5 เทคนิคอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น | The Secret Sauce EP.133
Vložit
- čas přidán 25. 07. 2019
- จากฟีดแบ็กของ EP.127 ที่พูดคุยกับ อาจารย์นภดล ร่มโพธิ์ เกี่ยวกับเทคนิคการอ่านหนังสือให้ได้เยอะขึ้น และลองโยนหัวข้อเกี่ยวกับการอ่านในมุมอื่นๆ ให้ผู้ฟังลองเสนอแนะ พบว่า ‘เทคนิคการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น’ ได้รับความสนใจมากที่สุด
ทำไมคนถึงอยากอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น น่าจะเป็นเพราะหนังสือภาษาไทยหรือความรู้ที่อยู่ในภาษาไทยมันไม่เพียงพอ ถ้ารู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้ความรู้ที่กว้างขึ้นครอบคลุมเกือบทั้งโลก และนี่คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราเก่งขึ้น
เคน นครินทร์ แชร์เทคนิคฝึกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้นจากประสบการณ์ของตัวเอง รวมถึงจากคำแนะนำของ บิ๊กบุญ-ภูมิชาย บุญสินสุข แห่งพอดแคสต์ คำนี้ดี ที่เอาไปปรับใช้ได้แน่นอน
---------------
THE STANDARD PODCAST : EYE-OPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: / thestandardpodcast
Spotify : open.spotify.com/show/6uJmks8...
Twitter : / thestandardpod
Facebook : / thestandardth
#เทคนิคอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ #TheSecretSauce #TheStandardPodcast #TheStandardCo #TheStandardTH - Jak na to + styl
สำหรับปีหน้าคลิป The Secret Sauce จะย้ายไปลงที่ช่อง THE SECRET SAUCE ที่ bit.ly/tsschannel สามารถกดติดตามไว้ก่อน เพื่อไม่ให้พลาดเอพิโสดใหม่นะครับ
1 read what interests you
2 read children books
3 read without a dictionary
4 read a summary or a review first
5 read out loud
Thank you so much.
Okey ❤
Thanks : )
Cool dude!!!
read what you interest
ผมอ่านหนังสือนิทานเด็กของ Se-ed ครับ มีหลายระดับตั้งแต่ 1-5 ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ตอนแรกผมไม่มั่นใจว่าจะอ่านได้ไหม แต่หนังสือของเค้ามีคำศัพท์อยู่ด้านข้าง เวลาเราไม่รู้คำไหนแวะมองไปเลยแปปเดียว แล้วกลับมาโฟกัสที่การอ่านต่อ คือเป็นหนังสือที่ดีมากๆ มีแผ่นซีดีให้ด้วย ช่วยเพิ่มทักษะในการฟังไปอีก ผมเลือกหนังสือเชอร์ล็อคโฮล์มครับ เพราะชอบมาก ลองอ่านไป เฮ้ย เราอ่านได้อ่ะ คำไหนไม่รู้ก็ค่อยแวะไปดูบ้านข้าง มันทำให้การอ่านไหลลื่นอย่างมาก พออ่านไปสักพัก เราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เราก็เข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น และมันไม่ได้ยากเลย แต่มันอยู่ที่ว่าคุณจะทำมันจริงๆจังๆหรือเปล่า ผมเป็นคนฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองนะครับ ผมฝึกทุกวัน ในแต่ละวันผมมีความสุขที่ได้ฝึกภาษา อ่านบ้างฟังบ้างพูดบ้าง สำเนียงก็ไม่ได้ดีครับ แต่ที่สำคัญผมทำทุกวัน !!! ตอนนี้ผ้่านไป 2 เดือนแล้วครับ ผมรู้สึกว่าผมเก่งจริงๆ และใครอยากเก่งต้องลงมือทำเลยครับ ทุกคนทำได้แน่นอน เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ :)
เคยอ่านเหมือนกันครับ ดีมากครับหนังสือชุดนี้
Worakarn Keawsa-ard ตอนนี้ กำลังฝึกอ่านหนังสือของ อกาธา คริสตี้ เล่มนึง 20,000 คำ ประมาณ 150-160 หน้า ทยอยอ่านทุกวัน ที่ se-ed ก็สนุกดี อ่านเอาเรื่อง เข้าใจ ไม่ได้ต้องการทายฆาตกร มีคำศัพท์ด้านข้างด้วย ตอนนี้ก็อ่านได้เร็วขึ้น และฝึกฟัง youtube วันละครึ่ง ชม.
