำลังคาดหวังให้ gen y เป็นเดอะแบกให้ตัวเองสามารถ settle / landing ได้อย่างราบรื่น ไม่เหนื่อยมากขึ้น และ ยังทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่รึเปล่า ? (แต่ในขณะเดียวกัน อย่าลืมว่า คนที่มีอำนาจตัดสินว่าใครควรโดน layoff ก็คือ gen x)
และด้วยสภาวะแบบนี้ gen z ก็เป็น purpose driven gen x ก็ prep to landing … gen y ที่เข้าใจทุกคน เห็นทั้งสิ่งที่กำลังจะมา แต่ก็ยัง realistic อยู่ ก็เลยไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเก่งพอซักที แต่ด้วย role ที่ทำอยู่ ถ้าไม่หลอกตัวเองว่าเก่ง ก็จะไม่มีพลัง push ให้งานไปต่อ
เห้อ …แต่ตอนนี้พยายาม balance ละค่ะ ต้องเป็น gen y ที่ switch mode 😅 ลึกๆไม่คิดว่าตัวเองเก่ง แต่ก็ต้องสะกดจิตว่าตัวเองเก่งจะได้ทำงานได้ แต่พอหนักๆเข้าก็เปิดโหมด introvert + shopping แก้เครียด 😂
ขอบคุณครับที่พูดมุมนี้ แม้อาจจะเป็นมุมส่วนตัว หรือส่วนน้อย แต่เห็นด้วยมากๆครับ ว่าเจนY หลายๆคนไม่ได้ Strive to be Someone แต่ช่วงอายุมันถูกบังคับให้ต้องเก่งขึ้นตลอดเวลา ทั้ง vertical และ horizontal ถ้าเก่งแล้ว ก้จะมีคนโยนโจทย์ใหม่ให้ต้องเรียนรู้ (ให้เก่งด้วยนะ) มุมมองผมเพิ่มเติม ไม่ได้เหมารวมนะฮะ แต่จากที่เคยทำงานมา คน GenX ซึ่งเป็น decision maker กันในภาคธุรกิจ งานออฟฟิส ที่เจอมาคือ ตัดสินใจอะไรถูกผิด ถีบเจน Y ให้ไปหาทางทำให้ได้ทุกครั้งเลย ทำไม่ดี ก้กดดัน ตั้งคำถาม ถ้าโกลนั้นเฟล หลายครั้งก้คือ โยนให้ ฝ่านรองลงมาที่ไม่ใช่ Junior ส่วนใหญ่ก้แก๊ง Gen Y เสมอ จนตอนนี้ผมรับความกดดันมากไม่ได้แล้ว หมอวินิฉัยว่าเป็นสักอย่างประมาณว่า โรคกลัวเตียง หรือกลัวการนอนหลับ เพราะไม่อยากตื่นวันพรุ่งนี้ไปเจออะไรแบบนี้อีก
@@Ratanapid เข้าใจเลยค่ะ ส่วนตัวตอนนี้ก็เหมือนเป็นโรคระแวงนิดๆ ตื่นมา check mail กลางดึก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอะไร responsive ตลอดเวลา จนแยกงานกับชีวิตส่วนตัวไม่ได้ ทำทุกอย่าง beyond เพราะกลัวผิด ย้ำคิดย้ำทำ… 😢 ตอนนี้พยายามจะปล่อยวางละค่ะ แต่ด้วยเป็นคน perfectionist + ปริมาณงาน ที่วิ่งเข้ามาปล่อยได้แป๊บนึง ก็ต้องแบกอยู่ดี และ…รางวัลของ gen y ที่ทำดี ก็คือ ได้งานเพิ่ม 😂
ดร.พงษ์รพี พูดโดนใจมากค่ะ เป็น pain point ที่รู้สึก แต่ก็ไม่เคยมีใครมาบอกให้เห็นภาพชัดๆ แบบนี้ค้ะ
ขอบพระคุณครับ
ขอบคุณที่มาแชร์แนวคิดที่แปลกใหม่ครับ ชอบมากตรง point เรื่องให้หัดอยู่กับสิ่งที่ไม่เก่ง ไม่ถนัด จนสัญชาตญาณทำให้ต้องเรียนรู้ เป็นประโยชน์มากๆค้าบบ
ขอบคุณครับ
Gen Y ควรแสดงพลัง ปฏิวัติระบบสันขวานพวกนี้ สนับสนุนต้องพัฒนาตัวเอง แต่ต้องทางที่เราชอบจริงๆ ไล่ลำดับความสุขและหลงใหล ในแต่ละเรื่อง
สู้ทุก Gen เพื่อรักษา Gen รุ่นต่อไป ในฐานะ Gen X ผ่าน รุ่นใหม่ รุ่นกลาง และกำลังไปรุ่นใหญ่
ชอบมากเลยค่ะ วิเคราะห์ตัวตนแต่ละ gen :: gen Y ที่อายุ 35++ ส่วนมากเข้าทางธรรมะกันหมดแล้วค่ะ หลังจากใช้ชีวิตแบบแพนิคประสาทแดกมาตั้งแต่วัยเรียน😂😂
❤❤
จริงที่สุด ชีวิตติดกับคำว่าต้องเก่งมาตลอด เหนื่อยมากเรียนก็ต้องได้ที่1 รวมญาติก็ต้องเก่งสุด
เอาคำว่า เจน ออก เหลือแต่อีโก้อัตตานั่นแหละครับ ที่ทำให้ตัวเองทนทุกข์
แต่ละเจน ไม่เหมือนกัน
บางคนเค้าปัญหาเยอะจริงๆ
ดีมากกกกเลยค่ะ จากใจ gen y ที่จมน้ำแล้วจมน้ำอีกค่ะ 😄
❤❤
ขุ่นพระขุ่นเจ้า ขอบคุณ AI ที่เหวี่ยงคลิปนี้มาให้ดู เราคือคนที่กำลังอยู่ในภาวะนี้และพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ยังคิดวนไปวนมา คลิปนี้ทำให้เข้าใจสิ่งที่ตัวเองคาดหวังและความผิดหวังที่เกิดขึ้นอย่างมากกก
เจน Y ความหมั่นหน้าคือ no1 จริง 5555
Gen x มั่นโหนกก็เยอะแยะ
2568
ปีของคุณต้องเต็มๆๆๆๆๆ❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
ขอบคุณคุณต้องค่ะ สุดยอดอีกคน!!! คนไทย!
