สามัญชนคนไทย : คนไทยไร้ที่ดิน (7 ก.พ. 58)
Vložit
- čas přidán 13. 09. 2024
- “มาโนช พุฒตาล” เดินทางด้วยรถไฟกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่อยุธยา เขาได้มีโอกาสได้เล่นดนตรีพร้อมกลับมองไปรอบๆ ว่าอยุธยาทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว... พร้อมทั้งพูดคุยกับชาวนาอยุธยาที่อาจต้องขายที่นาเพราะมูลค่าของที่ดินเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ที่นาในอยุธยาเท่านั้น พื้นที่ๆ มีมูลค่าอย่างสลัมย่านบางนา กรุงเทพ เพียงแค่หนึ่งตารางเมตรก็มีมูลค่าเป็นหลักล้าน
ในขณะความต้องการที่จะมีผืนดินเป็นของตัวเองนั้นเพิ่มสูงขึ้น แต่มีเพียงคนไม่กี่คนที่กำที่ดินไทยไว้จำนวนมาก และนี่คือชีวิตของสามัญชนคนไทยที่ไร้ซึ่งที่ดิน...
ติดตามชมรายการสามัญชนคนไทย วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21.10 - 22.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/live
-------------------------------------------------------
ติดตามไทยพีบีเอสออนไลน์ ได้ที่
Website : www.thaipbs.or.th
Facebook : www. Thai...
Twitter : / thaipbs
Instagram : / thaipbs
Google Plus : gplus.to/ThaiPBS
CZcams : / thaipbs
ขอบคุณคุณมาโนช ที่ผลิตรายการดีๆให้คนไทยได้ดูที่หาได้ยากมากในโทรทัศน์เมืองไทย
ขอบคุณ คุณมาโนชค่ะ เป็นรายการท่ีน่าสนใจ เพราะดีมากๆ ได้เรียนรู้เรื่องราวของชีวิตของเพื่อนร่วมชาติ เคยคิดว่าประเทศเรามีท่ีรกร้างตั้งมากมาย รัฐน่าจะแบ่งปันให้ประชาชนทำมาหากินอย่างถูกต้องตามกฎหมายเขาจะได้ทำมาหากิน อย่างพอเพียง ไม่เช่าท่ีนายทุนพร้อมกับมีหนี้ชั่วชีวิต ควรกำหนดให้แต่ละคนอบครัวถือครองมากเกินไป เป็นคนไทยไม่มีท่ีดินเป็นของตนเอง น่าอนาถ
ดูจากประเทศเยอรมันชัดเจนค่ะ
ขอบคุณปู่ย่าตายาย ที่มีบ้านอยู่แบบบ้านนอก มีที่ให้ทำมาหา มีที่อยู่อาศัยแบบสบายๆ ไม่ดิ้นรนแข่งกับคนในเมือง
ดูแล้วหดหู่มากเลยครับ อนาคตประเทศเราT^T
ขอบคุณมากมายค่ะที่ทำรายการดีๆ
ให้ได้ชม
โลกมันเปลี่ยนทุกวันนี้ พอเรียนจบก็ไปเป็นขี้ข้านายทุนกันหมดแหละครับ
ขอบคุณ ที่มีเธอ 😊
แล้วทำไมที่ดินถึงตกไปอยู่มือนายทุนได้ถ้าชาวบ้านไม่เห็นแก่ผลตอบแทนที่เขาจ่ายให้
กล้าออกกฏถือครองที่ดินได้ไม่เกินครอบครัวละ 50 ไร่ ป่าวละ
เป็นรายการที่ดีมากๆ
โดยส่วนตัว " ผมไม่ได้ตำหนิเกษตรกรนะครับ เพราะผมก็ยังมีญาติๆ ทำอาชีพนี้อยู่ " เกษตรกรก็เป็นคนธรรมดา " แบบเราๆ " นี่แหละครับ ! ใครๆก็เป็นเกษตรกรได้ โดยใช้การบอกต่อ " รุ่นสู่รุ่น " ตัวอย่างมันมีมาแล้ว เล่าต่อกันมาจนเป็นเรื่องตลก โดยเกษตรกรที่ทำสวนมะพร้าวในที่ดินติดทะเล ทางภาคใต้ ได้แบ่งที่ดินให้ลูกที่ขยันมีความรู้ความสามารถได้ที่ดินในส่วนของสวนมะพร้าวไป ส่วนลูกที่ไม่ค่อยใส่ใจไม่ค่อยขยัน ก็ให้สวนมะพร้าวบางส่วน + ที่ดินชายทะเลไป " ผลลัพธ์เป็นยังไง ใครรวยใครจนคงไม่ต้องบอก แต่มันก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว "
เจ้าของสวนมะพร้าว รวยสิคะ ที่ดินติดชายทะเล จะเอาไปทำอะไร ว่ายน้ำก็ไม่เป็น .......
