“ทำไมจิตวิญญาณจึงสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์?”
Vložit
- čas přidán 10. 08. 2019
- รายการ “ชัวร์หรือมั่วนิ่มกับอาจารย์นิกร” ซีซั่น 5
โลกฝ่ายวัตถุ ฝ่ายร่างกาย และจิตวิญญาณ
เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์อย่างมาก
แล้วสิ่งไหนที่จะทำให้มนุษย์มีความหวัง
มีพลังในการดำเนินชีวิตและเอาชนะอุปสรรคปัญหา
หาคำตอบได้...
ในรายการ “ชัวร์หรือมั่วนิ่มกับอาจารย์นิกร” ซีซั่น 5
CBNsiam youtube channel หรือ
CBNTHAILAND
ขอรับคำปรึกษาได้ที่ 081-960-2181
หากท่านกำลังเหนื่อยใจ เป็นทุกข์ หรือกังวลด้วยเรื่องใด
ฝากคำอธิษฐาน&พูดคุย ได้ที่นี่
คลิ๊กเลย line.me/R/ti/p/%40prayerfriend
LINE: @prayerfriend (อย่าลืมใส่ @ นะ)
สนใจ ร่วมสนับสนุนรายการ
ชื่อบัญชี มูลนิธิพันธกิจพระพร (ไทย) ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB
เชียงใหม่ เลขที่บัญชี 731-300449-4
กรุงเทพ เลขที่บัญชี 040-304321-7
ถ้าคนที้ไม่ได้สนใจเรื่องจิตวิญญาณเลย ยากมากๆค่ะทีจะมาเจอคลิปอาจารย์ ขอบคุณที่ได้เจอค่ะ
ชีวิตมันง่ายดายต่างหาก ยาก ง่าย
นั้นอยู่ที่ความคิด
เป็นคนที่ชอบศึกษาด้านจิตวิญญาณ การตื่นรู้ การค้นหาตัวตนที่แท้จริง..มันเป็นเหมือนสิ่งที่เราตามหาคะ
เอเมครับถูกต้องแล้ว
คิดเหมือนกันเป๊ะเลย
โลกนี้หาเเค่น้ำข้าวกิน
จิตวิญญาณคือของเเท้
คืสิ่งที่มีความหมายที่สุด
สามารถสร้างเเละทำลายได้
ถ้ามีจิตวิญญาณ
ทำดีสร้างดีก็ได้รางวัล
ทำชั่วทำลายก็โดนลงโทษ
อยากให้ศึกษาไบเบิลค่ะ ล้ำลึกที่สุดฝ่ายวิญญาณค่ะ พระเจ้าอวยพรนะคะ
จิตวิญญาณ คือ รากฐานของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
ขอบคุณอ.นิกรมากค่ะได้รับพระพรมากจากการดูคลิปวิดีโอของอ.เพราะช่วยให้เข้าใจมากเลยค่ะขอพระเจ้าอวยพระพรอ.และครอบครัวนะค่ะ
ขอบคุณพระเจ้า และสรรเสริญพระเจ้า และขอบคุณอาจารย์นิกรค่ะ
ขอบคุณนะคะ
เข้าใจง่าย ครับ อาเมน
ขอบคุณค่ะอาเมน
สาธุจ้า ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ🙏❤️
ขอบคุณพระเจ้าอาเมนค่ะ🙏🙏🙏👑👑👑👑👑👑👑💜💜💜
ขอบคุณอาจารย์มากครับ ผมติดตามตลอดเลย
ขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ❤
ขอบคุณครับ
สุดยอดครับอาจารย์ ผมนับถือพุทธ แต่ผมก็ชอบมาฟังอาจารย์ด้วยครับ 😄
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ค่ะอาจารย์
อาเมนครับอาจารย์
ชัดเจน❤❤❤❤
ขอบคุณอาจารย์นิกรมากค่ะ-คัทลียา