ดีใจกับเธอนะประเทศไทย
Love you Thailand 🇹🇭
❤
Wowมากค่ะ คิดตามแล้วตื่นสุดๆๆ ปัญหาต่างๆเบาไปเยอะเลยค่ะ ปรับความคิดมันวางทุกอย่างจริงๆ
ถูกต้องเลยครับ อันนี้คือเรื่องจริง ผมเป็น Gen Y ก่อนจะมารับราชการ ผมเคยทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ตอนนั้น ผมกับเพื่อนที่ทำงานพร้อมกัน มีอะไรที่พี่ ๆ และหัวหน้าจะสอนสั่งเราพร้อมรับฟัง แต่เราไม่เคยส่วนหนึ่งของทีม หัวหน้าและรุ่นพี่แทบจะไม่ผลักดันอะไร เหมือนคนที่ไม่ได้ถูกเลือก พอเราไม่ได้รับการโปรโมท สุดท้ายถูกมองว่าทำงานเป็นทีมไม่ได้ โดน lay off ซะแล้ว
สุดท้าย เราก็ได้มาทำงานที่เรารัก เราถนัดและเป็นเบอร์หนึ่ง โคตรมีความสุขเลย
❤😊
คนโดนlayoff เยอะสุดคือgen X ไม่ใช่ Y ส่วนใหญ่Gen x มีแต่loyalty ทำได้แต่สั่งงานแต่low productive
สรุปคนพูดคือ bias Gen Y และแค่อยากชูGen X ของตัวเอง🤣
จริงมาก ที่ บ เจน x คือ ไม่เอาอะไรแล้ว ไม่พัฒนา บอกอย่างเดียวไม่มีสกิลๆ โยนให้ เจนวายทำ หมด แล้วกระบวนการก็ไม่ทำตาม ทำลูกทุ่งไปเรื่อย แล้วก็ผิดพลาด
มันหงุดหงิดที่คนเจนอื่นมานั่งวิเคราะห์เจน y
genX เคยลำบาก ต้องสู้ เลยสอน GenY ให้เป็น Survivor ต้องเก่ง ถูกตั้งความหวัง อยากให้ประสบความสำเร็จแบบตัวเองที่ตั้งตัวมาได้
GenY รู้สึกถูกกดดันมา ทำตามความคาดหวัง GenX รู้สึกแย่กับตัวเอง แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเจนต่อจากตัวเองเลยกลายเป็นไปสปอล์ย GenZโดยไม่รู้ตัว
GenZ โดนสปอล์ยมา ก็เลยมั่นใจ และเลือกได้ตามที่อยากทำ ส่งผลให้สอนเจนต่อไปแบบนั้นละ เพราะทำตามใจหมด ไม่รู้ถึงผลเสียที่จะตามมาถ้าทำตามใจหมด
เจนถัดไป คือผลจากเจนก่อนหน้า
กว่าจะเลิกโฟกัสกับความเก่งและผลลัพธ์ที่จะต้องว้าวต้องแสดงถึงความเจ๋งเพื่อพิสูจน์ตัวเองในฐานะลูกคนเดียวนี่ โอ้วววว แม่เจ้า ครบเซ็ทเลยจริงๆ พอถึง Cycle นึงที่ชีวิตตัวเองพังอีกรอบเพราะอีโก้และมาจากการตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ(เพราะคิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าตัวเองเจ๋ง)จนสุดท้ายล้มเหลว เหลวเป๋วเลยครับ ผิดหวังในตัวเองมาก และ รู้สึกไร้ค่า แล้วจมอยู่อย่างนั้นนานมาก เรียกได้ว่าพังทุกมิติ ทุกวันนี้กลับมาพัฒนาตัวเองบางครั้งกำลังทำความเข้าใจเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่งเพื่อรีสกิลตัวเองแล้วผมตระหนักได้เลยว่าตัวเองจะมีอีโก้อยู่ลึกๆที่คิดว่าตัวเองเก่งแบบ "นี่กูต้องมาเริ่มเบสิคใหม่อีกแล้วหรอวะข้ามๆไปเหอะ" จังหวะนั้นคือ เปิดดูเนื้อหาเดิมซ้ำไปซ็ำมาาแม่งก็ยังไม่เข้าใจ ตีอกชกหัวตัวเอง เถียงกับตัวเองจนบางทีก็ท้อไปเลย บอกเลยว่าทรมาณกับไอความรู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่เหมือนเดิมมากครับ จนถึงจุดนึงก็มาทบทวนถกเถียงกับความรู้สึกตัวเองเหมือนจะเข้าใจตัวเองแล้วมองมุมกลับและยอมรับความกพร่อง