ตำนานอุรังคธาตุ ปฐมบทแห่งอาณาจักรลาว
Vložit
- čas přidán 25. 08. 2024
- ตำนานอุรังคธาตุ หรือ ตำนานอุรังคนิทาน เป็นแม่บทของวรรณกรรมตำนานพระธาตุและพระบาทในล้านช้างและแถบลุ่มแม่น้ำโขงทั้งสองฟากฝั่ง เป็นการเดินทางของพระพุทธองค์เมื่อครั้งที่เสด็จยังชมพูทวีป เพื่อมาประทับรอยพระบาทไว้หลายแห่งในดินแดนสองฝั่งแม่น้ำโขง โดยมีพุทธพยากรณ์ว่าสั่งให้ พระมหากัสสป เถระอัครสาวก กับเจ้านครรัฐ 5 พระองค์ รวมกันสร้างพระธาตุ อัญเชิญอุรังคธาตุพระพุทธเจ้ามาบรรจุ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ครองเมืองในอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์โบราณ
![อาจารย์ยอด : ตำนานพระธาตุพนม (โศกนาฏกรรมองค์พระธาตุถล่ม เมื่อปี 2511) [น่ารู้]](http://i.ytimg.com/vi/uAZYnu_GVtI/mqdefault.jpg)
![อาจารย์ยอด : ตำนานพระบาง พระคู่เมืองลาว [น่ารู้]](/img/n.gif)
ສຸດຍອດເລີຍທ່ານ ຄວາມມັ່ງມີດ້ານວັທະນະທັມໄນອາດິດຂອງຊາວລາວ ລາວຮັກລາວ
ขอบคุณมากค่ะ
อยากต่อครับ
ดีใจหลายเจ้า
ขอบคุณค่ะ
น้อมกราบ อุรังคธาตุ
หลงฮักเสียงนี้เดเจ้า เสียงไพเราะเพราะพริ้งแท้
ขอบคุณค่ะ
ทำต่อไปชอบๆ
ขอบคุณค่ะ
ชอบมากครับทำต่อไปนะ
ขอบคุณมากค่ะ
Administrator understand the best culture of Lao. Cheer!!!!!
ขอบคุณค่ะ
เมืองมรุกขนคร เป็นหลักฐานที่สำคัญของการต่อต้านการรุกรานของฝ่ายพราหมณ์ฮินดู(ซึ่งพราหมณ์ฮินดู ไม่ใช่พราหมณ์สยาม เพราะพราหมณ์สยามไม่ได้นับถือพระศิวะ และไม่ได้สร้างความเชื่อในกามกิเลสที่เอาอวัยวเพศของเทพเจ้ามาเป็นเครื่องเคารพ หากแต่เคารพในพระพรหม และหลักทางเหตุผลที่เป็นตรรกะแห่งสัจจะธรรม) ศาสนาพราหมณ์ฮินดูถูกนำมาเผยแผ่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่1 หรือพระเจ้าเกาฑิณยะวรมันเทวะ(พระทอง ในตำนานพระทอง-นางนาค)
ฮินดูเผยแผ่ด้วยการเพิ่มจำนวนประชากรด้วยพิธีกรรมบูชายันต์ คือ การเอาเด็กหญิงวัยสิบหกปี มาเข้าสู่พิธี เพื่อสร้างความกลัวให้ผู้หญิงต้องมีบุตรในวัยเจริญพันธุ์ เป็นการบังตับให้เพิ่มจำนวนประชากรอย่างรวดเร็ว เพื่อการขยายอิทธิพลการปกครอง แล้วแผ่อิทธิพลเข้ามาสู่อาณาจักรศาสนาผี(ศาสนาผู้หญิง พราหมณ์สยามเป็นศาสนาผู้ชาย) และเนียนเรียกตนเองว่าพราหมณ์
แต่พิธีกรรมแตกต่างกันกับพ่อพราหมณ์ของกลุ่มชนลุ่มน้ำโขง หลังจากที่กลุ่มฮินดูแพ้แก่ศาสนาผีในนครพนม ตามตำนานการสร้างพระธาตุพนม หากเราไปพระธาตุพนม ดูที่ประตูโขงทางเข้าไปนมัสการพระธาตุ จะมีรูปปั้นพราหมณ์ ใต้รูปปั้นพราหมณ์ จะมีข้อความว่า "ธรรม ย่อมชนะอธรรม" นั่นเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า พราหมณ์ไทย ไม่ใช่พราหมณ์ฮินดู แต่ฮินดูพยายามจะเคลมเนียนอ้างเป็นเป็นพราหมณ์ จนมีคำกล่าวถึงพวกแขกในหมู่คนไทยว่า "เจอแขก กับเจองู ให้ตีแขกก่อน" นั่นหมายถึงการรุกรานของกลุ่มฮินดูสร้างความเคียดแค้นให้กับคนไทยมาก นั่นเอง