@@jzezcozy6862 สนุกมาครับ เพลินด้วย ที่สำคัญได้ภาษาด้วย
@@rionia2st อ่านทุกวันต้องเก่งได้แน่นอนครับ แต่ถ้าอยากได้สำเนียงต้องฟังบ่อยๆนะครับ ผมฟังทุกวันเลย เป็นข่าวของ BBC บ้าง ข่าว บอลบ้าง (ผมชอบดูบอล 555) ผมฟังวันนึงก็ประมาณ 1-2 ชม.ครับ พอฟังเรื่อยๆ เราจะฟังออกเองครับ
Worakarn Keawsa-ard เรื่องการฟัง ก็ฝึกฟังทั้ง american accent / british accent เสียงผู้ชาย เสียงผู้หญิง speech พูดคนเดียว speech คนดัง หรือรายการทอล์คโชว์ สัมภาษณ์ พอดีทำงานที่ต้องเจอต่างชาติหลากหลาย อาจฟังคลิปละประมาณ 2 นาที วันนึงจะได้หลายคลิป มีเวลาว่างไม่มากนัก
อ่าน1หน้าซ้ำประมาณ3รอบค่ะ
รอบแรกไม่เปิดคำแปล ไม่รู้ติ๊กไว้
รอบสอง เปิดคำแปล และดูโครงสร้างประโยค
รอบสาม อ่านออกเสียงค่ะ
อันนี้ประสบการณ์ตรงน่ะคะ
เมื่อก่อนอ่านอิเมล หรือคู่มือที่คนตปท.ส่งมาให้ รู้สึกประหม่า ตื่น กลัวตลอด พอลองทำ3ข้อข้างต้น รู้สึกดี รู้ภาษาอ.ดีขึ้นค่ะ
ผมคนนึงละที่ไม่เคยเรียนในห้อง แต่สื่อสารกับฝรั่งรู้เรื่องเพราะสนใจและบ้ากับมัน ถ้าคุณชอบสิ่งไหนแล้วคุณเอาจริงเอาจังชนิดบ้าไม่เลิกรับรองคุณอยากเป็นอะไรชอบอะไรทำอะไรจะทำได้เหนือคนอื่น เพราะฝรั่งบอกว่าอัจฉริยะสร้างได้ใน10,000ชั่วโมง คุณเริ่มทำอะไรก็แล้วแต่ทำแค่5000ชั่วโมงคุณก็สุดยอดในเรื่องนั้นๆแล้ว
เราเรียนในห้องก็ผ่านๆ แต่เน้นดูหนังฟังเพลงมากๆ มันก็ใช้คล่องขึ้นเอง แต่สุดท้ายถ้าอยากเป๊ะทาง academic ก็ต้องโฟกัสเรื่องแกรมม่าด้วยจะดีที่สุด
ฟังแล้วรู้เลยว่าวินัยและความพยายามสำคัญมาก + Mindset ว่าเราทำได้... เพราะงานที่ทำก็ใช้ภาษาอังกฤษ แต่ยังพูดได้ไม่เป็นที่พอใจ... ฟังแล้วมีกำลังใจและทำตามทันทีค่ะ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะคะ
เสียงฟังสบายมากเลยค่ะ ชอบบบ
เทคนิคที่ว่ามาทำหมดเลย แต่ช่วงหลังขาดความสม่ำเสมอ เชื่อว่ามีหลายคนเป็นเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ขอบคุณค่ะ
💖💖💖💖
ขอบคุณนะครับ
ครับขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
ชอบมากค่ะ
ขอบคุณครับ
ดีมากครับ
จะลองอ่านทุกวันดูครับ
ขอบคุณค่ะ เสียงเพราะน่าฟัง
ชอบบทสรุปครับ
ชอบแนวนี้ครับ น่าฟังกว่าแนวสัมภาษณ์
ได้ความรู้เยอะเลยครับ ทําคลิปเกี่ยวกับภาษาอังกฤษอีกเยอะๆนะครับ