ความไม่สมบูรณ์แบบ ความไม่เก่ง ของตัวเอง ความผิดพลาด ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองเคยทำนั้นมันแย่(เหี้ย) คือจะเรียกว่ายอมรับมันก็ไม่ถูกซะทีเดียว เหมือนสิ่งที่เราเชื่อมั่นตัวเองในอดีตมันแตกสลายไปแล้ว มันพังไปแล้ว ผมทำได้แค่ยอมจำนนให้กับความไม่สมบูรณ์แบบ กลับมาโฟกัสกับกระบวนการมากขึ้น ตัดสินหรือด่วนสรุปน้อยลง คิดมาก และวิเตราะห์ในมุมมองที่แตกต่างจากที่ตัวเองมองได้ดีขึ้น แต่ก็มีช่วงที่อารมณ์ดิ่งๆ หรือ จิตตกก็จะเป๋ๆไปบ้าง แต่พอได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบก็เหมือนได้รีสตาร์ทเครื่องใหม่ ไปเรื่อยๆพออมาถึงจุดนึงก็รู้สึกว่าเห้ย เราก็ทำได้ดีและสนุกที่ได้เรียนรู้สิ่งนี้ได้นี่หว่าา เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆมากขึ้น ทุกวันนี้ไม่ได้สนใจว่าเอชนะตัวเองได้แล้วรึยัง ช่างแม่ง สนุกกับการเรียนรู้และสร้างอะไรสักอย่างขึ้นมาก็สบายใจละ ยังคงหาวิธีในการบริหารเรื่องที่เป็นเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง และ และอยากที่จะรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นประโยชน์กับตัวเองกับผู้อื่นมากขึ้น
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ฮืออออออ เราก็ Gen Y ส่วนตัวมองว่ามันมีเสน่ห์อยู่ ตรงที่เราเป็นตัวกลางของ analog และ digital จริงๆ ไหนจะภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้น ตอนนี้ส่วนตัวเรากำลังพังเลย เราเพิ่งจะพูดกับครอบครัวและเพื่อนไปว่า เราพยายามทำดี ทำงานหนัก แต่เราอยากรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เคยดีพอ เราต้องทำยังไงให้เราเก่งขึ้นไปอีก สภาพตอนนี้คือนอนไม่หลับ และตามมาด้วยการไม่ได้นอน สภาพจิตใจโคตรแย่ ขอบคุณคลิปนี้ เราจะพยายามปล่อยวางให้ได้
เหมารวมเกินไปหน่อย ถ้ายังต้องใช้เงินหล่อเลี้ยงชีวิตและครอบคัว จงยึดติดความเก่งต่อไป
ยังมีอีกหลาย industry ต้องการคนเก่ง เคยทำงานกับ Gen Z มั้ย?
ความรู้เค้าคือความรู้ที่โลกปัจจุบันต้องการ
แต่ยังขาดประสบการณ์ที่ต้องให้ Gen Y มาช่วยกันทำงาน
อย่าหยุดพัฒนาตัวเองแล้วมานั่งตัดพ้อชีวิตในวันที่ศักยภาพตัวเองไปไม่ถึง
แต่ควรรู้ว่าเราเก่งเพื่ออะไร เก่งเพื่อองค์กรนี้แล้วได้อะไรตอบแทน?
หรืออย่างน้อยจงรู้ว่าเราต้องเก่งเพื่อตัวเอง คนเก่งมีทางเลือกมากกว่าเสมอ
AI เข้ามา ไม่ได้ทำให้ทุกคนตกงาน คนที่ตกงานคือคนที่ไม่เข้าใจ และใช้ AI ไม่เป็น
เอาง่ายๆ ไม่พัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพใหม่ๆ
อยากร่วมงานกับคนเก่ง หรือคนไม่เก่งล่ะ
แบบหลังทำงานด้วยแล้วเหนื่อยกว่าเยอะ
ไปฟังพวกการให้ความเห็นของ พวกนักบริหารที่ต้องเก่งเรื่องคนมากๆ ดู
แล้วจะรู้ว่า คนเก่งมีที่เสมอ
gen y เหนื่อยนะครับ ...