ใช่แล้วครับทุกชีวิตย่อมอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันถ้อยทีถ้อยอาศัยแบ่งปันไม่รบกวนต้องปรับตัวให้อยู่ให้ได้อยู่อย่างเกื้อกูลไม่รังเกียจมีความรักทุกไปอย่าง......เป็นธรรมชาติ
สูตรสำเร็จของราคาที่ดินใน ตจว.ไกลๆ มีอยู่ว่า
1. ฟรี ครับเฉพาะพรรคพวกญาติพี่น้องกัน ก็แบ่งปันกันไป เขตที่ดินก็ " ชี้ๆเอา " ตามต้นไม้ใหญ่ๆ
2. ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆเลย ไร่ละ 400 บาท = ตารางวาละ 1 บาท ( 1 ไร่ มี 400 ตารางวา + แถมยังกะเอาเองอีก )
3. ที่ดินที่มีเอกสารบางอย่างแต่ใช้สิทธิ์ ไม่ได้เต็มที่ ไร่ละ 4,000 บาท = ตารางวาละ 10 บาท ( 1 ไร่ มี 400 ตารางวา เริ่มมีรูปร่างที่ดิน + หลักเขตแน่นอน ) เท่าที่ได้อ่านหนังสือผ่านๆตามา ที่ดินที่ซื้อทำสวนยางฯในภาคอิสาน ก็จะราคาประมาณนี้ล่ะครับ !
4. ที่ดินที่มีเอกสารสำคัญที่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น ถือครอง , เปลี่ยนมือ , จำนองได้ ไร่ละ 40,000 บาท = ตารางวาละ 100 บาท ( 1 ไร่ มี 400 ตารางวา ) ส่วนใหญ่ชาวบ้าน ตจว.จริงๆจะมีปัญญาซื้อได้เท่านี้แหละครับ ! ก่อนที่ความเจริญต่างๆ และการ ซื้อ-ขาย ที่ดินจะเป็น ธุรกิจ อย่างเต็มที่ !
5. หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับ กำลังเงิน + ความรู้ความสามารถ + หุ้นส่วน ( มืออาชีพจริงๆที่แยกตัวออกมาจากที่ทำงานเก่า ) + เส้นสาย ( ข้าราชการมีกำลังคนไม่พอ ต้องออกรถปิคอัพ + กล้องสำรวจ พร้อมเครื่องมือต่างๆ + ลูกทีมส่วนตัว รวมๆกันก็ไม่ตํ่ากว่า 500,000 บาท นับเป็นการลงทุนที่สูงมากนะครับ แต่ผลตอบแทนก็คงจะคุ้มค่า ! เพื่อที่จะทำงานให้ได้ทันความต้องการ ของเอกชน )
+Yongyot Chantrapoomได้ความรู้...ครับ !?
อีกอย่างผมไม่เข้าใจว่า " ทำไมคน กทม.ชอบว่าคน ตจว.ซื้อ รถมอเตอร์ไซด์ ด้วยครับ " พวกคุณเคย ถีบจักรยานเก่าๆพังๆ ตากแดดร้อนๆ นานๆไหมครับ " .........