❤😂(.ดูต่างใจ.).ทำไม่พ่อและแม่.จึงมีความสำคัญต่อลูกๆหลานๆ.สืบสันติญาติมีพี่น้องป้องปายต่อไปเลื่อยๆไม่รู้จบ..นี้คือคำถามแลก็จะมีคำตอบในอนาคตถ้าหลักการทางวิทยาศาตร์เข้าถึงแก่นแท้ของต้นกำเนิดของผู้ให้พลังงานอันเป็นที่มาของพระธรรมชาติ..ดังพระธรรมตรัสไว้ว่า"..วิทยาศาสตร์เจริญไปถึงไหน.พุทธศาสตร์เจริญไปถึงนั้น.."รหัสคำตรัสนี้บ่งบอกถึงหมายเหตุของคติภูมิคือโลกคู่ขนานนั้นเอง..ดังลูกไก่กับแม่ไก่..นี่แล...สาธุๆๆๆ😢😮😅
อาเมน
ขอบคุณอาจารย์
ขอบคุณพระเจ้า
อาเมนค่ะ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพรนะคะ
ถูกต้องที่สุดแล้ว
🍇อาเมนครับ🐑
ขอบคุณที่ได้เจอคลิปนี้ค่ะ จิตวิญญาณของฉันนำพาให้มาเจอ
ขอบคุณพระเจ้า ที่ส่ง อ.นิกร มาแบ่งปัน เรื่องของพระเจ้า ทำให้มีความรู้เพิ่มพูน ขึ้นอย่างมาก ติดตามตลอดขอพระเจ้าเสริมกำลังและอวยพรอาจารย์ให้มีพลังรับใช้พระเจ้าตลอดไปค่ะ 🙏🙏🙏
เอเมน
ท่านนี้ได้รับการเจิมจากพระเจ้าเอเมนครับ
อาเมนขอบคุณค่ะพระเจ้าอวยพร
ผมคนพุทธแต่ชอบดูมากเพลิน
พระพุทธเจ้า ก็สอนเรื่องจิตคับ
จิตหรือวิญญาณที่เป็นธาตุรู้หรือผู้รู้แจ้งในอารมณ์มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ที่ชาวพุทธต้องปฏิบัติเข้าไปเห็น พอคนไม่เข้าใจก็เลยถูกมองกลายเป็นสิ่งลี้ลับไปเลย
ของพุทธต้องปฏิบัติถึงรู้เเจ้งครับตนเป็นพึ่งเเห่งตนวิธีปฏิบัติยากที่จะเข้าถึง เเต่ของคริสเตียนพึ่งพระเจ้า พระเจ้าสำเเดงผ่านพระวิญญานบริสุทธิ์
เเละไม่เข้าไปข้องเกี่ยวในวัฐจักรเเบบพุทธเเล้ว
ผมมาจากพุทธสายกรรมฐานเหมือนกัน ปัจจุบันเจออะไรที่ง่ายเเละเข้าใจมากกว่า เลยมาสายคริสเตียนเเล้วครับ
Fcครับอาจารย์
เอเมนครับ
หนูอายุ19ปีค่ะ ศึกษาเรื่องนี้เยอะมาก บางอย่างก็ไม่เข้าใจค่ะ แต่จะไม่หยุดศึกษาเรื่องนี้แน่นอนค่ะ
อายุเท่ากันเลย สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน
Amen
ขอบคุณพระเจ้าสรรเสริญพระเจ้าเพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์🙏🙏🙏👍👍👍🐑🐑🐑⛪⛪⛪🌐🌐🌐🌈🌈🌈👑👑👑
Amen.
ท่านพูดทูก
โอเคตามนั้น
AMEN
ใช่ค่ะมนุษย์ทุกคนมีเกิดมาตั้งอยู่ระดับไปแต่ก่อนที่จะดับไปสิ่งที่เหลือไว้คือจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์เพราะฉะนั้นการกลับมาดูแลและปฏิบัติการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณสำคัญที่สุดเพื่อที่โลกข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมาเผชิญกับโลกใบนี้อีกต่อไปเหลือแต่จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่ไม่มีตัวตน ก็หมายถึงการเข้าสู่นิพพาน
สนใจเรื่องจิตวิญญาณ กดติดตามแล้วครับ
จริงแท้เลยครับอาจารย์ นมันสเต
อาจารย์ครับคนเรานั้นมีวิญญานจริงหรือ/วิญญานคืออะไรครับมีตัวตนไหม?