... เป็นคนกลางที่เชื่อมระหว่างรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มคนที่ต้องแบกภาระหลายๆอย่าง เป็นคนที่หอบงานหนักๆแทนผู้บริหารบางคนที่ทำไม่เป็น แล้วต้องทำแทนน้องใหม่ที่ไม่มีใครมีเวลาฝึกให้ด้วย ...
... จะสร้างเนื้อสร้างตัวในยุคนี้ก็ไม่ง่าย เพราะค่าครองชีพจริงมันขยับไวกว่าความเติบโตทางเศรษฐกิจและรายได้ ...
... เหนื่อยจริง ...
เป็นเจนY ที่อยากย้อนเวลาไปพยายามให้มากกว่านี้ตอนเด็กๆ มีคำว่ารู้งี้เต็มไปหมด ตอนนี้ทำได้แค่พยายามแนะนำเด็กๆเจนถัดไปให้เลือกเดินทางดีๆ พยายามให้มากๆ
แทงใจ gen Y ทุกดอกเลยครับ
บางคนก็อีโก้สูงเสียดฟ้า ทำงานที่เก่าทำงานกับเด็กgen y แต่คน gen X อย่างเรากลับต้องรับภาระในสิ่งที่เขาปฏิเสธจะทำ จนสุดท้ายเรายื่นหนังสือขอย้ายหน่วยงาน ทางผู้บังคับบัญชาก็พยายามโน้มน้าวแต่เราก็อธิบายแล้วว่าเราคงไม่เก่งพอทำงานกับพวกเขาแล้วเราก็เหนื่อยเกินที่จะรับภาระในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากทำ คำว่าอีโก้สูงเสียดฟ้าก็หลุดมาจากปากผู้บังคับบัญชาของเราเองนี่แหละ ตอนนี้ย้ายมาที่ใหม่เจอเด็กเจนวายเหมือนกันแต่ต่างกันตรงที่เขามีความนอบน้อมถ่อมตัว และตั้งใจที่จะทำงานพัฒนาร่วมกัน ที่สำคัญเด็กพวกนี้เก่งจริงจบจากต่างประเทศมาและมีความรู้ความสามารถในการทำงาน บางทีการที่มีอีโก้สูงอาจเป็นสิ่งที่มากลบเกลื่อนความสามารถที่เขาไม่มีก็ได้
🧡 เคยทำงานกับ gen y น้องๆ เก่งจริง แต่นิสัยไม่น่ารัก เกี่ยงงาน และถ้ามีโอกาศเหยียบไหล่เหยียบหัวคนที่สอนงานเพื่อให้ตัวเองไปถึงจุดมุ่งหมายได้ น้องทำได้หมด
ตอนนี้น้องๆ gen y มีลูกน้อง gen z alpha ก็คงเจอลองของบ้าง ภาพเก่าๆ ตอนที่ตัวเองไม่น่ารักคงมาหลอกหลอนบ้างไม่มากก็น้อย
@@Kittyluckycat1 โหตรงเป๊ะเลยค่ะแสดงว่ามันอาจจะเป็นลักษณะของคนเจนนี้โดยส่วนใหญ่
อีกเหตุคือ เจนx ต้องทำเองก่อน ไม่รอโยงกับสื่อมากนัก วางแผนตั้งแต่กระดาษเก่าๆจนเข้าสื่อได้เอง ไม่รอใคร แต่เจนyจะร่วมงาน หน้าที่ต้องชัดเจนมากๆ... เก่งนะเก่ง แต่อีคิวยังต้องรู้จักปล่อยวางด้วย😅
ตรงทุกจุดค่ะ รู้สึกมีคนเข้าใจฮีลใจ ขอให้รายการทำต่อไปหลายๆตอนนะคะ
เราเป็น GEN Y ที่ชีวิตโดนใช้งานหนักมาก โดนGen babyboomกดขี่ด้วยตำแหน่งงาน ตอนนี้ปลดล๊อคได้แล้ว ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร ธุรกิจไม่ต้องใหญ่โต ไม่ต้องมีภาพลักษณ์สวยๆ แต่ชีวิตมีความสุขมากครับวันนี้
จับประเด็นทัน ปล่อยได้เร็ว โชคดี เจนxก็โดนมา แต่อาศัยทำเองตลอด เลยรู้ มากดดันxไม่ได้😅
ขอบคุณมากๆ ฟังเสร็จแล้วเหมือนเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง น้ำตาซึมเลย
เป็น Gen Y ที่ไม่ได้คิดว่าจะเก่งเทียบใคร แต่แค่ครอบครัวยากจน เลยอยากเก่ง อยากหาเงินเยอะๆ ไม่ค่อยสนใจโซเชียลนะ แค่โพสต์เก็บความทรงจำ ใครจะ like หรือ ไม่ like ไม่ได้สนใจขนาดนั้น อาจจะเพราะผลวิจัย มันคือการสัมภาษณ์ เก็บข้อมูลคนส่วนใหญ่ มันไม่ได้หมายความว่า 100% มันจึงตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง ไอ้ที่ไม่ตรง ก็คือ คำตอบที่อาจจะเป็นของคนอื่น
รายการดีมากๆครับ ทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ
ขอบคุณครับ ❤
ep นี้ดีมากนะ นั่งฟังแล้วมาคุยกับตัวเอง มันจึ้กหลายประโยคมากๆ highly recommend !!! thx for useful content.
😊😊
ชอบหัวข้อนี้ค่ะ
แต่ถ้าGenYคือคนที่เกิด 1981-1994 คิดว่าตากล้องของแม่ชีเทเรซ่าน่าจะGenXต้นๆเลยหรือเปล่า เพราะGenYยังเรียนไม่จบกันเลยตอนท่านแม่ชีเทเรซ่าเสียชีวิตปี1997 27:03
จริงทุกคำค่ะ เหมือนทุกวันนี้สู้อยู่กับอะไรไม่รู้ ทำยังไงก็ไม่ดีพอซักที เหนื่อยใจมากๆ ทำได้แค่ นั่งฟัง Podcast สลับกับฟังเทศน์ 55555555
ตอนนี้ตื่นจากลูปนั้นแล้ว ค่อยๆแกะที่ละเรื่องชีวิตเบาขึ้น ฟบ.อจ แทบไม่โพส พอฟังคลิปนี้จบสิ่งนึงที่ผุดมาในหัวคือที่เราเดินมานี่ผิดหมดเลย😢
ขอบคุณพี่ ดร พีรพงษ์ และคุณกตัญญู สำหรับ บทสัมภาษณ์นี้ครับ โดนทุกดอก รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าให้ตื่นจากการแบกอีโก้ กับความรู้สึกต้องเก่งๆๆๆ ขอบคุณมากๆครับ
😊❤
Gen Y คาบเกี่ยว Gen Z แต่รู้สึกเป็น Gen Y เป็นพระเอก นางเอก ในทุก ซีน
พูดได้ตรงประเด็นและจริงมากค่ะ ❤เป็นกำลังใจให้ทีมงานนะคะ
เพราะเจนนี้ยังเปนคนที่ต้องแบกภาระคริบครัว จากการสร้างภาระต่างๆจากครอบครัวเช่นพี่น้องเยอะพ่อแม่สร้างครอบครัวมาแบบอ่อนแอเจนวายก่แบกๆ มันทำให้ตึงไปหมดทั้งชีวิตจนอยากจะตายๆไปสะจะได้สบาย😩เจนอื่นถัดมา เริ่มเปนลูกคนเดียวพ่อแม่เปนรุ่นที่ค่อนจะทันสมัยไม่พึ่งลูกนัก งานการอาจลำบากแต่ไม่ต้องแบกมากแบบเจนวาย
เราเป็นคน Gen Y ที่ไม่เคยเปรียบเทียบกับใคร เพราะมีความสุขกับสิ่งทำเพราะเราเลือกเอง มีสังคม เพื่อน ทุก Gen และเรารู้ว่าเราต้องการอะไร ตอนนี้ชีวิต Settle Down แล้ว มีความสุขดี
เหมือนโดนทุกดอก ขอบคุณมากค่ะ 🙇🏻♀️
ผมที่ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่รู้สึกกดดันอะไรในการเป็นเจน y เพราะพิสูจน์มาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้กลับรู้สึกดีนะ ที่ได้แบกทุกอย่างไว้และแบ่งปันให้คนรุ่นใหม่เดินไปอีกทางนึงได้แบบไม่กังวล
ผมเป็น Gen Y ที่ต้องเป็นที่ 1 ตามคลิปจนผ่านการหมดตัวมา ล้ม ลุก กว่าจะฟื้นได้ก็ 3 ปีกว่า ปัจจุบันมีความสุขง่ายขึ้น ไม่เเข่งกับใคร บริหารจัดการตัวได้ บริหารเงินได้ รู้ว่าความต้องการว่าตัวเองควรพอถึงจุดไหน เท่านี้ก็มีความสุขละครับ
รู้จัก gen Y คนนึงเจอแบบนี้เลย องค์กรในงานจะไม่รับคนเพิ่มถ้ามีคนลาออกไป เขาอยู่ตั้งแต่วัยรุ่นจนเหลือคนเดียวทำยาวจนเป็นซีเนียร์ในสายงาน คนน้อยลงต้องแบกงานมากขึ้นรวมทั้งถูกคาดหมายจากองค์กรเกินเงินเดือนไปมาก ร่างกายก็ไม่เหมือนก่อนเหนื่อยกว่าเดิมต้องทนเพราะยังมีภาระแบกทางบ้านอยู่ 😰
มันเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีของโลกแล้วคนอายุช่วงเจนวายอยู่ช่วงเปลี่ยนผ่านพอดี ใครปรับตัวทันก็รอด ใครปรับไม่ทันก็โดนเลย์ออฟอยู่ดี ทุนนิยมเป็นระบบแพ้คัดออกอยู่แล้ว ที่น่าเป็นห่วงคือเจนซีที่ต้องไปเจอเจนวายตัวเป้งๆตะหาก ไม่ทนก็เด้งไม่ทนก็ออกทั้งๆที่เพิ่งเริ่มก็โดนกด แล้วไอเจนวายที่เก่งๆนั่นแหละที่หาว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่อดทน
ทำไมถึง Y เพราะ ตอนนี้ Y คือวัยทำงานเต็มตัว ผ่าน การเปลี่ยนแปลง ทั้ง ยุกเก่าและใหม่ X ที่กำลังจะเกษียณ Z ที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้งาน Y เลย เป็นความหวัง ของ X และ อยากจะใช้ชีวิตในแบบของ Y