หากเดินผ่านประตูโขงวัดพระธาตุพนามเข้าไป จะพบเทพสีเหลืองทอง และสีเขียว นั่นคือพระอินทร์ซึ่งเป็นเทพเหนือสุดของศาสนาผี และพระพรหมซึ่งเป็นเทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ ในวัดพระธาตุพนม จะไม่มีพระศิวะ ไม่มีพระอิศวร ไม่มีพระวิษณุกรรม นั่นหมายถึงศาสนาผี หราหมณ์ และพุทธอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนมาก่อน ศาสนาผีเป็นศาสนาแม่ ศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาพ่อ เมื่อรวมกันเข้าเป็นศาสนาของลูกซึ่งเป็นทางสายกลางระหว่างพ่อ กับ แม่ หรือมัชฌิมาปฏิปทา ที่เป็นศาสนาพุทธ ในปัจจุบัน
ข้อมูลหลักฐานเหล่านี้ พอที่จะมีเหตุผลได้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่แขกอินเดีย เพราะพวกแขกอินเดียโดยเฉพาะชนเผ่าทมิฬ เป็นกลุ่มชนแห่งการรุกราน ยึดครอง ทำลาย จึงมีเรื่องรายการรบกันระหว่างชาวสิงหน หรือสิงหนวัต (เชียงแสน)มาโดยตลอด พี่น้องลาว-ไทย ควรสืบค้นรากเหง้าของตนเองให้เจอ แล้วมาสังคยานากันให้เข้าใจ จะพบว่า เราคือเครือญาติ เราคือสายเลือดเดียวกัน
ขอบคุณมากค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาพลังกุศลธรรม
ขอบคุณมากค่ะ
มักหลาย ติดตามตลอดเจ้า
ขอบคุณมากค่ะ
บ้านผือ บ้านผมโหสุดยอด
ขอบคุณค่ะ
ดีค่ะ.ชอบมากเลย
ขอบคุณค่ะ
ຂອບໃຈຄວາມຍິ່ງໃຫຍ່ຊົນຊາດລາວ, ຄົນລາວຄວນສືບສານຄວາມເປັນລາວໃຫ້ສືບໄປຢ່າງຢັ້ງຢືນຍາວນານ.
ขอบคุณค่ะ
ดู ย้อนหลัง
ขอบคุณมากค่ะ
Thankssss!
หนังสือก้อมต่างคนต่างมี ก้อนขี้ซีก้อนน้อยก่อนใหญ่ ก้อนขี้ไก่ก้อนแข่นก่อนแหลง ก้อนขี้แมวมีแต่ในหมากขามเหิ่ม
ข้อมูลจากนักโบราณคดีจีน มีความเป็นไปได้ที่อาณาจักรน่านเจ้าจะมีชาวลาวเป็นใหญ่
อาณาจักรน่านเจ้ารวบรวมไว้ด้วยผู้คนหลายชนชาติที่ไม่ใช่คนจีน จีนเรียกพวกนี้รวมๆว่า ชาวจ้วง
ตามบันทึกว่า มีชาวจ้วงอยู่ทางตอนใต้ของจีนตั้งแต่กวางตุ้งตลอดจนถึงยูนาน(ตะวันออกยันตะวันตก)
เมื่อถูกจีนรุกราน จึงอพยพหนีลงทางใต้ไปอีก เข้าสุวรรณภูมิ
แต่ละกลุ่มชนชาติ แยกย้ายกันตั้งประเทศ เวียตนาม ลาว สิบสองปันนา ไทย และชนชาวเขากับไทยใหญ่ เข้าตั้งบ้านเรือนในพม่าตอนเหนือ
ส่วนพวกพม่า มอญ เป็นอีกพวกหนึ่ง อยู่คนละฟากเทือกเขาอัลไต
และย้ายลงมาตั้งประเทศที่พม่า
ไทยกับลาว แต่เดิมจึงมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก
พม่ากับมอญก็มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เช่นกัน
ตอนสุดท้ายท่านโดนหลานหลอกไห้ไปทำสงครามที่ จำปานะคร ที่นั้นสไหมนั้นเขาถืพราม และโดนหลานเอาช้างชนตกผาที่ อัดตะปื.
