อธิบายวิทยาศาสตร์เรื่อง มิติเวลา กับ ENTROPY และสิ่งที่ TENET หยิบไปใช้
Vložit
- čas přidán 5. 09. 2020
- คลิปนี้ ไม่ใช่การสปอยหนัง ไม่ได้อธิบายหนัง และไม่ได้เน้นไปที่ตัวหนัง
แต่จะเป็นอธิบายข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สองเรื่อง คือ มิติเวลา, ENTROPY และการย้อนกลับของเวลา
และยกตัวอย่างว่า TENET หยิบไปใช้อย่างไร
ติดตามเราที่ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่
facebook : / becuriousth
Podbean : becurious.podbean.com/ - Věda a technologie
ถ้าใครมีอะไรอยากเสริมเพิ่มเติม หรือแก้ไขอะไร บอกได้ในโพสนี้นะครับ
ว่าที่อาจารย์ในฝัน ใน ร.ร. ผม
มันไม่มีเวลา ครับ ....เวลาที่เราใช้กันอยู่ ก็คือ การยึดมั่นอยูในความทรงจำและจินตนาการ มีเอาไว้เพื่อคิดคำนวนเท่านั้น ไม่มีทางที่จะย้อนกลับไปในอดีต หรือไปในอนคต ตามที่นักคิดทั้งหลายได้จินตนาการกันเอาไว้. ...อดีตคือความทรงจำ ....อนาคตคือจินตนาการ .....ปัจจุบัน เป็นเพียง สมุติบัญญัติ ที่"สมอง"ของเราบัญัญติขึ้นมาทั้งนั้น
ถ้าจะไปมิติที่5คือเพิ่มความเร็วรึเปล่าครับ
ต่อยอดจากแนวคิดที่ว่าถ้าทำความเร็วเหนือแสงเวลาจะชาลง....ก็เหมือนกับเรามองเห็นมิติที่4ได้....
...
เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้คงมีคนกลับมาจากอนาคตมาบอกเราบ้างแล้ว
ถ้าทุกอย่างกำหนดไว้แล้ว แสดงว่ามีผู้สร้างหรือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าสร้างจักรวาลโดยให้สิทธิ์มนุษย์เป็นผู้เลือก
แสดงว่ามนุษย์เป็นคนกำหนดอนาคต
ด้วยการกระทำ อนาคตที่สร้างไว้สมบูรณ์ไม่มีจริง ลองนึกถึงพวกหยั่งรู้อนาคตทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า ทำไมพวกนี้จะรู้เหตุการณ์ แต่ไม่รู้เวลาที่แน่ชัดละ เรารู้ว่าซักวันโลกต้องแตก แต่ไม่รู้ว่าวันไหน ทามไลน์อนาคตกำลังถูกสร้างและถูกแก้ไขไปเรื่อยๆจากเรา เพราะพระเจ้าให้สิทธิ์กับมนุษย์ แค่พระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่าวันหนึงโลกจะแตก
ตามที่กล่าวมาทั้งหมด ผมจึงคิดว่า มนุษย์4มิติแบบเรานั้นอยู่ในอดีตครับ
มนุษย์5มิติ เขาจะอยู่ในช่วงปัจจุบันขณะอย่างสมบูรณ์ การเล่นกำเวลาผมว่ามนุษย์มิติที่5อาจเป็นแค่ผู้ชม คงไม่สามารถมาเปลี่ยนแปลงทามไลน์ หรือเข้ามาแทรกแซงอะไรได้
ตามศึกษาตามอ่านเรื่องมิติเที่สูงกว่ามานานมาก มาเจอคลิปนี้คือเข้าใจง่ายเลย ชอบตรงที่เปรียบเปรยว่ามิติที่ 4 คือหนังสือหนึ่งเล่ม แล้วสิ่งมีชีวิตในมิติที่ 5 ก็กำลังอ่านหนังสือเล่นนั้นอยู่ คือประทับใจมาก นึกภาพตามแล้วคือมันใช่เลยอะ อารมณ์แบบเรานั่งอ่านหนังสือการ์ตูนในโลกของ 2 มิติ เราที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าก็สามารถข้ามไปดู หรือย้อนกลับไปอ่านใหม่ ไม่ว่าจะตอนไหนก็ทำได้ ชอบแนวคิดนี้มาก
ฟังคนอธิบายเรื่องมิติเวลามาตั้งเท่าไหร่ ก็พึ่งมาเข้าใจจากคลิปนี้ ขอบคุณค่ะ ขอบคุญมากๆ
ผมว่ามันมีบางสิ่งที่เป็นจริงมีอยู่จริงแต่ยังอธิบายไม่ได้หรือไม่ชัดเจนครับ อย่างที่อธิบายว่า โฟตรอนของแสงวิ่งไปกระทบที่วัตถุแล้วสะท้อนมาที่ระบบดวงตาแล้วส่งต่อไปที่ระบบปราสาทหรือสมองเพื่อวิเคราะห์และสรุปว่ามันคือภาพ(อะไร) ซึ่งกระบวนการทั้งหมดแม้ใช้เวลาประมวลผลเพียงเศษเสี้ยวมิลิวินาทีก็ตาม แต่มันก็คือภาพอดีต(จริง)ที่อยู่ติดหรือใกล้ชิดที่สุดกับภาพปัจจุบัน แล้วก็จะไหลผ่านไปด้วยกระบวนการของมิติเวลา(ที่เดินหน้าอย่างเดียว) ตามที่รู้ๆกันมา
เช่นนั้น.. ภาพที่เราสามารถเห็นได้ในปัจจุบันโดยไม่มีโฟตอนแสงเข้ามาเกี่ยวข้อง, ไม่มีวัตถุประกอบต่างๆอยู่จริง, ไม่มีแม้กระทั่งเวลา(กาลอวกาศ)แวดล้อมของวัตถุนั้น.. แต่ภาพ+วัตถุ+เรื่องราวที่เห็นนั้น(เคย)มีอยู่จริง..มันคืออะไร? อยู่ในกฎเกณฑ์ทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่สามารถคำนาณและสรุปผลที่ชัดเจนได้หรือไม่? ทั้งๆที่พวกเราทุกคนคุ้นเคยกันดี มันคือ "ความทรงจำ" ครับ ผมยังจำ(หรือเห็น)เรื่องราวต่างๆตอน 5ขวบได้หลายเรื่องอย่างชัดเจนทั้งๆที่เวลาผ่านข้ามมาแล้วเกือบ50ปี.. ที่เกริ่นยาวมานี่เพราะมันมีสิ่งที่น่าตั้งคำถามและค้นหาว่า ร่างกายเราอยู่ในรูปแบบ3/4มิติ แต่ ความทรงจำหรือจิตของเรา อาจอยู่ในมิติที่สูงกว่านี้หรือเปล่า? หากเป็นเช่นนั้น ผมว่าแขนงวิชาวิทยาศาสตร์ทางจิต ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะครับ และเราพอจะสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ ซึ่งต่างจากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีก้าวหน้าที่คนธรรมดาอย่างเราๆไม่สามารถจะแตะต้องได้ เช่น จะสร้างไทม์แมชชีน,เครื่องวาร์ป,ทดลองสร้างรูหนอนหลุมดำ หรืออุโมงค์ทดสอบการชนของสสารด้วยความเร็วแสง..ฯลฯ แต่ถ้าเป็นอิรอนมาส หรือ นาซ่า เขาคงมีศักยภาพที่ทำได้ครับ..