เนื้อหาดีมากครับ มีประโยชน์มากๆครับ แต่ผมอาจเป็นคนหนึ่งที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ เมื่อผู้พูด พูดไทยหนึ่งคำอังกฤษหนึ่งคำในบางช่วงบางตอน มันทำให้ผมมีความเข้าใจในเนื้อหาที่ดีมากนี้น้อยลงครับ
❤😊
เป็นคนเจน y และคนรอบตัวที่รู้จักมากหน้าหลายตา พบว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดขึ้นอยู่กับบริบทของสังคมที่คน ๆ นั้นอยู่ด้วย
แต่รวม ๆ พบว่า Gen ที่ต้องการเป็น center ไม่ใช่ Gen Y หรือ Gen ที่มาในภายหลัง แต่มักจะเป็น Gen ที่มาก่อน Gen Y เลยไม่ค่อยเห็นด้วยกับประเด็นนี้
เรื่องความเก่ง เราค่อนข้างเห็นด้วย เพราะ Gen Y ถูกสอน ถูกกดดัน และตั้งความหวังไว้สูงจาก Gen Baby Boomers และ Gen X ต้องเก่งกว่า ต้องรู้มากกว่า และต้องรับช่วงต่อจากพ่อแม่ ในขณะเดียวกันก็ต้องตามโลก ตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดช่วงชีวิต ไม่แปลกที่ Y จะต้องพยายามทำให้ตัวเองเก่งขึ้นค่ะ มองให้ดีก็ต้องยอมรับการที่ BB/X สอน Y มาแบบนี้ ก็เป็นปัญหากับ Y เหมือนกัน
เรื่องเทคโนโลยี การที่ BB/X ตามไม่ทันเทคโนโลยี เลยพูดได้ว่าเทคโนโลยีไม่จำเป็นกับชีวิตเค้ามาก เค้าใช้ชีวิต offline ได้ ใช่ค่ะ เพราะคุณอยู่ในกลุ่มคนเกษียณ/ใกล้เกษียณ คุณไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องพวกนี้แล้ว แต่ตอนนี้ Y คือกระดูกสันหลังของประเทศ เป็นเดอะแบกของสังคมและกลุ่มคนทำงาน เป็นเดอะแบกในการจ่ายภาษี เป็น Gen sandwich ที่ถูกบีบให้ต้องตามเทคโนโลยีมาตลอดช่วงชีวิต ถ้าไม่ตามก็โดด Gen ใหม่ ๆ ด่าว่าล้าหลัง แบบนี้จะเป็นหัวหน้าได้ยังไง (BB ไม่เจอแบบนี้แน่นอน และ X จะเจอน้อยกว่า Y มาก ๆ) ในขณะที่ Gen Z หรือ Alpha เค้าโตมากับเทคโนโลยี คือเด็กรุ่นใหม่แทบไม่ต้องเรียนรู้ แต่เค้ารู้เองโดยสัญชาตญาณเลย มันเลยเกิดการเปรียบเทียบ
ทั้งหมดเลยย้อนกลับไปว่า ทำไม Gen Y ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลาและพัฒนาในหลาย ๆ เรื่อง จนติดความเก่ง เพราะเราถูกสอนมาแบบนี้ แถมยังถูกช่วงเวลาสภาวะทางสังคม และ technology disruption บีบบังคับ
Gen Y เลยเป็น Gen ตัวอย่าสงที่ดีของการสอนและฟูมฟักลูกหลานค่ะ
เราเชื่อว่าพ่อแม่ Gen Y ไม่สอนลูกเหมือนที่ตัวเองถูกสอนมาแน่ ๆ เพราะเรารู้ว่าการถูกบีบบังคับมันเป็นยังไงค่ะ
ว่าไปเรื่องนี้ก็ลำบาก Gen Y อีกนะว่า ต้องพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ให้ยืนในสังคมโลกให้ได้ ต้องพยายามเรียนภาษาให้พอสื่อสารได้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกหรือเรียนไปพร้อม ๆ กับลูก ต้องตาม tech ให้ทัน จะได้คอยแนะนำ/ดูแล/ให้ความรู้เรื่อง digital literacy กับลูกได้ และสิ่งอื่นบลาๆๆๆๆ ซึ่ง BB/X (ส่วนใหญ่) ไม่มีแนวคิดแบบนี้แน่ ๆ และถ้า Y ไม่เห็นโลกทัศน์ที่กว้างกว่า BB/X ก็สอน Z และ Alpha ไม่ได้เหมือนกัน
เป็นคน Gen Y นี่มันยากจริง ๆ ค่ะ 🥲