สวัดดีครับ กำหลังศึกษา
ศาสนาคริสต์อยู่คับ
ความจอมปลอมพรรนี้ มันแค่หากินกับความทุกข์คน ตามตำรา555
เรานับถือคำสอนพุทธเจ้าเชื่อว่าการตรัสรู้ถึงความเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ที่แสดงความจริงให้รู้ ว่าทุกสิ่งที่หลงยึดไว้ในตัวในตนเป็นสิ่งมี่มีจริงที่ไม่ไช่เรา ทุกสิ่งเป็นธรรม
มีสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับไปเป็นธรรมดา
หากไปหลงยึดมั่นสิ่งที่เป็นอายุขัยเวลาว่ามีได้แค่นี้เป็นธรรมดาไปสะแล้วเพราะเป็นคำที่หลงเชื่อที่อยู่ข้างในตัวในตน จึงต้องเป็นจริงขึ้นกับร่างกายตน เพราะสิ่งที่รู้คือจิต ความเป็นธรรม จิตรู้สิ่งใดคือเหตุ ส่งเป็นผลให้ได้รับทางกาย เพราะไม่รู้ว่าเป็นกฏของธรรมที่เรียกว่าสัจจะธรรม จึงไปปล่อยวางอายุลงไปโดยไม่รู้ที่สุดทุกข์คือการไม่ตายอีก ไม่ไปเกิดอีก
ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติใดๆในโลก เพราะสมบัติใดๆในโลกไม่สามารถซื้อเวลาชีวิตได้แม้แต่วินาทีเดียว หากการตรัสรู้เป็นความเชื่อแบบปกติธรรมดาย่อมไม่ไช่สิ่งที่ต้องอาศัยการอุบัติอันยากยิ่งเพราะไม่มีใครคิดถึงสิ่งนี้ได้หากเป็นคนธรรมดา
อาเมน
รบกวนอธิบายทีครับว่า "จิตวิญญาณ" คืออะไร? แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า "ชีวิตนิรันดร์" มีอยู่จริง? ถ้าจะตอบว่าก็ศาสดาเอกของโลกกล่าวไว้ไง ผมก็จะขอถามกลับว่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าท่านเหล่านั้นพูดอย่างนั้นจริงไม่ใช่การแอบอ้างของบรรดาลูกศิษย์ยุคหลังเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง?
แนะนำให้ศึกษาไบเบิลค่ะ จะเข้าใจว่าลูกศิษย์คุ้มค่าไหมที่จะแอบอ้าง เพราะการประกาศเรื่องของพระเยซู คือการแลกกับชีวิตพวกเค้าค่ะ
I love God อาเมน
ก็น่าคิดน่ะครับ มนุษย์ส่วนใหญ่จะหลงตัวเองจนลืมว่าจากนี้จะไปใหนยังไงหาทางออกไม่เจอหมุนเวียนตายเกิดในภพภูมิต่างๆ
3:06 เขาก็บอกพอจะถูกนะ แต่เราได้มาจากจุดเริ่ม จู่ๆเราจะปรากฏขึ้นมามันเป็นเรื่องที่คิดขึ้นมาเอง แล้วพอหาเหตุไม่ได้ก็ว่าเสกเราขึ้นมา ธรรมชาติ(สรรพสิ่ง)อธิบายตัวเองได้ว่ามีอยู่อย่างไม่มีจุดเริ่มต้นแล้วดำเนินไปไม่มีจุดจบ เขาไม่รู้วิธีที่จะให้พ้นจริง ที่เขาบอกว่าจะไปอยู่ยังนิจนิรันดร์จึงไม่จริง สิ่งที่อธิบายว่าธรรมชาติตั้งอยู่ ธำรงค์อยู่คือความเป็นของคู่ ก็เหมือนอย่างกฏสมการที่มนุษย์ค้นพบ อธิบายได้ในแบบวิทยาศาสตร์ มีอยู่อย่างนี้ไม่มีจุดเริ่มต้น(ถ้าอ้างทฤษฎีบิ๊กแบง มันก็จะมีบิ๊กครั้นซ์ ซึ่งมันวนอยู่ไม่รู้จบ เป็นของคู่เช่นกัน) แต่ถามว่าทำไมมันอธิบายได้แบบนั้นก็มันมีอยู่ในแบบที่เรียก "ปรากฏ"กับ"ไม่ปรากฏ"แล้วจะรู้ได้ยังไง ก็เหมือนความรู้ต่างไปที่มนุษย์ไปค้นเจอ มันมีอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ถูกค้นพบค้นเจอ ก็ทฤษฎีบิ๊กแบง(สมมุติถ้าหากทฤษฎีนี่จริง)นี่ก็อยู่ในแบบที่ว่าปรากฏ แล้วก็กลับไปสู่ความที่ไม่ปรากฏ เป็นของคู่ ความเป็นของคู่จึงยอมจะไม่มีขาดสูญไปหรือไม่มีตั้งแต่แรก จึงมีมาอย่างไม่มีจุดเริ่ม สิ่งที่เขาอธิบายจึงไม่ใช่ความเป็นของคู่ ไม่มีใดที่ปรากฏอยู่โดดๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นยอมไม่มีอยู่จริง คือไม่มีตั้งแต่แรก ธรรมชาติปรากฏอยู่อย่างนั้น แล้วกลับไปสู่รูปที่ไม่ปรากฏ แต่ความไม่ปรากฏก็ไม่ได้ไม่มีอยู่ เหมือนที่ได้อธิบายเกี่ยวกับความรู้ที่มนุษย์ไปค้นพบที่มันมีอยู่แล้ว แต่มนุษย์ไปค้นพบ ถึงจะไม่ปรากฏแต่ก็มีอยู่
มนุษย์ตกอยู่ในสภาพวนเวียนอยู่อย่างนั้นอยู่ในความเป็นของคู่ในวัฏจักรของสรรพสิ่งเช่นกัน
สาธุค่ะ อาจารย์ 🙏🏼🤍🌹
ขอพระเจ้าอวยพรนะคะ
น้องครับน้องได้รู้ความจริงแล้ว
ສະບາຍດີ ອາຈານ
จริงเรียนเพื่ออะไร เพราะถูกควบคุมจาก มืด
#การเข้าผลสมาบัติเป็นการเข้าอยู่ในอารมณ์พระนิพพาน#ที่ได้มาจากอริยผลญาณ #อันบังเกิดแล้วแก่ตน #เพื่อเสวยโลกุตตรสุข ซึ่งเป็นความสงบสุขที่พึงเห็น ประจักษ์ได้ในปัจจุบัน พระนิพพาน ที่เป็นอารมณ์ของผลสมาบัตินั้นมีชื่อ ๓ ชื่อหรือมี ๓ อาการคือ ๑. อนิมิตตนิพพาน หมายถึงว่า ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่มัคคผลนั้น เพราะเห็นความ ไม่เที่ยง อันปราศจากนิมิตเครื่องหมาย คือ อนิจจัง โดยบุญญาธิการแต่ปางก่อน แรงด้วยสีล เมื่อเข้าผลสมาบัติก็คงมีอนิมิตตนิพพาน เป็นอารมณ์
๒. อัปปณิหิตนิพพาน หมายถึงว่า ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่มัคคผลนั้น เพราะเห็นความ ทนอยู่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปรไป อันหาเป็น ปณิธิ ที่ตั้งไม่ได้ คือทุกขัง โดยบุญญาธิ การแต่ปางก่อนแรงด้วยสมาธิ เมื่อเข้าผลสมาบัติ ก็คงมี อัปปณิหิตนิพพาน เป็น อารมณ์
๓. สุญญตนิพพาน หมายถึงว่า ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่มัคคผลนั้น เพราะเห็นความ ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ อันเป็นความว่างเปล่า คืออนัตตา โดยบุญญาธิการ แต่ปางก่อนแรงด้วยปัญญา เมื่อเข้าผลสมาบัติ ก็คงมี สุญญตนิพพาน เป็นอารมณ์
บุคคลที่เข้าผลสมาบัติได้ต้องเป็นพระอริยบุคคล คือเป็น พระโสดาบัน พระ สกทาคามี พระอนาคามี หรือ พระอรหันต์ ส่วนปุถุชนจะเข้าผลสมาบัติไม่ได้เลย เป็นอันขาด
พระอริยเจ้าที่จะเข้าผลสมาบัติ ก็เข้าได้เฉพาะอริยผลที่ตนได้ ที่ตนถึงครั้ง สุดท้ายเท่านั้น แม้อริยผลที่ตนได้และผ่านพ้นมาแล้วก็ไม่สามารถจะเข้าได้ กล่าวคือ
พระโสดาบัน ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่ โสดาปัตติผล