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและเนื้อหาที่ดี ที่สามารถอธิบายหรือสื่อให้เข้าใจได้ง่ายๆ..ชอบมากครับ ขอเป็น FC ยาววววววววเลยครับ
ผมชอบการอธิบาย มิติเวลา เปรียบเทียบได้ชัดเจนมากครับ ถ้าในโรงเรียนมีการสอนแบบนี้ ความสุขสนุกสนานคงเป็นเรื่องปกติของนักเรียนเลยนะครับ
ไปเป็นครูเถอะครับ วงการศึกษาต้องการคนแบบพี่
555 ใช่เลย ศาสตาจารย์จักรวาล พูดจนเข้าใจง่ายๆ เลย
5555
เห็นด้วย พูดกันตรงๆเก่งกว่าครูบางคนอีก ควรให้ความรู้กับคนต่อไป
จริงเข้าใจง่ายมาก เก่งครับ
ไม่ได้ครับ มีบางคนกำหนดขอบเขตการเรียนรู้ปวงชนชาวไทยไว้อยู่ครับ มิอาจที่จะปล่อยประละเลยให้ประชากรมีความรู้จนล้นเมืองได้ครับ เพราะในอดีตคนมีความรู้ความสามารถเคยเขย่าบัลลังค์ไปรอบนึงแล้ว จึงมีความกังวลว่าจะเกิดขึ้นอีก เพราะงี้แหละดร.ส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยจะทำงานในประเทศ อิอิ
มิติที่1= แกน x
มิติที่ 2 = แกน Y
มิติที่ 3 =แกน Z ที่ช่วยเพิ่มขนาดและตำแหน่งทิศทาง ที่หลุดจากแกน Xและแกน Y
มิติที่ 4 = เวลา หรือการเคลื่อนที่ ไปตามทิศทาง
มิติที่ 5 = พลังงาน ที่ มีเวลาเป็นตัวคงที่ เมื่อวัตถุ เคลื่อนที่ไปทิศทางใด ทางหนึ่ง เสมือนแรงเฉื่อย
แต่เมื่อมีพลังงานเข้ามา จะเห็นได้ว่า มีความเร่ง เพิ่ม ทำให้ ระยะเวลา ในการถึงที่หมายเร็วว่า แรงเฉื่อย
ปริภูมิที่บิดเบี้ยว เหมือนกับ ตัวเราที่อยู่ในอวกาศ มีทั้ง 4มิติ แต่กลับกัน เวลานอกโลกกับบนโลกไม่เท่ากัน อาจเป็นความโค้งของ ปริภูมิมีผลต่อ การคงอยู่ของอนุภาคที่เกิดเป็นวัตถุ
อยู่ในอวกาศเราไม่ต้องแข่งกับเวลาเเต่อยู่บนโลกเราต้องทำอะไรๆแข่งกับเวลา
วงการศึกษาต้องการบุคลากรแบบคุณ อธิบายเรื่องยากให้เข้าใจง่ายมาก ผมตามหามานานแล้งเพจแบบนี้ ขอบคุณมากครับ
คำว่า "มิติ"
ตามความเข้าใจของผม มันหมายถึงเครื่องมือที่สมองใช้วิเคราะห์เพื่อจำแนก, ความแตกต่างของสิ่งหนึ่ง,ออกจากอีกสิ่งหนึ่ง, เพื่อการคำนวณที่แม่นยำ
และในทุกๆ "มิติ" มีขอบเขตจำกัด
#ตัวอย่าง
0 มิติ หรึอไม่มีมิติ
เช่น.ภาพแรกๆที่เด็กทารกเห็น...
ณจุดนี้มีการรับรู้ของสมองแล้ว แต่เป็นเพียงการรับรู้ว่า "มี" (บางสิ่ง) ยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างอะไรได้เนื่องจากยังไม่ได้เกิดการ "เปรียบเทียบ"
1 มิติ
คือการที่สมองของเราเริ่มเปรียบเทียบหาความแตกต่างระหว่าง2สิ่งขึ้นไป, โดยอาจสร้างแกนสมมุตขึ้นในสมอง1เส้นแล้ววางสิ่งเหล่านั้นลงบนเสัน, ตามตำแหน่ง, สถานะที่เรามีข้อมูลที่ได้รับรู้มา
ด้วยการเปรียบเทียบแบบ 1มิตินี้แม้จะมีขอบเขตจำกัดแต่เราก็สามารถใช้เป็นฐานในการจำแนก, คำนวณสิ่งต่างๆได้อย่างมากมาย เช่น
-อันไหนขวา, อันไหนซ้าย
-อันไหนใกล้, อันไหนไกล
- หิน 3 ก้อนนี้ ก้อนไหนใหญ่ที่สุด ก้อนไหนเล็กที่สุด
การรับรู้ใน 1 มิตินี้ สามารถเข้าใจในมาตราชั่งตวงวัด และจะไปถึงพื้นฐานของวิชาตรรกวิทยาได้ เช่น
หากเรามีข้อมูลว่า A=B และ
B=C เพราะฉะนั้น A ย่อม=C
2 มิติ
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือใช้แกนสมมุต2แกนทำให้ประสิทธิภาพในการคำนวณเพิ่มขึ้นเราสามารถคำนวณหาความกว้างของพื้นที่หรือหาตำแหน่งของวัตถุบนพื้นที่นั้น(ในสภาพที่มันหยุดนิ่ง)
3 มิติ
สมองของเราใช้เครื่องมือ เป็นแกนสมมุติ 3 แกน ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการคำนวณ ในเชิงปริมาตรและรูปทรงเพิ่มขึ้นมา และยังสามารถคำนวณตำแหน่งของวัตถุใดๆในจักรวาลนี้ ได้อย่างแม่นยำ (ในสภาพที่มันหยุดนิ่ง)
4 มิติ
ก็ตามที่อาจารย์ได้อธิบาย ได้ดีเยี่ยมนะครับ😊
ไล่ลำดับมาก็แค่อยากจะบอกว่า ก่อนที่คนเราจะเข้าใจ อย่างถ่องแท้ ในโลก 3 มิติ จะต้องมีการสะสมข้อมูลที่ถูกต้อง มากพอ จากทั้งสองมิติเสียก่อน
และการพยายามทำความเข้าใจ ให้ลึกซึ้ง กับโลก 4 มิติ จึงจะสามารถนำไปสู่ความเข้าใจในมิติต่อๆไปได้
นี้เป็นความเห็นของผมนะครับ ผิดถูก อย่างไรอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยครับ😊
เป็นครูที่ตามหามานาน อธิบายเก่งมาก สามารถอธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจง่ายเลย สุดยอด
อาจารย์เยี่ยมมากเลยครับ สายวิทย์ถูกใจมากเลย
ประเด็นนี้ พอยิ่งทำความเข้าใจ ยิ่งรู้สึกน่ากลัวรู้สึกหวิวๆ ยังไงบอกไม่ถูก ประเด็นที่บอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว เพียงแต่เรายังไปไม่ถึง
เรากำลังดำเนินชีวิตปกติอยู่ใน (เวลา ณ ปัจจุบัน ) ซึ่งแสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่าง จักรวาล เอกภพ มีจุดเริ่มต้น และ จุดจบ สมบูรณ์ ซึ่งเราใช้ชีวิตอยู่ในดวงดาว 1 ในจักรวาลที่มีเวลาเป็นปัจจุบัน อาจอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่งของเวลาที่ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมิติที่3 ไม่สามารถรับรู้อะไรไปได้มากกว่าปัจจุบัน และ มองเห็นหรือจดจำเฉพาะเรื่องราวในอดีตได้เท่านั้น ซึ่งแล้วอะไรละ ที่กำหนดจุดเริ่มต้น และ จุดจบของสิ่งที่ยิ่งใหญ่แสนกว้างใหญ่มหาศาล เช่น จักรวาลแห่งนี้