การอ่านออกเสียงสำหรับเราคือการได้ฟังสำเนียงตัวเองและปรับให้ออกมาชัดขึ้นและดีขึ้นค่ะ รวมถึงการที่ทำให้เรากล้าออกเสียงมากขึ้น ซึ่งรวมๆแล้วมันช่วยให้เราพูดแล้วติดขัดน้อยลงค่ะ อารมณ์แบบมั่นใจ ชั้นเคยพูดคำแบบนี้มาแล้ว
ขอบคุณมากๆสำหรับเทคนิดดีๆนะครับ ส่วนตัวของผมก็มีเทคนิคคล้ายๆกันครับ
1. ตอนเด็กๆชอบเล่นเกมส์ แล้วอยากรู้เนื้อเรื่องก็เลยเริ่มจากเล่นเกมส์แล้วค่อยๆแปลไป กับ ดูหนังครับ ดูเรื่องที่ชอบ ดูซ้ำๆจนจำเนื้อเรื่องได้ แล้วเปลี่ยนจากซับไทยเป็นซับ Eng ครับ เห็นด้วยกับเรื่องเทคนิดข้อที่ 1.,3.4.5 มากๆครับ
เคยอ่านออกเสียงตามครับ แต่กลายเป็นว่าหลุดเนื้อหาไปเลย ส่วนวิธีอื่นๆช่วยได้มากครับ ผมลองแล้ว การฝึกถอดเทปแบบไม่มี Subtitle นี่ช่วยแบบก้าวกระโดดเลย
แนะนำใช้ kindle ในการอ่านครับ
เพราะว่าคำศัพท์ที่ยาก จะคำแปลมาให้ครับ
อ่าน apple book อยุ่คับ แต่ศัพทยาก ทำให้อาานไม่รุ้เรื่องและน่าเบื่อ เช่น parson, thud, catheter, squawk, scruff
1 หน้าเปิดไป 20 คำ
That 's great ideas 5 secrets for reading english book see the detail below :
1. Read what we interested in
2. Read the children story
3. Read without the dictionary
4. Read the summary or the review first
5. Read out loud
1.อ่านเรื่องใกล้ตัว เรื่องง่ายๆ สนุก ไม่ยาวมาก
2.ถ้าไม่รู้ว่าจะอ่านอะไรดี อ่านนิทานเด็ก หนังสือสำหรับเด็ก หนังสือที่ศัพท์ไม่ยาก
3.คำไหนไม่เข้าใจ ขีดเส้นไว้ อ่านจับใจความ อ่านจบค่อยเปิดดิก
4.ก่อนอ่านเรื่องอะไร ให้อ่านเรื่องย่อ/ key message/ highlight ก่อน
5.อ่านออกเสียง ช่วยโฟกัส
เมื่อก็ใช้วิธีการใช้วิธีอ่านหนังสือภาษาอังกฤษโดยไม่เปิดดิกระหว่างทาง ค่อยมาเปิดดิกตามหลัง
ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เรียนรู้ได้เร็วครับ แม้่ว่าจะพูดได้ สื่อสารเข้าใจ
แต่ข้อเสียคือ มันจะทำให้ติดการใช้การเดา เพื่อให้เข้าใจ
โดยเฉพาะเมื่อต้องมาทำงานแปลเอกสาร เราจะไม่สามารถแปลเป็นภาษาไทยที่เต็มรูปประโยคได้ในทันทีครับ
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เราไม่สามารถที่จะแปลประโยคเหล่านั้นออกมาเป็นภาษาไทยได้เลยในทันที
งานที่แปลออกมา รูปประโยคมันจะผิดเพี้ยน ประหลาดๆ ก็ต้องมาเกลาใหม่ โดยใช้เวลาพอสมควรเลย
ซึ่งกว่าจะเริ่มชินก็ใช้เวลาอีกพอสมควรเลยครับ
Google play book อ่านง่ายดีครับ