การที่คุณทำงานไป แล้วไปฝึกงานตอนปิดเทอม ! มันก็ไม่เหมือนกัน ...... " โลกของการทำงาน มันไม่เหมือน โลกของการศึกษา " ...... เวลาคุณทำงานจริง " บางอาชีพที่มันมีการแข่งขันสูง คุณต้องทำงานทุกวัน แทบจะตลอด 24 ชม." มีชีวิตเหมือนกับสัตว์ กินเมื่อหิว พักเมื่อเหนื่อย หลับเมื่อง่วงจริงๆเท่านั้น ( ของคนมี กาแฟ และ ฯลฯ ช่วยอีกต่างหาก ! )
การที่เกษตรกรไปบุกรุกที่ดินในช่วงแรกๆ ( รุ่นปู่-ย่า ของผม ) จะไปกันเป็นหมู่คณะ " ต้องเข้าไปลึกๆเพื่อที่จะไม่ต้อง ติดที่คนอื่นที่บุกรุกไว้ " และสามารถขยายที่ได้เรื่อยๆ หน้าฝนก็เพาะปลูก หน้าแล้งก็ถางป่า แปรรูปไม้ เศษไม้ก็เผาถ่านขายได้อีก และจะมีการเว้นป่าที่สมบูรณ์ไว้บางส่วน เพื่อเป็นแหล่งอาหาร ( สุดท้ายก็ไม่เหลือ เพราะครอบครัวมีสมาชิกมากขึ้น ก็จะบุกรุกป่าต่อไป ) การบุกรุกป่าลึกมากๆจะอยู่กันอย่างยากลำบาก แทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก ต้องเดินตัดผ่านทุ่งหรือป่า เป็นเวลานาน ! แต่จะมีเครือข่ายญาติพี่น้องบางส่วน ที่ไปอยู่ที่อื่นไกล เพราะมีรถบรรทุก หรือไม่ก็รถไถ FORD สีฟ้า คันใหญ่ ( เพราะมีแรงมาก สามารถต่อพ่วงหลังขนาดใหญ่มากได้ และสามารถติด อุปกรณ์เสริม ได้มาก ......ในภายหลังเมื่อที่ดินมีราคาดีขึ้น หรือบางคนก็ชอบสะสม " เพราะเห็นมันเป็นสิ่งสวยงาม มีฟาร์มส่วนตัว เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ " ( ผมก็ชอบแต่ไม่มีปัญญา และ " เบื่อ ! " ถ้าที่นั้นมันไม่อุดมสมบูรณ์ เพราะผมไม่ " ใจเย็นพอ " และไม่ชอบทะเลาะกับพ่อค้า เพราะผมเกิดมาก็อยู่ " บ้านเช่า " ในเมืองแล้ว ปิดเทอม ก็มาช่วยเพื่อน ขายของชำ ที่บ้านเพื่อนบ่อยๆ พ่อ-แม่ มันชอบ ! ) เมื่อภายหลัง ก็จะเริ่มมีระบบ " หุ้นส่วน คือ เกษตรกรเฝ้าที่ และใช้ประโยชน์จากที่ดิน อาหาร + สัตว์เลี้ยงเช่น วัว เป็นของนายทุน ( นายทุนมีหลายคนนะครับ ที่เป็นมือปืนเองก็มี ในอดีตแค่มีบ้านหลังใหญ่หน่อย มีรถบรรทุก มีรถไถ หลายคันให้เช่า ก็หรูแล้ว ชาวบ้านก็นับหน้าถือตา เพราะได้พึ่งพาอาศัยกันไป ตามประสาชาวบ้านต่างจังหวัด )
ย้ายเมืองหลวงครับ พอเจริญถึงขีดสุดก็ย้ายไปเรื่อยๆ จนครบ 77 จว.
มาตรฐานกฏหมายของสกลนครช่างแตกต่างกับราชบุรีในขณะนี้เสียเหลือเกิน
มาตราฐานของคนธรรมดากับผู้มีอำนาจใช้กฏหมายคนล่ะฉลับหรืออย่างไร
คอนโด คือการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ เมืองใหญ่
มีอีกอย่างที่ผมไม่ค่อยจะเข้าใจ ว่าทำไมประเทศต้องเป็นประเทศเกษตรกรรมด้วย ! มีอยู่ครั้งหนึ่งที่รััฐบาลมีนโยบาย ส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร แล้วก็ออกงานที่ IMPAC.แล้วก็หายไป ตอนนี้เห็นเหลือแต่ ไร่องุ่น มั๊ง !
# # # # # อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว นะครับ ! เท่าที่ได้ติดตามธุรกิจพวกนี้มาแบบห่างๆ คือ ปัจจุบันถึงยุคที่ต้อง มีการควบรวมกิจการกันแล้ว ( ดูจากข่าว TV. ) เนื่องจากมีผู้ประกอบการด้านนี้มากเกินไป แต่ที่ดินไม่เพิ่มขึ้น ยกเว้นแต่จะมีการเปิดพื้นที่ใหม่ ( ตัดถนน แต่ปัจจุบันก็จะมีข่าวออกมาก่อนอยู่ดี ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ ท่าน รศ.ดร.มานพ พงศทัต เคยพูดไว้ใน รายการ TV.รายการหนึ่งนานมาแล้วครับ ! ..... และ บ้านเมือง จะมีความผูกพันกับ แหล่งนํ้าธรรมชาติน้อยลง คือ มันต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข นั่นเอง !!
Yongyot Chantrapoom อันนี้หมายถึงแหล่งนํ้าขนาดเล็กๆนะครับ เพราะมันใช้ประโยชน์ได้น้อย สู้ พท.สีเขียวไม่ได้ ! ( ส่วนใหญ่มีไว้เพื่อความสวยงาม ) ส่วนแหล่งนํ้าธรรมชาติขนาดใหญ่ เช่น แม่นํ้า และ ทะเล ก็คงจะยังได้รับความนิยมอยู่เช่นเดิม !!
# # # # # แถมให้อีกอัน ! ผมเคยเห็น " หนังสือรวม บ้านมือสอง ( NPL ) ของธนาคาร ที่ให้สินเชื่อบ้าน และที่ดิน รายใหญ่ของประเทศ " มันมีขนาดใหญ่ และหนามาก " และสภาพของบ้านมือสอง หรือที่ดิน ที่อยู่ในหนังสือเล่มนั้น มันก็ดูไม่ดีเลย !!
Yongyot Chantrapoom สำหรับที่ดินก็มีหลายแปลง หลายทำเลมากๆ คงพอจะถูกใจใครบ้าง ! ส่วนบ้านที่อยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก ก็เพราะว่าขาดการดูแล หรือไม่ก็โครงการประสบความล้มเหลวนั่นแหละ !!
อ้อมีที่ดินอีก บางประเภท ที่เป็นทุ่งหญ้าสูงๆ ( พันธุ์อะไรก็ไม่รู้ ) แค่คุณซื้อมันมาแล้ว " ตัดหญ้าออก + ปรับพื้นที่อีกเล็กน้อย " คุณก็จะได้ที่ดินจำนวนมากแล้วนะครับ แต่คนที่จะมีสิทธิ์เห็นที่ประเภทนี้ได้อย่างน้อย ก็ต้องมีรถ 4 WD.และมีนิสัยชอบเที่ยวป่าหน่อย ซึ่งรถพวกนี้ในสมัยก่อนหายากมากๆ รถ Jeep หรือ Land Rover ก็ไม่ค่อยจะไหวแล้วในตอนนั้น ! ( อันนี้ผมไม่ได้ไปเห็นเองนะครับ รุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันบอกมา แถมยังบ่นด้วยว่ารถพวกนี้ แม้ถนนดีๆก็ขับเร็วไม่ได้ เพราะอะไรคนที่เคยใช้คงจะรู้นะครับ ! )
Yongyot Chantrapoom ที่จริงต้องบอกว่ามี " ยานพาหนะอะไรที่มันขึ้นไปสูงๆได้มากกว่านะครับ ! ในเมื่อในยุคนั้น รถ 4 WD.มันไม่แน่ใจ ว่าเป็นช่วงต่อระหว่าง รถยุโรป + อเมริกา กับ รถญี่ปุ่น รึเปล่า " ..........
เมื่อชาวนาไร้แผ่นดินทำกิน เจ็บปวดในใจ เมื่อกำลังของชาติอ่อนแอ เมื่อมองไม่เห็น มองลึกเข้าไป ฉันเศร้า ต้องเข้าใจ
พอมีที่ดินแล้วก็ไปขาย อล้วจะเหลือเลอ
+ruang reddick ผมเก็บไว้ สองแปลง ไม่ขาย เอาไว้ อุ่นๆท้อง !?