พระสกทาคามี ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่ สกทาคามีผล เท่านั้น จะเข้าโสดา ปัตติผล ซึ่งถึงแม้ว่าตนจะเคยได้เคยผ่านเคยพ้นมาแล้ว ก็หาได้ไม่
พระอนาคามี ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่เฉพาะ อนาคามีผล
พระอรหันต์ ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่ อรหัตตผลโดยเฉพาะเช่นกัน
พระอริยบุคคล ผู้จะเข้าผลสมาบัติ กิจเบื้องต้นก็จะต้องตั้งความปรารถนาว่า จะเข้าผลสมาบัติเป็นเวลา .... (ตามความประสงค์ที่จะเข้าอยู่สักกี่ชั่วโมง หรือกี่วัน) ขอให้ผลจิตที่เคยปรากฏมาแล้วนั้น จงบังเกิดขึ้นตามความปรารถนานี้เถิด
ขณะที่ตั้งความปรารถนา(อธิษฐาน) นี้ กามจิตอันเป็นมหากุสลญาณสัมปยุตต สำหรับพระอริยเบื้องต่ำ ๓ หรือ กามจิตอันเป็นมหากิริยาญาณสัมปยุตต สำหรับ พระอรหันต์ก็เกิด มีวิถีจิตซึ่งเรียกว่า อธิฏฐานวิถี ดังนี้
น ท มโน ช ช ช ช ช ช ช
ต่อจากอธิฏฐานวิถี ก็เจริญวิปัสสนาภาวนา มีไตรลักษณ์แห่งรูปนามเป็น อารมณ์ เริ่มแต่อุทยัพพยญาณเป็นต้นไป ผลจิตก็จะเกิด วิถีจิตนี้ชื่อว่า ผลสมา บัติวิถี มีวิถีดังนี้
น ท มโน อนุโลม อนุโลม อนุโลม อนุโลม ผล ผล ผล ฯลฯ ฯลฯ อนุโลม ๔ ขณะ สำหรับมันทบุคคล หรืออนุโลม ๓ ขณะ สำหรับติกขบุคคล ต่อจากอนุโลม ผลจิตก็เกิดเรื่อยไปเป็นจำนวนมากมาย ไม่สามารถที่จะประมาณได้ จนครบกำหนดเวลาที่ตนปรารถนาไว้ ผลจิตจึงจะหยุดเกิด แล้วก็เป็นภวังคจิตต่อไป ตามปกติ
อนึ่ง จิตในผลสมาบัติวิถีนี้ ไม่เรียกว่า บริกรรม อุปจาระ อนุโลม โคตรภู เหมือนอย่างในมัคควิถี แต่เรียก อนุโลมอย่างเดียวทั้ง ๔ ขณะ เพราะผลสมาบัติวิถี นี้ ไม่ได้ทำการประหารกิเลส เหมือนอย่างในมัคควิถี เป็นแต่จิต ๔ ดวงนี้เกิดขึ้น เพื่ออนุโลมให้จิตถึงพระนิพพาน หรือให้แนบแน่นในอารมณ์พระนิพพาน
#การเข้าผลสมาบัติ #เป็นการเข้าอยู่ในอารมณ์พระนิพพาน #ที่ได้มาจากอริยผลญาณ
#การเข้าผลสมาบัติ#เป็นการเข้าอยู่ในอารมณ์พระนิพพาน#ที่ได้มาจากอริยผลญาณ #อันบังเกิดแล้วแก่ตน #เพื่อเสวยโลกุตตรสุข #ซึ่งเป็นความสงบสุขที่พึงเห็น #ประจักษ์ได้ในปัจจุบัน #พระนิพพาน ที่เป็นอารมณ์ของผลสมาบัตินั้นมีชื่อ ๓ ชื่อหรือมี ๓ อาการคือ ๑. #อนิมิตตนิพพาน หมายถึงว่า ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่มัคคผลนั้น เพราะเห็นความ ไม่เที่ยง อันปราศจากนิมิตเครื่องหมาย คือ อนิจจัง โดยบุญญาธิการแต่ปางก่อน แรงด้วยสีล เมื่อเข้าผลสมาบัติก็คงมีอนิมิตตนิพพาน เป็นอารมณ์
๒. #อัปปณิหิตนิพพาน หมายถึงว่า ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่มัคคผลนั้น เพราะเห็นความ ทนอยู่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปรไป อันหาเป็น ปณิธิ ที่ตั้งไม่ได้ คือทุกขัง โดยบุญญาธิ การแต่ปางก่อนแรงด้วยสมาธิ เมื่อเข้าผลสมาบัติ ก็คงมี อัปปณิหิตนิพพาน เป็น อารมณ์