ขอบคุณค่ะ
ດີຢ້ຽມເລີຍ
ขอบคุณค่ะ
สมัยปัจจุบันนี่หมู่เฮากายังบ่ฮู้ว่าเป็นหยังคนเขมรเอิ้นคนลาวว่าสยาม สยามหมายถึงคนลาวที่อยู่สุพรรณภูมิ(อยุธยา)กับเวียงจันทน์ คนลาวที่อยู่แม่น้ำเจ้าพระยา(อยุธยา)นั่นยอมฮับเอาคำว่าสยามเป็นชื่อของแผ่นดินอาณาจักร สมัยตะก่อนประวัติศาสตร์มักปนกับกับอิทธิฤทธิ์เทวดากับเทพเจ้า คำเล่าเรื่องนี้มีหลายกว่า7ยุค7สมัยในเรื่องเดียวกัน คนธรรมดาฟังบ่ออกดอกต้องมีคนแปลให้
ขอบคุณมากค่ะ
Thai is Siam the native people but probably small in population. They are not AiLao people. During Jhao Fa Nguam era it is already distinguished the Lao people from Siam people. Khmer already called these people Siam and Khmer called Lao people as Liao like the Chinese.
@@tanailao5345 Siamese are the Lao people of Luangprabang that mixed with the Mon and Khmer people. The Majority were Khmer and Mon during Jayavaraman the 7th because the Lao of Suphanapum united with Lawo (Lopburi) to create the Ayodaya kingdom. The Khmer kingdom at Angkor Wat had a civil war. The Khmer rulers got overthrown and seek refuge in the Ayodaya kingdom. Tens of thousands of Khmer migrated into that island because the Lawo kingdom were a Mon/Khmer kingdom. The Lao kingdom of Suphanapum united with the Lawo kingdom to create Siam Ayodaya. They then tried to retake Angkor at current day Siem Reap.
The Lao migrated there from the North over 2000 years ago. The Khmer empire expanded about 1300 years. The ancient Khmer people were Indians from India. The Khmer that used to occupied Chiang Saen over 2000 years ago were from Northern India. The same people as the Yakka, and Nagas that migrated south into Sri Lanka. The ancient Khmers (Indians) that migrated to create the Sri Guatama bura (Sikotabong) kingdom in Central Laos was from the Galinga kingdom. They were Hindus that left because because king Ashoka the great converted to Buddhism . The Mon and Khmer occupied Southeast Asia before the Lao.
The Lao only came into mix with them and later change the official language of the royal court from Khmer/Pali to Lao/Pali. The Lao kingdom of Chiangsaen in ancient times were once Indians that eventually evolved to become the Mon and Khmer. The Lao migrated south to mix with them from Sipsongpanna creating Muang Yonok, now the people there are called Tai Yuan. These people expanded their kingdom later to build Phayao, migrating south to taking Nantaburi (Wiang Nan) from the Khmer, and later Chantaburi (Wiang Chan in Laos)from the Khmer again.
They also migrated south to the Chao praya river and later creating the Suphanapum kingdom. They didn't become an empire until more people migrated from Luangprabang to overthrow the Khmer rulers from Sukhothai. From Sukhothai, they expanded south. That's why the Siamese language and Northern Lao language are the same. If you take away the language of Bankok, Laos and Thailand speaks exactly the same today. The Siamese of Southern Thailand, Suphaburi, Kanchaburi, and Sukhothai speaks the same as the Northern Lao. Central Laos (Vientiane, Khammoun), Sayaburi Laos, Bokeo Laos, and Luangnamtha speaks the same as the people in Lanna.