ถ้าคุณอยากรู้ว่าการทำธุรกิจ ค้าขาย เขาทำกันยังไง " ลองถาม ผู้หญิง ในบ้านของคุณนั่นแหละ " ไม่ต้องไปโทษใครหรอก ! พวก " คุณเธอ " ทั้งหลายเก็บงำ ความลับ ไว้มากมายนัก !! แต่มันก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน + ประสบการณ์ทำงาน และการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วย ! ...... จริงๆเรื่องพวกนี้ ( ค้าขายที่ดิน ) มันเริ่มทำกำไรมากตั้งแต่ มีโทรศัพท์ " กระเป๋า คลื่น 470 แล้ว " แล้วก็ระบาดมาเรื่อยๆ เมื่อ โทร.มือถือมีราคาถูกลง ......." ผมถามคุณจริง เวลาคุณเห็น ป้าย + เบอร์โทร คุณรู้ไหมว่า คนที่คุณพูดด้วย เขาคือใคร " ....... คนที่ ค้า-ขาย ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย ส่วนใหญ่เป็น ผู้หญิงทั้งนั้น ( เฉพาะเมืองไทยนะ ที่อื่นผมไม่รู้ ที่จริงผมพึ่งรู้สึกถึงเรื่องพวกนี้ ตอนผมเรียนจบและมีงานทำแล้วเท่านั้น อายุ 20 กว่าแล้ว ) ส่วนผู้ชาย " ก็หนักไปทาง บ้างาน หรือไม่ก็ อบายมุข หรือทั้ง 2 อย่างรวมกันเลย " เงินหามาได้ก็ฝากให้ แม่บ้านจัดการ ทั้งหมด " ส่วนหนึ่งเพราะ " รายได้น้อย ! ( แทบจะทั้งประเทศนั่นแหละ ! )
คนไทย ถูกหน่วยงานรัฐรังแก เพราะจนหรือเปล่า ผิดหรือทีเกิดมาจน
จากประสบการณ์ของผม ! การที่ราคาที่ดินมีราคา " ถี บ ตั ว ! " สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ " ความลับรั่วไหล !! " ในช่วงแรกของการรวมที่ดิน จากแปลงเล็กเป็นแปลงใหญ่ " การรวมแปลงที่ดินในอดีต จะทำกันอย่างลับๆ หรือบอกต่อกันเอง ไม่มีสื่อ ไม่มี โทร.มือถือ ราคาประเมินของราชการก็ปรับตัวช้า ไม่เหมือนปัจจุบัน ..... ที่ดินจะถูกรวมแปลงได้ง่าย และเกษตรกร ก็จะถอยหนีไปรุกที่ที่อื่น เพราะยังมีที่ดินที่อื่นเหลืออยู่ ในยุคของผม ประมาณ 30 ปีมาแล้ว ที่ดังๆ ก็ โคราช , นครนายก , กาญจนบุรี ( ที่ดินที่รวมแปลงไม่ได้จะถูกเรียกว่า ที่ดิน " ฟันหลอ " มาจากคำว่า " ข้าวโพดฟันหลอ " การใช้ประโยชน์จะทำไม่ได้ เงินที่ลงทุนไปจะสูญเปล่า จึงเกิดการให้ราคาที่สูงเพื่อ " จูงใจ " ให้เจ้าของที่เดิมขาย ส่วนเรื่องการบังคับขายนี่ผมไม่รู้ แต่เรื่อง " นายหน้าค้าที่ดิน ฆ่ากันตาย ในยุคหนึ่งก็พอได้ยินอยู่บ้าง ! " ในยุคที่การค้าขายที่ดินเฟื่องฟู " แม้แต่ พระ ก็ยังเป็นนายหน้าฯเลย ( เป็นบางรูปครับ ! ) หรืออีกกรณีหนึ่ง ก็คือ การรวมที่ดิน ตาบอด ( ไม่มีทางเข้าออก ) แล้วมาซื้อที่ดินด้าน หน้าติดถนน เพื่อเปิดทางเข้าออก ...... การที่ผมรู้สึกว่าราคามันรวดเร็วรุนแรงเกินไป เพราะผมตามราคามันไม่ทันทั้งที่ทำงานหนักมาก และผมสำรวจแล้วว่าคนที่ทำงานในรุ่นเดียวกัน แม้จะจบ ป.ตรี ก็เงินเดืือนพอๆกับผม ถ้าเป็น ข้าราชการ หรือ ธนาคาร ยิ่งเงินเดือนน้อยกว่าผมอีก แต่ทำงานสบายกว่า และ มั่นคงมากกว่า อีกทั้งยัง " สามารถเป็นหนี้ได้ง่ายกว่าด้วย เพราะมีคนยอมปล่อยเงินกู้ให้ "