๓. #ญตนิพพาน หมายถึงว่า ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่มัคคผลนั้น เพราะเห็นความ ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ อันเป็นความว่างเปล่า คืออนัตตา โดยบุญญาธิการ แต่ปางก่อนแรงด้วยปัญญา เมื่อเข้าผลสมาบัติ ก็คงมี สุญญตนิพพาน เป็นอารมณ์
#บุคคลที่เข้าผลสมาบัติได้ต้องเป็นพระอริยบุคคล คือเป็น พระโสดาบัน พระ สกทาคามี พระอนาคามี หรือ พระอรหันต์ ส่วนปุถุชนจะเข้าผลสมาบัติไม่ได้เลย เป็นอันขาด
#พระอริยเจ้าที่จะเข้าผลสมาบัติ ก็เข้าได้เฉพาะอริยผลที่ตนได้ ที่ตนถึงครั้ง สุดท้ายเท่านั้น แม้อริยผลที่ตนได้และผ่านพ้นมาแล้วก็ไม่สามารถจะเข้าได้ กล่าวคือ
#พระโสดาบัน ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่ โสดาปัตติผล
#พระสกทาคามี ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่ สกทาคามีผล เท่านั้น จะเข้าโสดา ปัตติผล ซึ่งถึงแม้ว่าตนจะเคยได้เคยผ่านเคยพ้นมาแล้ว ก็หาได้ไม่
#พระอนาคามี ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่เฉพาะ อนาคามีผล
#พระอรหันต์ ก็เข้าผลสมาบัติได้แต่ อรหัตตผลโดยเฉพาะเช่นกัน
#พระอริยบุคคล ผู้จะเข้าผลสมาบัติ กิจเบื้องต้นก็จะต้องตั้งความปรารถนาว่า จะเข้าผลสมาบัติเป็นเวลา .... (ตามความประสงค์ที่จะเข้าอยู่สักกี่ชั่วโมง หรือกี่วัน) ขอให้ผลจิตที่เคยปรากฏมาแล้วนั้น จงบังเกิดขึ้นตามความปรารถนานี้เถิด
#ขณะที่ตั้งความปรารถนา(อธิษฐาน) นี้ กามจิตอันเป็นมหากุสลญาณสัมปยุตต สำหรับพระอริยเบื้องต่ำ ๓ หรือ กามจิตอันเป็นมหากิริยาญาณสัมปยุตต สำหรับ พระอรหันต์ก็เกิด มีวิถีจิตซึ่งเรียกว่า #อธิฏฐานวิถี ดังนี้
น ท มโน ช ช ช ช ช ช ช
#ต่อจากอธิฏฐานวิถี #ก็เจริญวิปัสสนาภาวนา #ไตรลักษณ์แห่งรูปนามเป็น อารมณ์
#เริ่มแต่อุทยัพพยญาณเป็นต้นไป #ผลจิตก็จะเกิด วิถีจิตนี้ชื่อว่า ผลสมา บัติวิถี มีวิถีดังนี้
น ท มโน อนุโลม อนุโลม อนุโลม อนุโลม ผล ผล ผล ฯลฯ ฯลฯ อนุโลม ๔ ขณะ #สำหรับมันทบุคคล หรืออนุโลม ๓ ขณะ #สำหรับติกขบุคคล ต่อจากอนุโลม #ผลจิตก็เกิดเรื่อยไปเป็นจำนวนมากมาย ไม่สามารถที่จะประมาณได้ #จนครบกำหนดเวลาที่ตนปรารถนาไว้ #ผลจิตจึงจะหยุดเกิด แล้วก็เป็นภวังคจิตต่อไป ตาม
อนึ่ง #จิตในผลสมาบัติวิถีนี้ ไม่เรียกว่า บริกรรม อุปจาระ อนุโลม โคตรภู เหมือนอย่างในมัคควิถี แต่เรียก #อย่างเดียวทั้ง ๔ ขณะ เพราะผลสมาบัติวิถี นี้ #ไม่ได้ทำการประหารกิเลส เหมือนอย่างในมัคควิถี เป็นแต่จิต ๔ ดวงนี้เกิดขึ้น #เพื่ออนุโลมให้จิตถึงพระนิพพาน หรือให้แนบแน่นในอารมณ์พระนิพพาน
จริงครับ..มนุษย์คิดเเค่กินขี้ปี้นอนอยู่ไปวันๆเเต่แก่เฒ่าหมดเเรงเเล้วตาย จะไปไหนกันต่ออ่ะ?