ใครกันที่สร้างจุดเริ่มต้นและจุดจบของมัน และสิ่งที่กำหนดมันจะมีรูปลักษณ์หน้าตาเป็นยังไงหรือแม้แต่ ขนาดของมัน
อย่างที่อีรอนมัส เชื่ออย่างสนิทใจว่าเรามนุษย์บนโลกอาจเป็นเพียงแค่Ai NPCในเกมๆนึงเท่านั้น
เหมือนที่มนุษย์สร้างเกมคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆทั่วไปนี่ละที่เป็นตัวnpcในเกมที่โต้ตอบกับเราอัตโนมัติ ตัวnpcคนเล่นเกมที่ต้องคอยรับเควส หรือซื้ออาวุธ แต่คราวนี้ npcกลับมีสติปัญญา ที่คิดเอง ทำเองได้โดยที่เราไม่ได้ควบคุมมัน มนุษย์อาจเป็น ai ที่ผิดพลาด ที่ดันมีสติปัญญาคิดเองได้
และมนุษย์ในโลกปัจจุบัน ก็วิวัฒธนาการตัวเองมาเรื่อยๆ และก็สร้างเกมในคอมพิวเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ เหมือนที่เรามองกระจก และมีกระจกอีกบานอยู่ด้านหลัง มันจะซ้อนทับกันไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
ปัจจุบันก็มีแนวคิดนี้ที่ว่า ในอนาคต การที่เราจะสร้างหุ่นยนต์ ai ปัญญาประดิษ มารับใช้มนุษย์ มาทำงานแทนในงานที่มนุษย์ไม่ต้องการที่จะทำ
แต่กลัวว่าวันนึง ai จะพัฒนาสมองของมันเอง จนคิดเองได้ และ ไม่รับฟังคำสั่งที่เราป้อนโปรแกรมเข้าไปในสมองของมัน
และมนุษย์นี่แหละ อาจจะเป็นแบบai ที่พัฒนาความคิดนั้นแล้ว
งงปะ ? 5555555
คุณอธิบายเรื่องยาก ให้ง่ายขึ้นยอดเยี่ยมมากครับ ฟังแล้วค่อยๆคิดตามไป เข้าใจดีมากครับ ขอบคุณครับ
เทพมากอ่ะพี่ ควอนตัมนี่ผมงงมาครึ่งชีวิต ยิ่งหาอ่านยิ่งงง มาเจอพี่อธิบาย เกตเลย
เรื่องมิติอีก คิดว่าเข้าใจ แต่เข้าใจแบบงงๆ เจอพี่ยกตัวอย่าง เกตเลยอ่ะ
ขอกราบ
อธิบายได้เข้าใจมากที่สุด ในบรรดาทุกช่องเลยครับ เป็นกำลังใจให้ทำคลิปต่อๆไปครับ
อธิบายเข้าใจง่ายกว่าครูสอนอีกครับ ชอบมากเลย
GREAT!!
“สิ่ง”สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง
เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด
มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่,
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ดินน้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้,
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้,
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูป ดับสนิทไมามีส่วนเหลือ,
นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้
เพราะความดับสนิทของวิญญาณ ดังนี้แล.
สาธุครับ🙏😊
ฟังคลิปนี้แล้ว ทำให้คิดถึงหนังสือ "โลกของโซฟี" ที่ตัวละครในหนังสือเป็นเด็กสาวชื่อโซฟี ที่อายุย่าง 15 ปี กับนักปรัชญาคนหนึ่ง ที่โผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มาสอนปรัชญาให้กับโซฟีที่ย่อประวัติศาสตร์ปรัชญา 1-2 พันปีให้สั้น เข้าใจง่าย และสนุก เล่าไปทีละยุคๆ พอถึงตอนท้ายเล่ามาจนถึงนักปรัชญายุคปัจจุบัน เศร้าหน่อยที่โซฟีรู้ตัวว่า เธอเป็นเพียงตัวเดินเรื่องหลักในหนังสือเล่มหนึ่ง เล่มที่ผู้พันกำลังแต่ง เพื่อสำหรับให้เป็นของขวัญวันครอบรอบวันเกิดปีที่ 15 ของลูกสาว พอรู้อย่างนั้น โซฟีเห็นว่าหนังสือใกล้จบแล้ว เธอจะต้องติดอยู่ในหนังสือเล่มนี้ไปตลอดแน่นอน เธอจึงต้องพยายามหาทางหนีทางออกไปจากหนังสือ ด้วยการหายตัวไปก่อนที่หนังสือจะจบ ที่สุดเธอก็ได้โอกาสเหมาะ ในตอนที่ผู้พันที่ยังแต่งหนังสือค้างอยู่เผลอหลับ โซฟีก็แอบหนีออกมาทางโพรงกระต่ายในสวนหลังบ้านของเธอ เธอได้ออกจากหนังสือมาเห็นโลกสี่มิติเหมือนกับเรา จำไม่ได้ว่า นักปรัชญาได้หนีออกมาด้วยหรือเปล่า น่าจะไม่ได้ออกมา เพราะดูพี่แกจะมีความสุขกับการอยู่ในโลกปรัชญาของพี่แก เพื่อจะได้เล่าถึงประวัติศาสตร์ปรัชญาให้กับคนที่ได้เปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ต่อไป แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผู้พันรู้ตัวก็อาจจะอยากหนีออกมาด้วยเหมือนกัน เพราะคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้จริงๆ ไม่ใช่ตัวผู้พัน ผู้พันเป็นเพียงตัวละครในหนังสือ คนที่เขียนโลกของโซฟีจริงๆ คือ ยูสไตน์ โกเดอร์
แต่ก็ไม่แน่ว่า ยูสไตน์ โกเดอร์ ที่มีชื่อเป็นผู้เขียนนั้น ก็อาจเป็นเพียงตัวละครในหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ที่นักเขียนในมิติที่สูงกว่าเขียนขึ้นมาก็ได้
ชักเริ่มจะงง
มีแต่ได้ยินคนอธิบายว่า ในมิติที่ 3 ที่เราอยู่มีเงื่อนไขเวลาด้วย อธิบายแบบนี้เข้าใจมากขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ
สุดยอดเลยครับผมฟังเรื่องมิติเวลามาหลายคลิปมาก ไม่้ข้าใจเลย พี่อธิบายละเอียดและเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายทำต่อไปนะคับ👍👍👍👍