ดีจังค่ะ เอาประสบการณ์ดีๆมาเผยแพร่ คนจะได้ทำตามค่ะ เหมือนได้สอนน้องๆเลย ขอบคุณน้องเคนนะคะ
เริ่มตอน 2.40
ผมเพิ่ง ติดตาม ได้ซักพัก ครับ
ตอนนี้ ผมฝึกภาษา อังกฤษ
พูด อ่าน เขียน ครับ
ผมก็ไม่ได้เก่งอะไร แต่ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือ/ดูคลิปภาษาอังกฤษเกี่ยวพวกความรู้ทางเทคโนโลยี ซึ่งมีความยากทั้งในเนื้อหา และภาษา. อย่างหนึ่งทำให้รู้สึกว่า ทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น. คือ เราอ่านหนังสือ/ดูคลิปจากหลายๆแหล่ง. ซึ่งจะพูด "เรื่องเดียวกัน" แต่วิธีการพูด/คำที่ใช้/วิธีการอธิบายต่างกัน. ซึ่งสื่ออันเก่าที่เราเคยเรียนมา จะทำให้เราเข้าใจสื่ออันใหม่ได้ง่ายขึ้น และสื่ออันใหม่ก็จะช่วยเติมเต็มในส่วนที่เรายังไม่เข้าใจจากสื่ออันเก่า.
ผมว่า มันคล้ายๆ การเรียนรู้ของจักรกล (Machine Learning) ที่ต้องการข้อมูลจำนวนมาก และหลากหลาย ที่จะช่วยให้เติมเต็ม/ต่อจิ๊กซอว์/เชื่อมโยงความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆให้สมบูรณ์ขึ้น.
อยากให้มีนิตยสาร 2 ภาษา
หนังสือ pocket book ดีๆส่วนมาก ต้องรอการแปลเป็นภาษาไทย โดยเฉพาะ pocket book น่าสนใจบางเล่มสำนักพิมพ์ไม่ผลิตแล้ว(ภาษาไทย) เลยถูกเอามาซื้อขายเก็งกำไรในเว็บไซต์ราคาเป็นพัน เลยคิดว่าไปซื้อหนังสือเป้นภาษาอังกฤษอ่านยังดีกว่า แต่มันติดตรงที่ยาก ยาว หนา ....ขอบคุณคลิปดีๆไกด์แนะนำเทคนิคนี้นะครับ สุดยอดเลย
ใช่ครับ ผมเคยเจอหนังสือหลายๆ เล่มที่ถูกแปลมาเป็นภาษาไทยราคาเป็นพัน แต่ภาษาอังกฤษราคาหลักร้อยเองครับ
❤
เก่งไม่เก่ง ก็ไม่เท่าความมีวินัย จริงๆ ครับ ฝึกฝนทุกวันทำทุกวัน มันจะเป็นไปเองโดยอัตโนมั
เป็นคำแนะนำที่ดีมากครับ แต่ขอเสริมครับ ว่าเราต้องประเมินทักษะของภาษาของเราก่อน หากเรารู้ว่าเรามีพื้นอยู่ที่ไหน เราจะได้เลือกได้เหมาะสม จากประสบการณ์ของผมในการเป็นครู นักเรียนหลายคนมีความตั้งใจดีมาก แต่แค่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเริ่มที่ไหน ผมเลยแนะนำให้ลองเริ่มอ่านจาก อ่านหนังสือที่ออกแบบให้นักเรียน ESL ครับ น่าจะเรียกว่า Readers ถ้าจำไม่ผิดนะครับ มีหลายค่าย มี 6 ระดับ ลองอ่านแต่ละระดับถ้าเข้าใจ 65% ให้อ่านระดับถัดไป เมื่อเจอระดับที่เหมาะแล้ว อ่านอย่างน้อยสามเรื่อง แล้วอ่านระดับถัดไป