#พระเยซูคริสต์เจ้า✝️🎉❤
สนใจสิ่งที่ อยู่เบื้องบน
ทำไมพระเจ้าไม่มาสอนมวลมนุษย์ด้วยตนเอง ต้องสอนผ่านตัวแทนด้วย แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าถูกต้อง
จิตวิญญาณอนันตกาล วิญญาณนิรันดร์
เอามาจากไหนครับ
อาจารย์นิกร เคยสัมผัสถึงพระเจ้าใหมครับ เคยสัมผัสถึงพระวิญญานบริสุทธิ์ใหมครับ เคยใกล้ชิดกับพระเจ้าแค่ไหนครับ เคยได้ยินเสียงพระเจ้าบ้างใหม ชีวิตของอาจารย์มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นใหม อาจารย์เคยฟังเสียงของพระเจ้าบ้างใหมครับ และอาจารย์รู้จักไฟของพระเจ้าใหม ไฟของพระเจ้าที่ชำระความบาปในตัวเรา เปลี่ยนแปลงเราเป็นคนใหม่ที่ดี ตอบผมหน่อยครับ อาจารย์นิกร
กาย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
11😊
อาเมน พระเจ้าเสริมกำลังในการรับใช้นะครับ
ผมอยากเข้าคริสคับต้องทำยังไงบ้างคับ
ริกุมิ ชิชิ เริ่มจากการไปโบสถ์ใกล้บ้านคะ
สวรรค์อยู่บน
จุดประสงค์คืออะไร
บอกความจริงให้มนุษย์รู้
อย่ากลัวเลย
1.สันติสุขของโลก
2.............
วิญญาณก็เปรียบเสมือนแบตเตอรี่
รถยนต์
ไม่ใช่ครับ วิญณานไม่มีวันดับเหมือนแบตเตอรี่ วิญณานไม่ใช่ตัวตน
วิญญาณเกิดและดับตลอดเวลา เพราะเหตุปัจจัยคับ วิญญาณเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา
ผมว่าพระเจ้าไม่ได้สำคัญสุด..แต่การให้อภัยเมื่อมีผู้ทำผิดสำคัญสุด
พระเจ้าบอกเราแบบนั้น
พระเยซูตรัสว่า.ถ้าท่านไม่ให้อภัยบาปมนุษย์พระเจ้าก็ไม่ให้อภัยบาปของท่านอภัยเพื่อได้รับการอภัย
ส่วนตัวผมเชื่อว่า จิตวิญญาณก็คือร่างกายที่ยังไม่ตาย แต่จิตวิญญาณที่แยกออกจากร่างกายตอนที่เราตายแล้ว มันไม่น่าจะมีอยู่จริง
จิตวิญญาณคืออะไรครับมันแยกกันไม่ออกระห่วางตันหาครับจิตวิญญาณมีนิยายหลายอย่างครับ
จิต มโน วิญญาณ คือตัวเดียวกันครับ แต่แค่ทำงานกันคนละส่วน
และเป็นเพียงธาตุตามธรรมชาติ ที่มีสิ่งๆหนึ่งเข้ามาหลงยึดว่าเป็นของมัน
สิ่งนั้น พระพุทธเจ้าตรัสเรียกงว่า "สัตว์"
@@Kattikamat ยังไงครับ
@@user-zt5ud5yc7s ไม่เข้าใจส่วนไหนครับ
@@Kattikamat จิตใจ จิตวิญญาณต่างกันตรงไหนครับตัวอย่างอารมณ์ภายในกับสิ่งภาพนอก
@@user-zt5ud5yc7s อย่างที่ผมอธิบายจากประสบการณ์นะครับ
จิต มโน วิญญาณ คือตัวเดียวกันอย่างที่บอก
แต่ทำงานต่างกัน อุปมาเหมือนแสงจากดวงอาทิตย์ครับ
ถ้าแสงนั้นไม่กระทบกับวัตถุใดๆเลย เราจะรู้ไหมครับว่ามีแสง
การที่มันปรากฎหรือเห็นเป็นรอยแดด เราจึงรู้ว่ามันมีแสงครับ
รอยแดด นั่นคือ (๑)วิญญาณ
การที่แสงเดินทางมากระทบวัตถุใดวัตถุหนึ่ง
การเคลื่อนที่ของแสง นั่นคือ (๒)มโน
ดวงอาทิตย์มีพลังงาน นั่นคือ (๓)จิต
อย่างที่คุณพี่ใช้ จิตใจ จิตวิญญาณ มันก็ตัวเดียวกันทั้งนั้น
แต่มันอยู่ที่ว่าเราใช้สิ่งนี้กับอะไร และเข้าใจอย่างไร
คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า จิตวิญญาณ คือตัวเราของเรา
จากประสบการณ์ผมก็จะบอกว่า ไม่ใช่ครับ
มันก็จะโดนคำถามว่า แล้วใครเป็นผู้สังเกตตัวที่กำลังรับรู้ล่ะ?