นี่คือช่องที่อยากดูมานาน เจ๋งมากค่ะ
อธิบายไว้ ได้เข้าใจง่ายมากๆครับ ชอบช่องนี้
ว้าว คุณเป็นแสง Light worker ผู้เป็นแสงสว่างให้ความรู้ผู้คน อธิบายได้ ดีมากเลยคะ ขอบคุณมากคะ
ตอนผมเรียนวิศวะเครื่องกลปีสอง ก็เจอเจ้า เอนโทรปี เหมือนกันตอนเรียนวิชา เทอร์โมไดนามิกส์ แต่เนื้อหาไม่ได้บอกถึงการย้อนกลับของเวลาอะไร เพียงแต่ระบุถึงความไม่เป็นระเบียบของกระบวนการต่างๆว่า ไม่ว่าจะเกิดกระบวนการไดๆก็ตามจากสถานะหนึ่ง ไปสถานะสอง เอนโทรปี จะเพิ่มขึ้นเสมอ และสามารถวัดหน่วยออกมาได้ด้วย นั่นคือ kJ/kg.K (กิโลจูลต่อกิโลกรัมเควิน) ซึ่งถ้าถามว่าเจ้าเอนโทรปีมันคืออะไรกันแน่ ก็ไม่มีไครตอบได้อย่างแน่ชัด เพียงแต่ใช้มันเป็นตัววัดกระบวนการที่เกิดขึ้น เช่นถ้าเป็นกระบวนการที่ย้อนกลับได้ เอนโทรปีจะคงที่เป็นต้น ถึงจะเรียนเกี่ยวกับมันมากแค่ไหน ก็ยังอธิบายไม่ได้จริงๆว่ามันคืออะไรกันแน่
อธิบายได้สุดยอด เห็นภาพทำให้เข้าใจเลย ขอเป็น FC ครับ
เรามองว่ามิติที่ 5 ไม่ใช่ผู้สร้าง แต่เป็นแค่ผู้เฝ้ามองและสังเกตุการณ์ ส่วนเหตุการณ์ในอนาคตอาจจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้ถูกกำหนด เพราะแรงกระทำในปัจจุบันส่งผลกับเหตุการณ์ในอนาคตเสมอ คิดว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้เกิดทฤษฎีโลกคู่ขนาน และมีโอกาสเกิดขึ้นได้หลายแบบตามตามน่าจะเป็น แค่คิดเอาเองนะ มองในมุมทฤษฎีมันเหมือนชีวิตเราถูกกำหนดมาแล้ว แต่ถ้าในโลกของความเป็นจริงมันควรจะเป็น "ปัจจุบันที่เป็นอยู่ เกิดจากผลของการกระทำในอดีต และผลของอนาคตก็เกิดจากปัจจุบันที่เรากำลังทำ" นอกนั้นคือสิ่งอื่นๆที่มากระทบและอยู่เหนือการควบคุมของเรา ดูมั่วๆเนาะ จากความคิดส่วนตัวนะ
เข้าใจมากขึ้นเลยขอบคุณครับ
อธิบายดีมากเลยครับเรื่องมิติต่างๆ คุณเก่งมากกกกกกก ผมเข้าใจเรื่องมิติขึ้นเยอะเลยครับ ขอบคุณมากครับ 🎉🎉🎉
อธิบายเก่งมากเลยค่ะ เข้าใจง่าย เห็นภาพ
คุณอธิบายจากความเข้าใจ แต่ครูอาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่สอนจากการ" ท่องจำ " ผลที่นักเรียนก็คือ จำๆกันไปสอบ แต่ไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เรียน
ผมชอบช่องนี้จัง ให้ความรู้เข้าใจง่ายดี
อธิบายเก่งมากค่ะ สามารถอธิบายสิ่งที่ยากกลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายๆได้!!
เป็นแชแนลที่หายากมาก เนื้อๆเลย ขอบคุณมากๆค่ะ ทำออกมาเยอะๆนะคะ So Cool
เมื่อไหร่ที่เราไขความลับของมิติเวลาได้ เราคงจะเข้าใจความเป็นมาของชีวิต โลกหลังความตาย รวมทั้งสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของการเดินทางสู่ห้วงอวกาศได้
คล้ายในพุทธศาสนาเลยครับ ในหลายเรื่อง
อธิบายได้ชัดเจน เก่งมากครับ
อธิบายได้ดีมาก ๆ เลยครับ
ในหนังเขาได้พูดถึง 2 ความเชื่อครับ
1.องค์กรในอนาคตเชื่อว่า ถ้าเราย้อนเวลาไปอดีตแล้วฆ่าบรรพบุรุษของเรา มันจะเกิดโลกอีกโลกขึ้นมา ซึ่งโลกนั้นจะไม่มีเราและบรรพบุรุษของเราอยู่ แต่ในโลกปัจจุบันตัวเราและบรรพบุรุษของเราจะยังคงอยู่ (Grandfather Paradox)
2.องค์กรของพระเอกเชื่อว่า ต่อให้ย้อนอดีตไปก็ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นแล้ว แบบนี้จะเป็นโลกนที่วนลูปอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่มีการย้อนเวลาไปอดีตครั้งแรก
และในหนังเขาก็ใช้ความเชื่อที่2มาเป็นทฤษฎีครับ เช่น องค์กรในอนาคตเขาพยายามที่จะระเบิดโลกในอดีตทิ้ง โดยการส่งระเบิดไปยังอดีต แต่มันจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะว่ามันอนาคตมันได้เกิดขึ้นมาแล้ว จะด้วยเหตุผลใดก็ตามไม่ว่าจะ ระเบิดด้าน ลืมทื้งไว้ คนกดระเบิดตาย
ขอบคุณมากเลยครับ
ใช่เลยครับ ผมมองว่าในหนัง เขาก็ไม่แน่ใจว่า โลก(ในหนัง)มันจะเกิดขึ้นตามความเชื่อไหนกันแน่ และตัวร้ายก็เชื่อในความเชื่อที่ 1 ที่มี Grandfather Paradox
แต่ตัวหนังสื่อออกมาให้คนดูเข้าใจว่า "น่าจะ" เป็นไปตามความเชื่อที่ 2 มากกว่า
แต่ส่วนตัวผม อยากให้โลกเราจริงๆเป็นแบบไหน ผมอยากให้เป็นแบบความเชื่อแรกมากกว่า เพราะแปลว่าเราสามารถกำหนดอนาคตเองได้ ผมคงหงุดหงิดแปลกๆถ้ารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างลิขิตอนาคตเราไว้หมดแล้ว
ช่างสงสัย B-Curious Channel ผมก็อยากให้เป็นเช่นนั้นครับ อยากให้ทำเรื่อง Dark ด้วยนะครับ ผมชอบการอธิบายของช่องนี้มากๆ เลย
เรื่อง Dark นี่ขอเวลาสักนิดนะครับ เนื้อหามันเยอะเอาเรื่องเลย เดี๋ยวผมต้องค่อยๆแกะดู เป็นโปรเจคที่น่าทำมากเลยครับ
ถึงจะซับซ้อน แต่ก็พอจะเริ่มๆ
เข้าใจเกี่ยวกับมิติที่5 มั่งแล้ว
ครับ ขอบคุณที่พยายามอธิบาย
ให้คนดูเข้าใจครับ ขอบคุณๆๆ
สุดยอดครับพี่ เข้าใจง่ายมากเลยครับ
ผมคิดว่า..ถ้าเราไปอยู่ในมิติที่5..