ปล. ประเด็นเรื่องสภาวะทางจิตใจ เมื่อทำงานอยู่กับเด็กเยอะ ๆ และมองสภาพสังคมจริง ๆ ส่วนตัวมองว่า Z/Alpha เป็นมากกว่า Y ค่ะ แค่ตอนนี้ Y เป็น Gen หลักของสังคม ก็เลยเห็นชัดกว่า Gen อื่น ๆ บวกกับสังคมตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้นด้วยค่ะ แต่ถ้ามองแบบลงลึกใน details เราจะเห็นว่า Z/Alpha เป็น Gen ที่มีปัญหาด้านนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยมาก ๆ แนวโน้มปัญหานี้จะเห็นชัดในอนาคตแน่นอนค่ะ
เราก็เจน Y นะ แต่ก็อยู่ขอบรูปเกือบตลอด เวลาใครถามก็บอกว่าทำได้แต่ไม่เก่ง แต่ถ้าอยู่กับตัวเองก็จะปลอบตัวเองว่าเก่งพอแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าต้องพยายามตลอดเวลา ในทุก ๆ เรื่อง 😅 ไม่รู้สิ…ไม่เห็นเคยเจอเจน Y ที่บอกว่าตัวเองเก่ง
ชอบพ็อดแคสเกี่ยวกับแต่ละเจนมากครับ รู้สึกเหมือนมีคนเข้าอกเข้าใจเรา
เหมือนเราได้รับคำปรึกษาโดยที่ไม่ถูกตั้งคำถามกลับ เหมือนได้รับการเยียวยา
รู้สึกมีกำลังใจทำสิ่งต่างๆต่อไป แบบกดดันน้อยลง คาดหวังน้อยลง
ได้มองหาความสุขในรูปแบบอื่น โดยที่ไม่ต้องบรรลุเป้าหมายเสมอไป
❤❤😊
ตอนนี้กำลังรับแรงกระแทกเต็ม ๆ ตามที่ว่าเลยครับ เมื่อไปรวมกับคลิปแรกเรื่อง U Curve ยิ่งชัด โดยเฉพาะปีนี้ที่ไม่ได้ใจดีกับเราเลย
ได้แต่คาดหวังว่าจะผ่านพ้นไปในเร็ววันนี้ เพราะมันจะไม่ไหวแล้ว
ขอบคุณที่นำเสนอและเรียบเรียงออกมาเข้าใจง่าย ย่อยง่ายมากครับ
รายการดีมากๆเลยค่ะ ดูทุกคลิปเลย ทำต่อไปเรื่อยๆนะคะ ❤
เป็น gen Y ที่คบกับคน gen Z อยู่ในสังคม gen Z ชีวิตมีความสุขมาก ไม่จำเป็นต้องเป็น ต้องมีอะไรมากมาย
เป็นรายการที่ดีมาก รอ ep ต่อไปนะคะ
❤❤
On point! Thanks krub.
One of the Best Inspiration Clip kub P tong
ขอบคุณครับ
ได้สาระดีแต่หลุดจากจุดนั้นมานานมากแล้วแต่กว่าจะคิดได้ก็แย่อยู่ทุกวันนี้อยากทำไรทำอยากกินไรกินไม่ต้องไปอวดใครสบายใจ😂 ขอยอดซับล้านไวๆนะครับ
เป็นรายการที่มีประโยชน์มากครับ
ต้องหลอกตัวเองว่าเก่ง กระแทกใจมาก ยอมรับเลยว่าเราเป็นคนเจน Y ที่บางครั้งก็หลอกตัวเองว่าเก่ง ทำผิดพลาดแล้วรู้สึกผิดมาก รู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่พอสักที
ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำดีๆ จะนำไปปรับ mind set ของตัวเอง ทำรายการแบบนี้ต่อไปครับจะติดตามทุกๆคลิป
ขอบคุณนะคะ เป็นคลิปที่ให้มุมมองความคิดที่ดี มากๆค่ะ
❤❤
รายการดีๆ เนื้อหาดีๆแบบนี้ ทำออกมาบ่อยๆนะคะ ❤
ยินดีครับ
รายการดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่มีคลิปแบบนี้ 👍
ชื่นชอบเนื้อหาครับ...ผมก็ gen Y ถูกทุกข้อครับ ถ้าติด social ก็จะทุกข์กับ อดีต อนาคต จนลืม ปัจจุบันไป offline บ้าง อยู่กัยตัวเองและปัจจุบัน จะดีขึ้นครับ เป็นกำลังใจให้ Gen-Y ทุกๆคนครับ (ขออนุญาติแนะนำ เรื่องมุมกล้องครับ อาจจะลองดูช่องของ ป๋าเต็ดดูนะครับ close up เลยครับบางอารมณ์ อย่าไปกลัวเขินครับ (^ _ ^)
ดีค่ะ เป็นรายการที่ดี ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากๆ เลยครับ❤❤
แฉตบ๊อท 55555 ที่พูดมามีงานวิจัยสนับสนุน หรือการสำรวจที่เป็นวิทยาศาสตร์กว่าความเห็นแบบ Subjective ของผู้พูดไหมครับ?