เมื่อถึงระดับหกแล้ว แสดงว่ามีความพร้อมในระดับหนึ่งในการอ่านหนังสือปกติ แต่อย่าเพิ่งครับ มีอีกระดับที่เรียกว่า Young Readers' Editions อ่านสักสามเรื่อง หลังจากนั้นน่าจะพร้อมแล้วครับ และท้ายสุด อันนี้ส่วนตัวเลยครับ ผมเป็นคนอ่านช้า แต่ฟัง audio book ได้เร็วกว่าและเข้าใจดีกว่า เลยแอบขี้เกียจอ่านหนังสือปกติ มีข้อดีคือ เราได้ฝึกทักษะการฟังและการออกเสียง แต่ข้อเสียคือ เราจะไม่ได้ฝึกการอ่านหรือโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน แลกเปลี่ยนกันนะครับ
อ่านให้หลากหลายประเภทของหนังสือ เพราะเราจะได้คำศัพท์เยอะ อ่านทุกวันวันอย่างน้อย30นาทีต่อวัน ถ้าจะใช้dictionary ให้ใช้ อังกฤษ-อังกฤษจะดีมาก และอ่านออกเสียงดังๆ แต่ต้องระวังด้วยว่าเรารู้วิธีการออกเสียงคำๆนั้นแล้ว
เราเปิด eng-eng แต่ไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ ประโยคมันซับซ้อนมาก ถึงในประโยคนั้นจะรู้คำทั้งหมดแต่พอแปล อ้าว ไม่ตรงกับที่เราคิดหนิ ที่ ฝึก มา 1 เดือนแทบตายไม่ได้อะไรเลย ท้อ
💕
พูดเสียงเหมือนกระซิบไปนิดค่ะคุณเคน บางทีเลยฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะมันรัวๆ
ผมมีลำโพง5555
@@osborntorres6517 เราก็มีค่ะ หลายอันเลย แต่ไม่ได้ใช้ จะเอาซักอันมั้ยคะ 5555
@carrot foreverเค้าเรียกว่าขี้เสือกค่ะ ถ้าเรื่องไม่เกี่ยวกับตัวอย่ายุ่งดีกว่านะ ก็เผื่ออยากอีกอันไง
ผมก็กำลังเริ่มพยายามอ่านหนังสือภาษาอังกฤษครับ เพราะผมจะได้อ่านหนังสือการลงทุนได้มากขึ้น ไม่ต้องรอการแปล มันช้ากว่านักลงทุนที่รู้ภาษาอังกฤษอยู่ก่อนแล้ว เสียเปรียบฝุดๆๆ
ขอบคุณค่ะลองทำมาแล้วภาษาดีขึ้นจริงค่ะแต่ส่วนตัวต้องดูหลายๆรอบค่ะ
ทำยังไงให้รู้ศัพท์เยอะๆครับ
ผมอยู่ ม.3 กำลังจะสอบ เข้า ม.4
แทบไม่รู้ศัพท์อะไรเลยครับ คลังศัพท์ระดับ ป.1
ผมฝึกโดยการเล่นเกมส์แนวRPG
แล้วถ้าเรื่องที่ผมชอบและอยากอ่านมันเป็นหนังสือที่ยากแล้วก็ภาษาที่ยากละคับ เช่น นิยายวิทยาศาตร์ มันจะเป็นไปได้มั้ยคับ
ควรอ่านหนังสือที่อยากอ่านจริงๆครับอยากอ่านเล่มไหนอ่านเลย สิ่งที่ได้รับไม่ว่าจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่คือภาษาจะคล่องขึ้นแน่นอน แต่ถ้าไม่รู้เรื่องอีกปีนึงหรือหลายปีค่อยกลับมาอ่านใหม่ก็ไม่สาย
30 แล้ว อยากฟังพูด อ่านอังกฤษได้ เพราะอยากพัฒนาตัวเอง และอยากฝึกเพื่อว่าวันนึงมีลูก และก็เริ่มจากนิทานเด็ก คือ เจ้าชายน้อย ตอนซื้อ ver. อังกฤษ ยังไม่ได้ฟัง The Secret Sauce แต่เพราะมีหนังสือ ver ไทย พอมาฟัง The Secret Sauce ยิ่งทำให้อยากพัฒนาตัวเองเข้าไปอีก เพราะว่าทุกคนสามารถฝึกได้เหมือนมีกำลังใจ มีเพื่อนเดินทาง วันนี้ในปี 2565 จะมารีวิว อีกครั้งว่าหลังจากตั้งใจฝึกจริงๆจังๆ แล้วผลเป็นอย่างไรนะคะ ขอบคุณที่ทำให้เรื่องที่รู้สึกว่ายากมากๆ ของชีวิต กำลังจะง่ายขึ้น ^^
กดไป
ดิฉันไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยจะทำอย่างไรค่ะ
กรุณาพูดให้ชัดชัดหน่อยค่ะขอบคุณมากค่ะชอบ
เเนะนำหนังอังกฤษสำหรับคนฝึกอ่านเขียนหน่อยค่ะ
ก่อนเริ่มอ่าน ต้องฝึก Grammar ก่อนมั้ยครับ ถ้าต้อง ควรเรียนแกรมม่า ไหนก่อนครับ ช่วยตอบที ต้องการอยากอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากๆ #ขอบคุณมากครับ ใครรู้ช่วยตอบด้วยครับ
ผมแนะนำให้เริ่มจาก กริยา3ช่องครับ (Past - Present - Future) เพราะทุกประโยคภาษาอังกฤษมีคำกริยา เริ่มจากหาคำกริยาในประโยคให้เจอและแปลคำกริยาให้ได้ก่อน จะแปลทั้งประโยคได้ง่ายขึ้นครับ
อือลองฟ้งพุทธวจนดูสิรู้ทุกเรื่องและก็เรื่องจริงๆด้วยรุ้ทุกๆอย่างที่คนเราควรจะเรียนรู้สนุกและก็ทันสมัยด้วยจ้าาา555คำของพระพุทธเจ้า. โทษทีน่ะไม่ว่ากันน่ะ
ขอบคุณมากค่ะกับเทคนิคดีๆที่นำมาฝากในวันนี้🙏🙏🙏❤️❤️❤️🍀🍀🍀
อยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองเล็กน้อยค่ะ
อ่านหนังสือเด็กๆค่ะเริ่มอ่านไปกับลูก
ดูหนัง, ฟังเพลงภาษาอังกฤษ
เมื่อก่อนดูข่าวของ CNN, BBC
ดูทอล์คโชว์ของต่างประเทศบ่อยๆ😁
พูดอาจจะไม่เก่งเพราะว่าสำเนียงไม่ได้เลยค่ะ555มาฝึกตอนแก่ก็แบบนี้แหละ
แต่พอจะฟังและสื่อสารกับคนต่างชาติได้บ้าง
สอนลูกให้เก่งหลายๆภาษาดีกว่าเรา
แค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปเรื่องหนึ่ง
เวลาวันเกิดใครจะให้ของขวัญก็อาจจะบอกตรงๆว่าอยากได้หนังสือสักเล่มเป็นภาษาอังกฤษ เล่มนี้นะคะ555
สักวันก็จะอ่านเก่งขึ้น
เล่มล่าสุดที่ได้มาคือ Becoming ของMichelle Obama
กับ The courage to be disliked
ของ Ichiro Kichimi and Fumitake Koga
เป็นหนังสือดีที่น่าอ่านทั้งสองเล่มค่ะ
👍😁😍❤️🍀