เราน่าจะทำได้แค่รับรู้มิติที่4
แต่ไม่สามารถเข้าไปในมิติที่4
ซึ่งก็เหมือนกับเรามองอดีตของเราแต่เรากลับเข้าไปในอดีตของเราไม่ได้...
เพราะอดีตนั้นไม่มีอยู่แล้ว..
และในกรณีอนาคตก็เช่นเดียวกัน
ถ้าเราจะไปในอนาคตนั่นก็เป็นไปไม่ได้เพราะอนาคตยังไม่เกิดที...เราทำได้เพียงรับรู้สิ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น...นั่นหมายความว่าเราจะไปไหนก็ตาม..ที่นั่นต้องเป็นปัจจุบันเท่านั้น..ในกรณีนี้.อดีตหรืออนาคต..
จะต้องถูกทำให้กลายเป็นปัจจุบันถ้าเราจะไปในอดีตหรืออนาคต..ในกรณีเอนโทรพี..
เราอาจจะสามารถแยกเวลาออกจากวัตถุใดใดก็ตาม เช่น เวลายังคงเดินหน้าตามปกติ..แต่เอนโทรพีของวัตถุ..เดินถอยหลัง
เปรียบเทียยกับกรณี น้ำในตู้เย็นได้กลายเป็นน้ำแข็ง โดยที่เวลายังเดินไปข้างหน้าตามปกติ
โดยการแทรกแซงของพลังงานในตู้เย็น
เราสามารถที่จะเติมพลังงานให้กับการไหลของอะตอมเพื่อมันย้อนกลับได้..ในกรณีนี้ทำได้บางอย่างแต่อีกหลายๆอย่างต้องรอเทคโนโลยี..มาที่ปัญหาหลักคือเวลา...
เวลาคืออะไร เวลาเป็นพิกัดชนิดนึง..
ซึ่งไม่ใช่สสารหรือพลังงาน ไม่ใช่คลื่นหรืออนุภาค....สถานะของเวลาคือพิกัด..
ในการย้อนเอนโทรพีในวัตถุใดใดเราใช้วิธีเติมพลังงานเข้าไปในสภาวะไร้ระเบียบให้กลับสู่ภาวะมีระเบียบ..แต่นั้นคือคำอธิบายว่าเราจะไม่สามารถเติมพลังงานเข้าไปในเวลาได้เพราะเวลาเป็นเพียงพิกัดเท่านั้น..ไม่ได้มี่สถานะเป็นคลื่นหรืออนุภาค..สสารหรีอพลังงาน..เราอาจอธิบายตามหลักมิติก็ได้ว่า
คลื่นหรืออนุภาค สสารหรือพลังงานนั้นเป็นวัตถุใน3มิติแต่เวลาเป็นมิติที่4ซึ่งแตกต่างออกไป...ที่นี่..การย้อนเวลานั้นก็ต้องใช้หลักการที่แตกต่างออกไป ถ้าจะสามารถย้อนได้..
หรือจะสามารถไปในอนาคตได้..ซึ่งก็ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าเวลานั้นไม่ใช่เวลาที่ยังไปไม่ถึงก็คือเป็นอนาคตของอดีตไม่ใช่อนาคตของปัจจุบัน..เช่นถ้าวันนี้เป็นวันอาทิตย์..เวลาก็ย้อนได้มาจนถึง ณ วันอาทิตย์เท่านั้น
ในกรณีนี้เราจะเรียกวันอาทิตย์คืออนาคตของอดีต แต่เวลาจะไม่สามารถไปในวันจันทร์ได้..
เพราะนั่นคืออนาคตของปัจจุบัน ซึ่งยังไม่เกิด
แต่...เราสามารถรับรู้อดีต..ปัจจุบัน..อนาคตได้ เพียงรับรู้เท่านั้น แต่เราไม่สามรถไปอยู่ในอดีตหรืออนาคตได้..เพราะอดีตหรืออนาคต
เป็นคนละมิติกับเรา..เราเป็นวัตถุใน3มิติแต่อดีตกับอนาคตเป็นมิติที่4 ดังนั้นโดยสถานะจึงแตกต่างกัน..มีจุดเชื่อมโยงเดียวคือปัจจุบันเท่านั้น..คือบอกว่าวัตถุนั้นอยู่ในพิกัดนี้เท่านั้น
สรุปว่าผมเห็นด้วยเรื่องย้อนเทอโรพีวัตถุ
แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องย้อนเวลา
เพราะอยู่คนละมิติและคนละสถานะ
ใช้กฏเกณฑ์ต่างกันครับ/ เท่าที่ไปดูเทเน็ตมาก็ประมาณนี้ครับ
รายละเอียดน่าสนใจมาก ทำให้ผมอยากไปหาข้อมูลต่อเลย อาจจะเอามาทพคลิปเพิ่มด้วย
ผมเห็นด้วยเรื่อง ย้อนเอ็นโทรปีได้ ไม่เกี่ยวกับเวลา
ผมว่า มันแค่ทำงานแบบ กาแฟร้อนขึ้นได้ หรือห้องเย็นลงเหมือนเปิดแอร์ได้ โดยไม่ต้องใช้พลังงาน แต่ไม่เกี่ยวกับเวลา
เอ็นโทรปีมันเกี่ยวกับเป็นการถ่ายเทพลังงาน การจัดรูปแบบใหม่ของอนุภาคที่มีอิสระมากกว่า
การย้อนเวลาหนังเขาเอา entropy ไปผสมกับทฤษฎี one universe electron เพื่อความสนุกเฉยๆ
ถ้ามีอะไรเสริมเพิ่มเติมหรือแย้งได้เลยนะครับ ยินดีมากเลย ผมจะได้รู้มากขึ้นด้วย
@@curiosity-channel
ยินดีครับ
เหมือนพระเกจิในครั้งพุทธกาลที่เขาเข้าฌานได้
มุมมองของเขาที่สามารถมองเห็นอดีตและอนาคตได้
เหมือนมุมมองของมิติที่ 5 ที่แอดกำลังอธิบายเลยครับ
หรือว่าเพราะจิต คือ มิติที่ 5
เยี่ยมครับ ผมดูหลายepแล้วมีความรู้ และสื่อสารเก่งมาก
ผมชอบเรื่องแบบนี้ครับ เข้าใจง่ายดีครับ ขอบคุณครับ
สิ่งเร้นลับที่สุดไม่ใช่เรื่องผีสางแต่เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์นี่แหละ ชอบการอธิบายมากค่ะ
ขอบคุณที่คุยเรื่องเหล่านี้ให้ฟัง เพราะน้อยคนที่จะพูดเรื่องเหล่านี้ได้ ซึ่งถึงแม้พูดได้ แต่ก็น้อยคนที่จะพูดให้เกิดความเข้าใจได้ก็น้อยครับ
สุดยอดครับ ชอบมากทำคลิปมาอีกนะครับ
ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้ดีมาก และกระชับ