ไม่มีถูกหรือผิดนะครับ มันแค่ประสบการณ์ส่วนตัวครับ ^^
หนูขอถามอะไรหน่อยนะคะคือมีคนบอกว่าพระเยซูไม่กินหมูแล้วพวกเรากินหมูได้ไหมคะ?
ใครบอกคะ
คิดกันขึ้นมาเอง ถ้าไม่กินสัตว์ทั้งโลกซิน่าเชื่อ
3:06 เขาก็บอกพอจะถูกนะ แต่เราได้มาจากจุดเริ่ม จู่ๆเราจะปรากฏขึ้นมามันเป็นเรื่องที่คิดขึ้นมาเอง แล้วพอหาเหตุไม่ได้ก็ว่าเสกเราขึ้นมา ธรรมชาติ(สรรพสิ่ง)อธิบายตัวเองได้ว่ามีอยู่อย่างไม่มีจุดเริ่มต้นแล้วดำเนินไปไม่มีจุดจบ เขาไม่รู้วิธีที่จะให้พ้นจริง ที่เขาบอกว่าจะไปอยู่ยังนิจนิรันดร์จึงไม่จริง สิ่งที่อธิบายว่าธรรมชาติตั้งอยู่ ธำรงค์อยู่คือความเป็นของคู่ ก็เหมือนอย่างกฏสมการที่มนุษย์ค้นพบ อธิบายได้ในแบบวิทยาศาสตร์ มีอยู่อย่างนี้ไม่มีจุดเริ่มต้น(ถ้าอ้างทฤษฎีบิ๊กแบง มันก็จะมีบิ๊กครั้นซ์ ซึ่งมันวนอยู่ไม่รู้จบ เป็นของคู่เช่นกัน) แต่ถามว่าทำไมมันอธิบายได้แบบนั้นก็มันมีอยู่ในแบบที่เรียก "ปรากฏ"กับ"ไม่ปรากฏ"แล้วจะรู้ได้ยังไง ก็เหมือนความรู้ต่างไปที่มนุษย์ไปค้นเจอ มันมีอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ถูกค้นพบค้นเจอ ก็ทฤษฎีบิ๊กแบง(สมมุติถ้าหากทฤษฎีนี่จริง)นี่ก็อยู่ในแบบที่ว่าปรากฏ แล้วก็กลับไปสู่ความที่ไม่ปรากฏ เป็นของคู่ ความเป็นของคู่จึงยอมจะไม่มีขาดสูญไปหรือไม่มีตั้งแต่แรก จึงมีมาอย่างไม่มีจุดเริ่ม สิ่งที่เขาอธิบายจึงไม่ใช่ความเป็นของคู่ ไม่มีใดที่ปรากฏอยู่โดดๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นยอมไม่มีอยู่จริง คือไม่มีตั้งแต่แรก ธรรมชาติปรากฏอยู่อย่างนั้น แล้วกลับไปสู่รูปที่ไม่ปรากฏ แต่ความไม่ปรากฏก็ไม่ได้ไม่มีอยู่ เหมือนที่ได้อธิบายเกี่ยวกับความรู้ที่มนุษย์ไปค้นพบที่มันมีอยู่แล้ว แต่มนุษย์ไปค้นพบ ถึงจะไม่ปรากฏแต่ก็มีอยู่
มนุษย์ตกอยู่ในสภาพวนเวียนอยู่อย่างนั้นอยู่ในความเป็นของคู่ในวัฏจักรของสรรพสิ่งเช่นกัน
@@ChinsongKim หนูไปอ่านในเน็ตอ่ะค่ะ
@@kaimookkm37 สรรพสิ่งทั้งปวง พระเจ้าสร้างไว้ ให้มนุษย์ครอบครอง อันไหนทานได้ มนุษย์ก็ทานจ้า
สมัยก่อนการเอาหมูมารับประทาน กรรมวิธีล้างอาจไม่สะอาดเขาเลยบอกว่าไม่ให้ทานค่ะ
การอ่านไบเบิลคืออาหารฝ่ายจิตวิญญาณ
ไม่มีถ้อยคำในไบเบิ้ลแล้วคือจุดสิ้นสุดของโลกมนุษย์ จะคงเหลือแต่
สวรรค์กับนรก.
ชัวหรือมั่วนิ่ม
ขอบคุณครับ
ขอพระเจ้าอวยพรนะคะ
Fcครับอาจารย์
เอเมนครับ
อาเมน
อาเมน
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ขอพระเจ้าอวยพรนะคะ