ผมเเนะนำให้ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มด้วยนะครับสำหรับคนที่ต้องการพัฒนาไปอีกขั้นของการอ่านหรือเรื่องต่างๆในด้านของภาษา: Cultural Iceberg : เรื่องนี้สำคัญพอๆกับว่าเราอ่าน ฟัง ดู เเล้วเข้าใจมันมากแค่ไหน บางทีเราอ่าน ดู ฟัง จนเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดเเล้วเเต่พอไปถามเจ้าของภาษาทำไมเขากลับบอกว่าเราเข้าใจเรื่องนั้นผิดประเด็น บางความหมายอาจเปลี่ยนไปเลยก็ได้ครับ
ถ้ารีวิวขอรีวิวหนังสือภาษาอังกฤษนะครับ
1st
ผมสงสัยครับ ว่าทำไมคลิปนี้ถึงพูดยาวจัง ทั้งๆสามารถพูดให้ได้จบใน 2 นาทีแต่ใจความครบ
ไม่ได้มีเจตนาในการโจมตีนะครับ
มีเทคนิคการตีความมั้ยคะ พอดีว่า เวลาอ่านมักจะตีความผิดบ่อย ๆ เลยขอรบกวนช่วยแชร์เทคนิคตีความหน่อยนะคะ 😊
ถ้าอายุไม่มาก ลองไปเรียน ป.โทวรรณคดีอังกฤษ ที่ธรรมศาสตร์สิครับ (เพราะที่นั่นจะสอนทฤษฎีวิจารณ์วรรณกรรม ทฤษฎีพวกนี้มีจำนวนมากและหลากสำนักคิด ใช้เป็นเครื่องมือในการจับตัวบทที่เราอ่านจากมุมมองแต่ละแบบ มันจะทำให้คุณมองตัวบทได้มีระบบขึ้น ไม่สะเปะสะปะ) แต่ถ้าไม่สะดวกไปเรียน หากพอมีเงิน ลองซื้อหาหนังสือรวมใตจความของสำนักคิดวิจารณ์วรรณกรรมแต่ละสายมาอ่านก่อน ภาษาไทยมีเล่มหนึ่งดีมากคือ "ทฤษฎีวรรณคดีวิจารณ์ตะวันตกในคริศตศตวรรษที่ ๒๐" ของ อาจารย์สุรเดช โชติอุดมพันธุ์ แต่ถ้าอยากเสริมด้วยภาษาอังกฤษว่าแต่ละสายมีใครเป็นเจ้าของหลักคิดเด่นๆก็พิมพ์ search ใน google ว่า literary criticism introduction ก็ได้ครับ ในภาษาอังกฤษมีหนังสือที่ย่อยทฤษฎีพวกนี้ให้เข้าใจง่ายจำนวนมาก คุณเลือกสั่งได้เลย จะผ่าน Amazon หรือ Bookdepository (ค่าส่งแพงเกือบเท่าหนังสือที่เราสั่ง ไม่ค่อยอยากแนะนำ เว้นแต่เป็นเล่มที่หาจากที่อื่นไม่ได้จริงๆ)
แต่ที่ขอแนะนำคือ สั่งผ่าน Kinokuniya สาขาไหนก็ได้ ผมสั่งประจำอยู่ที่สาขาสยามพารากอน แบบนี้จะไม่แพงเท่าสั่งจากคลังของสองรายด้านบน ถ้าหนังสือไม่มีในร้าน คุณก็บอกชื่อจองไปว่าจะสั่งเรื่องนี้ คนเขียนชื่อนี้ เขาจะสั่งให้ ระยะเวลาราวเดือนหรือเดือนครึ่งก็จะได้หนังสือแล้ว พอหนังสือมาเขาจะโทรแจ้งให้คุณโอนตังค์ไปเอง ทฤษฎีวิจารณ์สำคัญครับ จะช่วยให้คุณตีความตัวบทได้จากหลายมุมมองและจะสนุกกับการคิดด้วยมุมมองของคนอื่นที่มีมากมายหลายแบบ ซึ่งที่ตรงข้ามกันก็มี เป็นการฝึกฝนปัญญาที่ดียิ่งวิธีหนึ่ง และ ทำให้ไม่เชื่ออะไรง่าย ไม่ด่วนตัดสินอะไรง่ายๆ