อธิบายดีมากครับ เข้าใจเลือกเปรียบเทียบครับ เข้าใจง่ายมาก เห็นภาพเลยครับ นัยถือครับ ต้องเข้าใจจริง ๆ ถึงจะอธิบาย และเปรียบเทียบได้ขนาดนี้
ตื่นเต้นดีครับ กับการอธิบายมิติต่างๆโดยเฉพาะมิติที่ห้า.. แต่อยากรู้ว่าต้องฉลาดแค่ไหนถึงจะเข้าใจมิติทั้งหมดได้
เป็นรายการที่มีสาระดีๆ ชอบมากๆ เลยคับ
อธิบายเรื่อง มิติที่ 4 ได้ชัดเจนมากครับ
ผมชอบช่องของคุณมากๆครับ ไล่ตามดูแต่ละคลิปฟังเพลินๆ ได้ความรู้ เข้าใจง่ายกว่าตอนสมัยเรียน ขอให้นำเสนอแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ
เป็นการวิเคราะห์ที่ดีมากๆเลยครับ
เล่าให้ฟังสนุกมากๆเลยค่ะ
อยากให้ทำเรื่องเกี่ยวกับมิติทั้ง 10 (11) ค่ะ 😊
อธิบายเก่งมากครับ ชื่นชม
อธิบายได้เข้าใจง่ายมากครับ👍👍👍
ยิ่งท่านที่ใช้ผู้ที่มาจากมิติที่ 5 ช่วยทำนาย จะค่อนข้างแม่นมากเลย เป็นความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ
ช่องนี้อธิบายเข้าใจง่ายดี ดูสนุก เพลินเลย คลิปสั้นไปหน่อยครับ
ชอบเรื่องเวลาอ่ะ พึ่งเจอช่องนี้ อธิบายได้เพลินมาก
ดีมากๆเลยครับ อยากให้ทำเกี่ยวกับเรื่องมิติต่างๆด้วย สงสัยมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ
ช่องนี้ดี !!! เยี่ยมเลยครับ
ความรู้พี่ทำให้ผมเข้าใจในคัมภีร์กุรอ่านมากขึ้น เพราะกุรอ่านมีปริศนามากมาย ขอบคุณมากครับ ขอให้พี่ได้รับทางนำ อามีน
ผมแค่เรียนมาแต่ไม่มาก บางครั้ง ผมคิดว่าความคิดเห็นอาจผิดไปจากหลักวิชาจริงที่ยังรู้ไม่พอ จึงใช้การรับฟังเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมจากคำบรรยายนี้มากกว่า คลิปต่างมีประโยชน์มากครับผม
เรียบเรียงได้ดีจริงๆครับ
ขอบคุณมากครับผม
ขอบคุณมากเลยครับ คลิปต่อๆไปจะพยายามให้กระชับขึ้นครับ
เยี่ยมมากครับ เป็นการเรียบเรียงระบบการคิดอย่างมหาศาลเพื่อมาทำคลิปให้คนอื่นเข้าใจตาม
ผมกำลังค้นหาความรู้เรื่องนี้พอดีเลย ชอบมากครับ
มิติที่มากกว่า 3 ต้องอาศัยสภาพแวดล้อมอย่างอื่นที่ไม่มีปรากฏต่อพวกเราในโลกนี้ เพราะทางกายภาพเราไม่มีพื้นฐานให้เข้าถึงได้ครับ
การเข้าสู่มิติเวลา เราเอาร่างกายที่ซับซ้อนไปไม่ได้
แต่เราอาศัยเกิดมีตัวตน อัตตา เป็นมิติที่ 1
เอาการรับรู้เวลา สัมปชัญญะ เป็นมิติที่ 2
ส่วนเรื่องเป็นมิติที่ 3 คือ อาศัยมิติในข้อ 1และ 2 มาจับยึดเหนี่ยวเข้ากับเรื่องทางกายภาพ คือสสารและพลังงาน
แล้วเกิดการมองว่าเป็นกว้างยาวลึก หรืออาจจะมีลักษณะทางกายภาพที่ซับซ้อนกว่านั้น
โดยในมุมมองนามธรรมจะเหมือน อาเรย์ สองมิติ สามมิติ สี่มิติ ไปเรื่อยๆ
แต่สำหรับมุมมองผมเห็นว่า โลกนี้มันมีแค่กายภาพอันเดียว การรับรู้ กว้าง ยาว ลึก คือเราแค่ตั้งชื่อให้กับทิศทางทางกายภาพ เพื่อสื่อสารกันได้เข้าใจ
มันจึงเป็นเรื่องจินตนการ เรื่องอาการคิด ในทางกายภาพไม่มีลักษณะสามมิติแบบนี้อยู่จริงหรอก ในแง่เวลาเรารับรู้กว้าง ยาว ลึก ได้เพียงอย่างละหนึ่ง
เพราะสมองเราเหมือน Single core cpu เรารับรู้หลายแกนของมิติพร้อมกันรวดเดียวในเวลาเดียวกันเลยไม่ได้
แต่อาจจะมีโลกมิติแบบนี้โลกอื่นๆด้วย หรือมีโลกมิติที่สี่ที่ห้าอะไรต่างๆได้ด้วย โดยมีลักษณะทางกายภาพต่างออกไป ส่วนมิติที่ 1และ 2 ยังคงเดิม
และอาจจะมีมิติที่ 0 ซึ่งเราไม่อาจนับเป็นมิติได้ ทั้งไม่มีอะไรอ้างถึงได้เลย ทำได้มากสุดเป็นแค่เปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจ
นั่นคือ เราอยู่ที่หนึ่งได้เพียงในเวลาหนึ่งเท่านั้น
ต่อให้ยืนที่เดิม ตัวเราก็กำลังเปลี่ยนไป สถานที่นั้นก็กำลังเปลี่ยนไป ในทางกายภาพโลกก็กำลังเคลื่อนที่ด้วย
ถ้าจะทำให้อยู่ได้หลายที่ในเวลาเดียวกัน เราต้องการพื้นฐานทางกายภาพแบบอื่นที่โลกนี้ให้ไม่ได้ครับ
สุดยอดอธิบายเข้าใจง่ายกระชับ
อยากให้ลองดูซีรี่เรื่อง Dark ค่ะ เกี่ยวกับเวลาเหมือนกัน ซับซ้อนมาก อยากให้อธิบายให้ฟังค่ะ ขอบคุณค่ะ
คลิปนี้เข้าใจง่ายมากกกก ฟังมาหลายคลิปงงตลอด ขอบคุณมากนะคะ
อธิบายเก่งมากก ขอบคุณนะค้าทำต่อไปนะคะติดตามอยู่ค่ะ
สมมุต เรามีนาฬิกา 1 เรือนใหญ่ ๆ ใหญ่ มาก หัน หน้าปัด ไป ทางอวกาศ สมุติว่าเราเห็นหน้าปัดนาฬิกาได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน
เวลา เดินผ่านไป 5นาที
