อิทัปปัจจยตาในฐานะที่เป็นปฏิจจสมุปปบาทต่างๆแบบ
Vložit
- čas přidán 21. 08. 2024
- สนับสนุนช่อง "พุทธทาส พุทธธรรม" ได้ที่ เลขที่บัญชี 984-4-77345-8 ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี พระวินัย จารุธมฺโม เป็นการจัดเก็บธรรมะคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสไว้ในยูทูปเพื่อสะดวกแก่การฟังและแบ่งปันให้ผู้ที่สนใจธรรมะแนวพ้นทุกข์ เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่มีใครฟังจาก เทปคาสเซ็ท, ซีดี,
เพราะยุคสมัยและเทคโนโลยี่ที่เปลี่ยนไป นี่จึงเป็นการง่ายสะดวกต่อการฟังและเก็บรักษา ธรรมะ และธรรมะจะอยู่ไปอีกนานแสนนาน ร่วมด้วยช่วยกันเผยแผ่ธรรมะด้วยการกดไลท์ กดแชร์ กดติดตามเพื่อสะดวกต่อการรับฟัง ทางช่องเรายังมีธรรมะที่อัปเดตใหม่ๆอยุ่ตลอดเวลา มีธรรมะของหลวงพ่อพุทธทาสมากกว่า 2,000 เรื่อง ให้เลือกได้รับฟัง
นมัสการ น้อมวิชา
อนุโมทนาสาธุๆ
ครับ
ฟังท่านพุทธทาสมาเกือบ20 คลิปแล้ว รู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในจิตเป็นอย่างมาก ท่านเปรียบเสมือนจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วินิจฉัยและให้ยาที่ถูกกับฮาการ ยิ่งฟังยิ่งแจ่มแจังชัดเจน แม้จะเป็นเพียงขั้นปริยัติ ยังไม่ถึงการปฏิบัติก็ชัดเจน
ที่ติดตามรับฟังมาก็ไม่ใช่ฮะไร เพียงแต่อยากหลุดพ้นจากสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิดที่เต็มไปด้วยทุกข์ภัยนานาประการ เชื่อมั่นในท่านพุทธทาสมากที่สุด ฟังมาหลายอาจารย์ก็ไม่แจ่มแจ้งเหมือนท่านพุทธทาส ยิ่งฟังยิ่งจางคลายหน่ายจากอาสวะกิเลส แม้จะยังไม่บรรลุอะไรก็สุขใจที่ได้ฟัง
งดงามจริงหนอ แจ่มแจ้งจริงหนอ เป็นการแสดงเนื้อหาสาระแห่งปรมัตถธรรมอันลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพเป็นอย่างยิ่งเป็นธรรมาธิษฐานล้วนๆ แม้จะใช้เวลาตั้ง2 ชั่วโมง ท่านก็บรรยายได้แจ่มชัดไปตามลำดับไม่ยุ่งเหยิงสับสนหรือลักลั่นใดๆ ทำให้ผู้ฟังไตร่ตรองมองเห็นเป็นลำดับเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องปลาย ได้ใจความสมบูรณ์อย่างไม่ขาดไม่เกิน ขอมอบกายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ตลอดกาลนิรันดร์
🙏 กราบนมัสการ ท่านพุทธทาส ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง 🙏
⚓ ขอขอบคุณ ผู้รวบรวมธรรมบรรยาย ของท่านพุทธทาส เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ใฝ่ในธรรม ⚓
⏲️ พฤหัสบดี 02 มีนาคม 2566 (00:15) ⏲️
ก่อนแต่ได้ฟังธรรมะจากท่านพุทธทาสจะมีแต่การหวั่นไหวในอารมณ์เมื่อมีสิ่งมากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดราคะ โทสะ โมหะอยู่เนืองๆ แต่เมื่อได้ฟังท่านพุทธทาสชี้แจงแสดงให้เห็น จิตใจก็มั่นคงไม่หวั่นไหวในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ใดๆทั้งสิ้น ขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์พุทธทาสสักล้านหน ขอขอบคุณยูทูปและผู้เผยแผ่ช่องนี้เป็นอย่างสูงยิ่ง
น้อมกราบสาธุธรรมค่ะ
กระแสปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่อง กฎของเหตุปัจจัย ปรุงแต่ง กันให้เกิดขึ้น ถ้าไม่มี อวิชชาตัณหาอุปาทาน ตัวกูของกูก็ไม่มี คงมีแต่กรรม คือการกระทำ เป็นเพียง กิริยาอาการ เรียกว่า กรรมมีแต่ไม่มีผู้ทำกรรม เพราะไม่มี อุปาทานความยึดมั่นถือมั่น ซึ่งเป็นตัว กรรมภพ ให้เกิดชาติ คือตัวกูของกู เกิดขึ้นมาทีหลังการกระทำ จึงมีตัวผู้ทำ กรรม เพราะมีอุปาทาน ที่เกิดมาแต่กิเลสตัณหา ตัวมานะทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
เหตุปัจจัยที่ทำให้เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี อย่าง พระเทวทัต มีสังโยชน์ วิจิกิจฉา เมื่อวิจิกิจฉามั่นคง ทำให้ สังโยชน์ มานะ มั่นคง สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ไม่รู้ ทำให้พระเทวทัตทำกรรมหนัก คือ ทำสงฆ์ให้แตกแยก และ กองอกุศลมูลส่งผลทำให้ อกุศลธรรม เกิดต่อเนื่อง ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด ใช้ กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท พิสูจน์ พุทธวจน จะทำให้เห็นความจริงตามความเป็นจริงนั่นเองคะ
สาธุสาธุส่าธุ
เพิ่งจะเข้าใจตอนจบนี่แหละคะ😮
สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
๑๐ ๑๐ ๖๖ กราบเท้าท่านอาจารย์พุทธทาส 🙏