Yongyot Chantrapoom ลืมบอกไป ! ผมเคยทำงาน ประเมิณราคาอสังหาริมทรัพย์ ให้ธนาคาร และบงล. ด้วย ! ช่วงนั้นมีคนชวนไปทำงานด้วยเยอะมาก เพราะบริการดีมากๆ " เพราะให้คำปรึกษาฟรีด้วย " จนงานท่วมทำไม่ทัน " เสียผู้เสียคนกันไป " และหลายครั้ง บ.เหล่านี้ ( บางแห่ง ทั้งๆที่มีบุคคลากรพร้อม เพราะคนพวกนั้นมันก็เพื่อนผม เรียนด้วยกันมา ก็ " ส่งงานเน่าๆ " มาให้ทำด้วยแทนที่จะคุยกันก่อน เพราะเสียทั้งเวลา + ไม่คุ้มค่า + มีปัญหามากมาย มองด้วยตาก็รู้แล้วว่า " ของมันใช้ไม่ได้ " จนผมต้อง " โยนงานทิ้งไปหลายตัว เพราะทำใจไม่ได้ " จนต้องเสียผู้เสียคนไปอีกหลายครั้ง เพราะลูกค้าตามงานแล้วไม่ได้ จนต้องไปตามกับเจ้านาย ก็ยังไม่ได้อีก ยิ่งอยู่นานเท่าไรก็ยิ่งเจองานแบบนี้มากขึ้น จนเซ็งสุดๆ "
Yongyot Chantrapoom " เรื่องความลับรั่วไหล " ของการรวมที่ดิน .... อย่างเป็นทางการและรุนแรง .... ก็คือการเกิดขึ้นของ " นิตยสารเกี่ยวกับ ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ แต่เดิมมักโฆษณาอยู่ตาม นสพ.ธรรมดา หรือ นสพ.แนวธุรกิจเท่านั้น ! ประกอบกับมีการอบรมหลักสูตรระยะสั้นจาก หน่วยงานเอกชนต่างๆ อีกมากมาย ( ที่จริงมันคือการอบรม + การพบปะสังสรรค์ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ + โฆษณาประชาสัมพันธ์หน่วยงาน ( บางอย่าง ) + แลกเปลี่ยนนามบัตร + หรือการเข้าสังคมสำหรับผู้ที่สนใจ " แต่ยังหาทางเข้าไม่เจอ " นั่นเอง ! และยังมีการแจกเอกสารให้กลับบ้าน " ไปอ่านให้ ง ง ! เล่น " อีกต่างหาก ( คือ ถ้าอ่านแล้ว รู้เรื่อง + เก่งเลย คงมีมืออาชีพทางด้านนี้ ต้องตกงาน อีกมากมาย !! หลายคน + หลายบริษัท !!! ( คือ มันจำเป็นจริงๆครับ ..... ) นอกจากนั้นก็คงเป็นเรื่องของ การพูดคุยกัน ตามประสาผู้ที่สนใจ โดยทั่วไปนั่นเอง .......
Yongyot Chantrapoom เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของ ช่วงเวลา หรือ " โอกาสในทางธุรกิจ " นั่นเอง ! ซึ่งปัจจุบัน หนังสือพวกนี้ก็มีจำนวนลดลงแล้ว แต่น่าจะไปโผล่ใน Internet แทนน่าจะเป็นแบบเดียวกันกับ หนังสือ ซื้อ-ขาย รถยนต์มือสอง นั่นเอง !!