ถ้าเราจะย้อนเวลา กลับไปดู เวลา ที่ 3,2,1 คือ เราต้อง นั่ง ยานอวกาศ วิ่งตามแสง ไป โดยที่ เราต้องวิ่งเร็วกว่าแสง
สมมุติ วิ่งไปตาม จน ทัน นาที ที่ 4 , 3 ,2 ,1
เราจะใช้พลังงาน มหาศาล ในการเติมเชื้อเพลิง เพื่อที่ ส่งยาน ตามแสงในอดีต ให้ทัน
ผม เชื่อว่า การที่ เรา เดินทาง เร็ว กว่าแสง คือการ เติมพลังงานที่มากกว่า การเดินเท่าแสง และมันสามารถ ย้อนเวลาได้
จริงอยู๋ที่ เรา เข้าไกล้ ความเร็ว แสง เวลา เราเกือบ จะหยุดไป และมวลรอบตัวเราจะมากขึ้น ยิ่งมวลมาก เวลาก็จะหยุดเดิน แต่ถ้า เรานั่งยานไป เร็วกว่าแสง ระ เวลา จะย้อนกลับบแน่นอนและ ไม่ใช่นาฬิกาตาย
กล้องโทรศัทน์ ดูดาว ที่ เราเห็นคือ ภาพจากอดีด เมื่อหลายหมื่นล้าน ปีก่อน แสงพึ่งเดินทางมาถึงโลก เราขยาย เม็ดโฟตรอน พื่อที่จะดู ภาพให้ชัดขึ้น ถึงเราจะพยายาม ซูมแค่ไหน ก็ก็ไม่สามารถ ดู ภาพเหตุการณ์ถัดไปได้ ได้แต่รอ ให้แสงเดินทางมาเรื่อยๆ ไม่สามารถ ไป โฟกัส จุดที่ 10,000ล้านปี 5,000ล้านปีได้ มีทางเดียวที่ จะดู ภาพในอดีตได้ คือตั้งนั่งยาน ที่เดินทาง เร็วกว่าแสง วิ่ง สวนทางไปทางดาวเคราห์ดวงนั้น เราก็จะรับ ภาพ อตีด มากขึ้นๆ ย้อนเวลา ไป มากขึ้นๆ
เชื่อว่า ดาวเคราะห์ อันห่างไกล ตอนนี้ ที่ เรากำลังดูก็ไม่ต่าง กับโลก ปัจจุบันที่เราอยู่ เพราะ เวลามันผ่านมานานแล้ว
ส่วนเรื่อวการข้าม มิติ หรือ ย้นระยะทาง อันนี้ เกินจินตนาการจริง ๆ นึกไม่ออก ครับ แต่ ผม จะลองสมมุิต ว่า มี แกน 1 แกน ซึ่งแข็งมาก ด้านต้น และ ปลาย เป็น เหมือน และพังงา อารม์ ว่า หักไปทางซ้าย พังงาด้านตรงข้ามก็จะไปทางขวา เหมือน มินเลอร์ กัน
ทีนี้ แกนที่ แข็งมา เริ่มยาวขึ้น ไปไกลขึ้น ไกล ถึง ดาวอังคาร ซึ่ง ระยะทางไกล นี้ แสงอาจจะใช้เวลา เดินทาง กว่า 25นาที ทีนี้ เรา ก็หันแกน ไปทาง ซ้าย-- ขวาปกติ อีกฝากนั้นทีไกล จะต้องหันตามไปด้วย และทันที แต่ ถ้า มองด้วย ตาเปล่า เราจะไม่เห็น ว่า พังงาหัน ทันที เพราะ แสงต้องใช้เวลา กว่า 25นาที
กลับมาที่ ท. รูหนอน หรือ อุโมงมิติ ถ้าจะต้องเดินทางไป ในทันที ก็ต้อง เชื่อมต่อ ปลายทางไว้ โดยให้เวลาหยุดไว้ เหมือนแกน ที่ แข็งมาก และ เวลาที่หยุดไว้ ต้องยาวติดต่อกันไปจาก โลก ถึง ดาวอังคาร ถ้าจะทำอย่างนั้น ได้ต้อง สร้าง แกนมวลที่มีมหาศาล มีความยาว มาก และ ใช้พลังงานมาก
อันนี้ไม่ได้ จำกัดเรื่อง ของ ขนาดแกน อาจจะ เล็ก เท่า เส้นผม ก็ได้ ขอให้แข็งแรงและเชื่อมต่อตลอดเวลา
แต่ ถ้า เรายังเดินทางด้วยความแสง เราจะไปถึง ดาวอังคาร อีก 25นาที ถัดไป ซึ่ง ดาวอังคาร โครจรไปตำแหน่งอื่นแล้ว ก็ยัง ช้าอยู่ดี
มีอีก ท. นึง คือ เราต้องหยุดเวลาไว้ขณะเดินทาง โดย เปิดมิติรูหนอน ไว้หน้ายานอวกาศตลอดเวลา เพื่อเปิด ทางเวลา และ ยานต้องวิ่งไปด้านหน้า ด้วยความเร็วสูง อารมณ์เหมือน ส่องไฟฉายไว้ แต่ เราเปิด มิติ รูเอาไว้แทน สมมุว่า มิติ ตามยานไป ตลอดแต่อยู๋ ด้านหน้า
พี่เก่งมากค่ะ เข้าใจง่ายดี
มันเป็นแค่หนัง ในความเป็นจริง เราคิดว่าตั้งแต่มิติที่5ขึ้นไป มันจะต้องเป็นมิติที่อยู่เหนืออิทธิพลของแสงและเวลา แต่เราต้องเข้าถึงมิติที่4ให้ได้ก่อน จะอธิบายยังไงดีว่าจริงๆแล้วเวลามันไม่มีอยู่จริง แต่เพราะเราไปอิงกับแสงตลอด เรามองร่างกายเนื้อของเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแสงเราจึงไหลไปตามเวลา ซึ่งเวลาสถานที่ระยะทางมันเป็นเรื่องเดียวกัน คือมันไม่ได้มีอยู่จริง เวลามันมีอยู่ตามการอ้างอิงของแสง ความโค้งของ กาล-อวกาศ space-time มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ผ่านประสาทสัมผัสเช่นตาไม่อาจเห็นหูไม่อาจได้ยินจมูกลิ้นกายสัมผัสไม่ได้ มันเหนือขึ้นไปอีก ขอใช้คำว่ามันเป็น"วิทยาศาสตร์ทางจิต" ลองพยายามเอาไปผนวกกับเรื่องจิตวิทยาดูอาจจะเห็นเค้าลางได้ชัดขึ้น(คหสต)
ยกตัวอย่างเช่น ความรัก😁 ความรักอยู่เหนือแสงและเวลา ความรัก สัมผัสไม่ได้ พิสูจน์ไม่ได้ วัดค่าไม่ได้ แต่ก็มีกระบวนการรับรู้และตอบสนองได้ด้วยนะ🤪🤭 อะไรที่เป็นควอนตัม เวลาเรายกตัวอย่างต้องเปรียบเทียบกับอะไรที่เป็นนามธรรมน่าจะเข้าเค้ามากกว่าเวลาที่พยายามเปรียบเทียบควอนตัมกับอะไรที่มันเป็นรูปธรรมมันจะขัดกัน ลองดู น้อยคนที่จะทำได้เพราะเรื่องพวกนี้ไม่สามรถเข้าใจได้ง่ายด้วยกระบวนการคิด แต่ต้องใช้สมาธิเยอะมาก ไอน์สไตน์จึงได้ฝากเอาไว้ว่า"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"... เป็นกำลังใจให้อยู่นะ สู้ๆจ้า