บางทีอาจเป็นเพราะ cultural iceberg ครับบางสิ่งเราก็เข้าไม่ถึงหากไม่ใช่คนที่เข้าใจในบริบทนั้นมาก่อน ขนาดเจ้าของภาษาบางคนยังไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆเลยครับ อจ ของผมหลายคนก็จะยกเรื่องนี้มาพูดหากหนังสือนั้นเขาไม่สามารถตีความหรือเข้าใจยาก ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของพวกวัฒนธรรม เเนวคิดทางศาสนา หลักคำสอน พวกพิธีกรรม เหล่านี้ล้วนยากต่อการเข้าใจครับ
ผมไม่เห็นด้วยสองเรื่องนะ เพราะผมทำแล้วไม่เวิร์ค อ่านเปิดดิกไปเถอะ แปลเป็นไทยไปเถอะ แต่สำคัญอ่านให้บ่อย อ่านให้เยอะครับ พอเราอ่านเยอะขึ้นเราจะอ่านเร็ว เราจะอ่านเป็นประโยคไปเอง แถมไม่แปลไทยแบบไม่รู้ตัวด้วยครับ ดิกนี้ควรให้ดิกออนไลน์ด้วยนะครับ เพราะประโยค วลีต่างๆ จะโผล่มาให้เราเยอะมาก คำบางคำ พอเป็นวลีหรือ ประโยค มันอาจไม่เหมือนความหมายเดิมครับ เรื่องสองคือ อย่าเน้นเรื่องง่าย เรื่องยากก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราอยากอ่าน เน้นอยากอ่านเป็นหลักครับ ถ้าอ่านแล้วยากไป แล้วเราไม่อยากอ่านแล้ว เปลี่ยนเลยอย่าไปฝืน (แถมนิดนึงถ้าอ่านข่าว ให้อ่านสำนักข่าวต่างประเทศนะครับ เขาจะใช้ศัพท์ง่ายกว่า สำนักข่าวเมืองไทย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน -*-)
john joke ลองลดระดับความยากไหมคะ สมมุติถ้าความรู้เราแค่ประถม จะไปอ่านหนังสือของมหาลัยก็คงไม่ได้หรอกมั้งคะ คำศัพท์มันคนละชั้นกัน ลองหาหนังสือที่ใช่ศัพท์ไม่ยากดูนะคะ ถ้าเจอหนังสือที่อ่านแล้วเราไม่ต้องเปิดดิกทุกตัว อาจะแค่2-3 ตัว ไม่เกิน5-6 ตัว นั่นแหละค่ะ หนังสือที่เหมาะกับความรู้คุ
@@the1stquarter51 ผมว่าไม่จำเป็นอ่ะครับ เพราะ ถ้าเป็นเรื่องที่เราชอบ ศัพท์ก็จะวนๆ อยู่ในกลุ่มนั่นล่ะ แต่ถ้าเราไปอ่านเรื่องอื่น พอเรากลับมาอ่านเรื่องที่เราสนใจ เราก็เสียเวลาเรียนรู้ใหม่อยู่ดีครับ บุกไปเลยครับไม่ต้องกลัว
@@johnjoke3887 อ่านไม่เปิดดิก ฝรั้งก็แนะนำครับ
คำไหนที่ไม่รู้ให้ใช้วิธีเดาศัพท์ก่อน เน้นความต่อเนื่อง เน้นเข้าใจภาพรวมก่อน Make english a part of your life.
ดิฉันฟังเพลงค่ะ ตั้งแต่ อายุ 11 ขวบค่ะ
Noice
ประยุทธ์แนะนำคนไทยสิ่งนี้
ไม่ชอบ ดูซับ. เหมือนกัน
ทำไปเรื่อยๆ ทำยังไงก้ได้ให้สม่ำเสมอ อ่านก็ไม่ต่างจากการฝึกฟังครับ
เกรดเกะ
เริ่มตอน 2.40