ดีใจที่ได้มาเจอคลิปนี้ มีพลังใจขึ้นเยอะมากๆขอบคุณนะคะ ❤
❤ ยินดีครับ
ขอบคุณรายการดีๆครับ
รออยู่เลยค่ะ ทำต่อเรื่อยๆนะคะ ชอบรายการนี้มาก
❤
Content ดีมากค่ะ สนับสนุนทำต่อไปค่ะ
😊
ขอบคุณสำหรับคอนเทนต์ดีๆครับ
ยินดีครับ
เป็นGEN Y ที่ไม่มีอะไรเหมือนที่หล่าวในคลืปเลย เลยสงสัยว่าเราอยู่ผิดGEN หรือเรื่องGEN เป็นแค่เรื่องปัจเจกบุคคลทั่วไป....
Ep นี้มีคุณค่ากับ gen Y แบบผมเลย ขอบคุณครับ จะนำคำแนะนำดีๆไปปรับใช้ครับ
ตอนที่คุยกันเรื่องแม่ชีเทเรซ่าริบกล้อง...แล้วกตัญญูบอกว่าแม่ชีเอาไปถ่ายเอง...เนี่ย Gen Y ของแทร่....เราว่าเป็นเจนที่ติดตลกที่สุด😂😂😂
จากความรู้สึกปัจจุบันเลยครับ ตอนนี้้ประะสบปัญหาเรื่องกการเปลี่ยนแปลงจากที่เราเคยเก่งพอไปเจอการเปลี่ยนแปลงมันทำให้้เราไม่เก่งรู้สึกตัวเองมีค่าน้อยลงไม่มีความสำคัญกับองค์กรแล้ว ผมได้ดูตอนนี้แล้วกระแทกความรู้สึกปัจจุบันเลยจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้ก็ก้หาวิธีรับมือโดยการที่เปลี่ยนมุมมองของการเริ่มต้นของตัวเอง จนมาเก่งได้ว่าเราเคยทำอะไรมาบ้าง วิธีการใดบ้าง เหมือนทบทวนเพื่อหาทางรอดให้ชชีวิตอีกครั้งนึงครับ และพอได้้ดูตอนนี้จบก็็ทำให้้เราไม่เหงงาเลยเพราะมีเพื่อนๆรุ่นเดียวกันเจอปัญหาแบบเดียวกัน..
ดีใจที่ได้เข้ามาฟังค่ะ ติดตามอยู่นะคะ
ดีใจๆ
คอนเทนต์ดีมากๆครับ
จากเรื่องช่างภาพ คนเจน x ฟังแค่เรื่องเล่าก็อิ่มเอม แต่คนเจนY จะถามหาภาพที่บอกว่าถ่ายออกมาสวยที่สุด เพราะยึดติกกับความเฟอร์เฟคอยู่
Gen Y ตอนนี้เป็นเดอะแบกของจริง เข้าใจชีวิตและไม่ได้สู้กับความเก่ง แต่สู้กับคุณภาพชีวิต และยังวางอะไรไม่ได้เลย ลุยไปก่อน แต่อีกสัก5-10ปี ก็คงจะเบาลง
**ชอบcontentsรายการนี้ครับๆ เห็นลงเดือนละครั้ง จะติดตามนะ
คาดว่าเดือนละ 2 ครับ
gen y มากันเพียบเลย
ปกติผมมักจะเห็นแต่ gen z โดนตลอดทุกๆงานวิจัย
มันแล้วแต่คนนะคะ ไม่ใช่ Gen Y จะเป็นแบบนี้ซะหมด โลกมันเปลี่ยนเพราะเทคโนโลยีมีบทบาทมาก เราคนนึงที่ไม่ได้อินกับยอดฟอล ยอดไล
เวลาใช้คำว่า gen หมายความว่าโดยรวม ซึ่งอาจจะวิเคราะห์จากสภาพสิ่งแวดล้อม ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเป็นครับ
ต้องดูจากการเลี้ยงดูมา บวกกับพื้นฐานด้วย แต่จะต่างกันเป็นส่วนน้อย เนื่องจากปีที่นับเจน ยาวมากตั้ง14ปี พลเมืองเจนนี้เลยมากกว่าเจนบนๆที่ล้มหายตายจากด้วย
เห็นบางคนแล้วเหนื่อยแทน อยากมีเหมือนคนอื่น ต้องรีบผ่อนคอนโด รถ iphone แถมเจียดเงินส่งที่บ้านให้พ่อแม่ ไหนจะต้องดูแลเสื้อผ้าหน้าผมนาฬิกาก็ต้องแบรนด์ ลดสเปกการใช้ชีวิตลง ก็ไม่ต้องบีบตัวเองทำงานหนักๆ ตำแหน่งสูงๆ ตึงไปก็ไม่มีความสุขในชีวิต