ขอคาราวะ การย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย พี่เก่งจริงครับ
เยื่ยมมากครับ...เข้าใจง่าย
ขอบคุณครับ
ถ้าลองคิดตามควอนตัม พระเอกจากอนาคตที่แสงจากโลกอดีตไม่สามารถตกกระทบได้ ก็เหมือนกับอะตอมที่ไม่มีคนวัดหรือผู้สังเกตการณ์ มันก็แยกร่างได้และอยู่ได้ทุกที่ หรือเอาแบบกาวๆหน่อยก็แสงไหลพร้อมกับเวลา ฉะนั้นแสงเก่ากับแสงใหม่ก็จะไม่ทับกัน การรับรู้ของจักรวาลก็จะไม่ซ้อนกัน
ไม่เคยเจอรายการแบบนี้ในเมืองไทยมาก่อน ดีมากๆ แต่ก็ต้องทำใจคนไทยไม่ใส่ใจในวิทยาศาตร์ ชอบแต่ไสยศาสตร์ ขอให้ทำต่อไปนะ
++
พี่อธิบายสิ่งที่ผมไม่มีวันเข้าใจ ให้เข้าใจได้ภายใน20นาที ขอบคุณมากครับ😀
ฟังและดูทุกตอนเลยครับ มีความรู้เพิ่มขึ้นจริงๆและเข้าใจง่ายด้วย
อยากให้ทำคลิปเกี่่ยวกับเจตจำนงเสรี โดยอิงกับทฤษฏีวิทยาศาสตร์ ครับ
อธิบายให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องวิทยาศาสตร์เข้าถึงได้ดีเลยครับ ผมก็ชอบฟังชอบดูเรื่องราวเกี่ยวกับมิติเวลา แต่ยิ่งฟังยิ่ง งง คลิปนี้ทำให้ผมเข้าใจง่ายดีครับ ว่า มิติที่เกินกว่ามิติที่4 คือมิติที่อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของเรา งี้แสดงว่า อาจจะมีอะไรที่สร้างจักรวาลของเราขึ้นมา ให้มีจุดกำเนิด และจุดสิ้นสุดมาพร้อมๆกันแล้ว และกำลังเฝ้ามองเราอยู่ เหมือนที่ลีออน มัสก์ บอกว่าทุกสิ่งในจักรวาลนี้เปรียบเสมือน Simulation
เข้าใจง่ายสุดๆ👍👍👍👍👍
พูดอธิบายได้เข้าใจง่ายดีครับ ชอบๆ
ขอบคุณครับ
สุดยอด👏🏻👏🏻👏🏻 เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆ จะติดตามไปเรื่อยๆเลยค่ะ ทำคลิปออกมาบ่อยๆนะคะ (ปกติไม่เคยเม้นช่องใครเลย เม้นช่องนี้ช่องแรกเลยค่ะ555)
เข้าใจอธิบายเปรียบเทียบกับหนังสือ เห็นภาพชัดดี
คนที่อยู่มิติที่5 สามาดูตอนไหนก็ได้ของช่วงเวลา ก็เหมือนกับที่เราย้อนไปดูหนังในวีดีโอนั้นและครับ มีเวลาจำกัดแต่สามารถย้อนหรือข้ามไปข้างหน้าได้แต่จะมีความจำกัดของเวลาและแก้ไขอะไรไม่ได้
อธิบายได้ดีมากครับ ชอบๆ ติดตามครับ
ขอบคุณครับ
ความรู้ ทั้ง นั้น ตามดู ทุก ควิปเลย
เข้าใจง่ายมาก
สุดยอดครับ ขอบคุณครับ
ผมเพี่งเข้าใจขอบคุณพี้ครับ
กาลเวลาไม่ได้เป็นเส้นตรง เป็นช่วง เป็นคาบ..มีจุดเริ่มต้น.และ จุดสิ้นสุด..แบบนั้นนะ.การย้อนเวลาแบบในหนังจึงเป็นเรื่องเพ้อฝันแบบเด็กๆ เพราะกาลเวลาจริงๆไม่ได้เป็นเช่นนั้น .อันนั้นมันเป็นการเคลื่อนไปทางกายภาพ..ซึ่งมีสาระที่เข้าใจได้ง่ายๆ.
แต่ กาลเวลา ที่แท้จริงคือ ทั้งหมดอยู่ในปัจจุบันขณะ...การเวลาทั้งหมดอยู่ในปัจจุบันขณะ..และมันเป็น อนันต์..มิติ ก็เป็น อนันต์..ไร้จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด..ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น และมีอยู่ในขณะนี้เท่านั้น..
และประเด็นเรื่อง การมองเห็น..ไม่ว่าแสงจะมีความเร็วเท่าไหร่..ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่...แต่ภาพที่เราเห็น คือภาพที่สมองสร้างขึ้นในจิตของเราในขณะนี้เท่านั้น ระยะทาง..และ กาลเวลา..จึงไม่ได้มีอยู่จริง..จักรวาลถือกำเนิดขึ้นและดับลงในขณะนี้อันเป็นอนันต์ภาพเท่านั้น..
สาธุ🙏
สุดยอด ข้อมูลดีครับ
ขอบคุณมากครับผม
สุดยอด ครับ ชอบ มากๆ
อธิบายเข้าใจง่ายดีครับ ส่วนตัวคิดว่าทฤษฎี Reverse นี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ แสงที่กล่าวมาก็ส่วนนึง ไหนจะระบบไหนเวียนโลหิตในร่างกาย ระบบย่อยอาหาร ประสาทการรับรู้ ฯลฯ สมมุติว่ามีมืติที่ 5 จริงๆ เขาก็สามารถมองเราได้ แต่ไม่น่าจะสื่อสารอะไรกันได้ เหมือนเรามองเห็นภาพในทีวีมากกว่า ธรรมชาติหรือใครก็ตามที่สร้างจักรวาลไว้คงออกแบบระบบที่เอาชนะไม่ได้ไว้แล้วก่อนจะสร้างมันขึ้นมา ถ้ามิติมันทับซ้อนกันได้จริง อนาคตคงมาหาเราบ้างแล้ว.. คหสต
อธิบายได้ดีจริงๆครับ
ได้ความรู้ และน่าคิดมากครับ
ยินดีครับ
ไช้แล้วครับผมเยี่ยมมากครับครับ😂