รัฐไม่กล้า เก็บภาษีคนรวย เอามาเป็นสวัสดิการคนจน คนรวยเห็นแก่ตัวมาก
การที่พวกคุณแข่งกันเรียน คุณคิดว่าคุณจะสู้พวก Computer และ Program ต่างๆ + ประสบการณ์ได้เหรอ ผมกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน จบแค่ ปวส. ยัง Train งานให้พวกจบ ปริญญา ( แม้แต่พวกจบเมืองนอก นั่งจิ้ม Notebook โชว์ลูกน้อง ! สมัยที่ของพวกนี้ยังมีราคาแพงอยู่ ) + กับพวกเจ้าของกิจการได้เลย ! ..... คนที่เขาประสบความสำเหร็จส่วนหนึ่ง เขาเรียนแค่ กศน.+ หลักสูตรระยะสั้นต่างๆ แล้วไปทำงานหาประสบการณ์ + หาตลาดด้วย ...... เขาทำงานกันอายุ 10 กว่าปี ..... พวกคุณตั้งหน้าตั้งตาเรียน กว่าจะจบ ป.ตรี อายุ 20 กว่าปี ......เวลาห่างกันประมาณ 10 ปี อะไรมันเกิดขึ้นบ้างลองคิดดู ! ...... เด็กสมัยนี้ " มันจะไม่เรียนกันแล้ว เขาเน้น " วิชาการนิดหน่อย + ภาษา + Computer + สะสมคนรู้จัก + เส้นสาย + ภาษาอังกฤษ " เพราะเขารู้ว่า จบไปก็ต้องทำงานหาประสบการณ์ เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะลงตัว ! ( ของผมกว่าจะลงตัวก็ 7 แห่ง ทิ้งแม้แต่งาน รัฐวิสาหกิจ ใครๆก็ว่าผมเพี้ยน ! ทิ้งแม้แต่ตำแหน่ง Assistance ....... Manager บ.เอกชน !! แม่งยิ่ง โคตรจะเพี้ยน !!! )
Yongyot Chantrapoom ลืมบอกไป ! ในยุคฟองสบู่ นศ.มหาลัยฯ เอกชนรวยๆบางแห่ง ไม่ต้องบอกก็คงรู้ ! เขาก็เล่นหุ้นกันแล้วนะครับ ! กินเหล้ากันทุกวันตอนคํ่าๆ ( คนอื่นนะครับไม่ใช่ผม ) มีคนเป็น Broker เยอะมาก แต่ไม่มากเท่านายหน้าขายที่ดิน ...... นั่นเป็นยุคเริ่มต้นของ RCA. ( เพื่อนผมที่ทำงานด้วยกัน มันบอกว่า " มันเป็นคนเขียนแบบ RCA.เอง หมายถึงเป็น ช่างเทคนิค นะครับ ไม่รู้จริงรึเปล่า !
พอพอกับคนที่มีบัตรประชารัฐจะคอยรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ปัญหาเดิมๆให้สำเร็จ.....
แล้วทำไมพวกคุณยังชอบว่าเขาซื้อโทร.มือถือพวกนั้นอีก คุณรู้ไหมว่า " ถ้าคนใช้น้อย หน่วยงานรัฐเขาไม่ทำให้นะครับ มันแพงมันไม่คุ้ม " ........
Yongyot Chantrapoom อันนี้ผมหมายถึง " โทรศัพท์บ้าน " นะครับ ! ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือ ยังเข้าถึงชาวบ้านได้ง่ายกว่าอีก " เพราะมันไม่ต้องปีนเสา + พาดสาย + เดินสายเข้าบ้าน "
เพราะที่ดินเป็นของคนจีน
ที่ดินมีไว้ขาย ถ้าไม่ขายก็ไม่มีกินเหมือนเดิม เพราะไม่มีเงินลงทุนทำกิจการ ทำเลที่ตั้งไม่สวยเพราะห่างไกลผู้คนสัญจร
ยังกับนายทุนบังคับขาย เขาเสนอคุณสนองจะบ่นทำไม มนุษย์เงินเดือนที่ต้องเช่าบ้านอยู่ ไม่ยิ่งแย่กว่าเหรอ
แม่ของดิฉันเคยมีที่นายี่สิบห้าไร่ขายให้หลานชายแล้วย้ายไปอรัญะประเทศค้าขายมีเงินมีทองแม่จะซื้อที่ที่ลาดพร้าวตอนนั้นไร่ละเจ็ดพันบาทพ่อห้ามไม่ให้ซื้อถ้าซื้อดิฉันและพี่น้องคงรวยมาก
กฏหมายมาเลเซียเขาลิมิตให้รวยจำกัดรวยได้แต่ไม่ให้เกินที่กฏหมายกำหนด
คนไทยชาวพุทธถูกสอนโดยพุทธศาสนาว่าตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้คนเลยไม่สนใจเท่าไรต่อทรัพย์สินยิ่งบ้างคนหลงไปกับคำสอนมากๆๆมันก็จะไม่เหลืออะไรเลยจนลืมคิดไปว่าเรายังมีชีวิตต้องกินต้องไช้ยิ่งมีครอบครัวต้องมาลำบากไปตามๆๆกัน