กราบสาธุคะ กฏอิทัปปัจจยตาคือหัวใจปฏิจจสมุปบาท ใช้ กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท พิสูจน์ พุทธวจน ก็จะเห็นความจริงตามความเป็นจริง ตถาคตภาษิต พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อมีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงมีพระธรรม พุทธวจน เมื่อมีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงมีพระสงฆ์ มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ฟังสาวกภาษิต เมื่อไม่มีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระธรรม เป็นสาวกภาษิตไม่ใช่ ตถาคตภาษิต เมื่อไม่มีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระสงฆ์ ไม่มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เห็น อริยสัจสี่ ถอนอุปาทานจากขันธ์ห้า ใน ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด มีนันทิเห็นเกิด ละนันทิเห็นดับ ปฏิบัติ ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิใน เวทนา ทุกข์ สุข ละนันทิใน เวทนา อุเบกขา และ ละนันทิใน สัญญาและรูป จุดจบของ สัตตานัง ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นผู้รู้ในการหลุดพ้น หลุดพ้นด้วย เจโตวิมุติ เห็น อริยสัจสี่ ถอนอุปาทานจากขันธ์ห้า ใน ปฏิจจสมุปบาท สายดับ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ปฏิจจสมุปบาท สายเกิดและสายดับ ทุกข์ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด สมุทัย เกิด ปฏิจจสมุปบาท สายดับ นิโรธ ดับ มรรค อนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา พระพุทธเจ้าบอกสอนไว้ว่า การได้การเกิดเป็น มนุษย์ สิ่งที่สำคัญอันดับแรกคือ การเห็น อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มีเหตุปัจจัยถูก คือ การมีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต พุทธวจน นั่นเองคะ อินทรีย์ 5 พละ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
ว่าซะยาวยืดแต่หาสภาวะปฏิบัติไม่ได้เลย สาวกภาษิตในสาวกภาษิตที่ชอบด้างว่าเป็นตถคตภาษิต
@@user-ws1vx8ru2k พระพุทธเจ้าท่านบอกสอน ธรรม ไว้ให้รู้ตามนั่นเองคะ สภาวะที่เกิดปรากฏขึ้นมา ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ พระธรรม พระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านได้บอกสอนไว้ให้รู้ตามนั่นเองคะ ท่านบอกสอนให้รู้จัก สังขตธรรม นั่นเองคะ สังขตธรรม เป็น ตถาคตภาษิต พระพุทธเจ้าท่านพูดออกมา คำสอนของท่านจะมี กฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คำสอนของท่าน ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองคะ ซึ่งมีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นคะที่ทำคำพูดได้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองคะ สาวก ไม่สามารถ ทำได้นั่นเองคะ ที่ทำได้ก็คือนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อนั่นเองคะ
@@user-ws1vx8ru2k การเกิดปรากฏขึ้นของ สังขตธรรม เกิด เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ เสื่อม การเกิดปรากฏขึ้นของ สังขตธรรม มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น( เกิด>เสื่อม)>(เสื่อม>ดับ)>(ดับ>อนัตตา)>(อนัตตา>เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา)ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังขตธรรม เกิด เสื่อม ดับ อนัตตา เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา มันเป็น ตถตา คือ มันเป็นเช่นนั้นเอง คือ เกิด เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ เสื่อม มันเป็น อวิตถตา คือ มันจะไม่เป็นไปจากความเป็นอย่างนั้น มันเป็น อนัญญถตา คือ มันจะไม่เป็นไปประการอื่น คือ มันจะเป็นไปตาม กฏอิทัปปัจจยตา คือ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
@@user-ws1vx8ru2k พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามว่า ให้ชักชวนกันเข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เพราะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การชักชวนคนอื่นให้เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เป็นปริยัติ ที่เป็น สัมมาทิฏฐิ
@@user-ws1vx8ru2k การชักชวนคนอื่นให้เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต เป็นการสร้างเหตุปัจจัยถูก คือ จะเป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เมื่อได้ฟัง ตถาคตภาษิต ก็จะเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาแล้วนั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี นั่นเองคะ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
กราบสาธุ ขอรับ
ผ❤
สาธุครับฯ🙏🙏🙏🪷🪷🕯️🧘🕯️🦉🌏
เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือเป็นหัวใจของศาสนาพุทธ