#มรุกขนคร🌄
#นครพนม🏵️
#อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์🏞️
"นครพนม" เป็นจังหวัดหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง ในดินแดนที่ราบสูง อดีตเคยเป็นศูนย์กลางของ "อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์" อันรุ่งเรือง
แรกเริ่มทีเดียวตัวเมืองตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำโขง (ฝั่งลาว) บริเวณทางใต้ปากเซบั้งไฟ ตรงข้ามกับอำเภอพระธาตุพนมในปัจจุบัน ตามอุรังคนิทานหรือตำนานพระธาตุพนม (พิสดาร) ของพระธรรมราชานุวัตรอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ได้เรียบเรียงไว้ ตอนหนึ่งว่า
ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ที่แคว้นศรีโคตรบูรณ์ มีพุทธทำนายว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้วเมืองศรีโคตรบูรณ์จักย้ายไปตั้งที่ "ป่าไม้รวก" มีนามว่า "เมืองมรุกขนคร" ซึ่งสันนิษฐานกันว่าหมายถึง เมืองที่อยู่ในดงไม้รวก ตามสภาพภูมิประเทศที่สร้าง บ้านแปงเมืองนั้นเอง
จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีประวัติสืบทอดยาวนาน เชื่อว่าเดิมศูนย์กลางของ "อาณาจักรศรีโคตรบูร" ที่รุ่งเรืองในอดีต ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่12 เป็นอาณาจักรอิสระ ไม่ขึ้นกับใคร ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ได้เสื่อมอำนาจลง ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรขอม ต่อมาราวพุทธศตวรรษที่ 18 ชื่อของ "ศรีโคตรบูร" ได้กลายมาเป็นเมืองใน อาณาจักรล้านช้าง มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง โดยพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง ทรงสร้างเมืองที่ปากห้วยหินบูร (ปากห้วยบรรจบลำ น้ำโขงฝั่งซ้ายตรงข้ามอำเภอท่าอุเทน เหนือเมืองนครพนม) และได้สืบทอดราชสมบัติต่ออีกหลายพระองค์
ภายหลังย้ายเมืองมาตั้งที่ป่าไม้รวก ห้วยศรีมัง ริมแม่น้ำโขงฝั่งซ้าย (คือเมืองเก่าใต้เมืองท่าแขกในปัจจุบัน) ถึงปีพุทธศักราช 2297 มี พระนครานุรักษ์ครองเมืองศรีโคตรบูร มีความเห็นว่าเมืองมิได้ตั้งอยู่ที่ปากห้วยแล้ว จึงได้เปลี่ยนนามเมืองใหม่ว่า "เมืองมรุกขนคร" เพราะถือว่าสร้างขึ้นในดงไม้รวก นามเมืองศรีโคตรบูรจึงเปลี่ยนไปตั้งแต่ครั้งนั้น
ช่วงประมาณพุทธศักราช 2309 สมัยพระบรมราชากู่แก้ว หลังจากชนะศึกกับพระนครานุรักษ์ (คำสิงห์) เจ้าราชบุตรเขยผู้ไปสวามิภักดิ์ต่อ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (เจ้าองค์หล่อ) แห่งนครเวียงจันทน์ พระองค์ได้ย้ายเมืองข้ามฝั่งแม่น้ำโขงมาที่ปากบังฮวก (ฝั่งประเทศไทยปัจจุบัน คือบริเวณวัดมรุกขนคร ตำบลดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม)
และต่อมาในปีพุทธศักราช
2321 พระเจ้ากรุงธนบุรีทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และเจ้าพระยาสุรสิงหนาท ยกทัพมาตีเอาหัวเมืองทางแถบแม่น้ำโขง รวมไปจนถึง นครเวียงจันทน์ เมืองมรุกขนครจึงได้ขึ้นกับกรุงธนบุรีในสมัยนี้ แต่ยังคงปกครองตนเองอยู่
หลังจากนั้น ราวปีพุทธศักราช 2322 สมัยพระบรมราชา (พรหมา) ได้ย้ายเมืองจากปากบังฮวก มาอยู่ที่บ้านหนองจันทร์ (ห่างจากตัวเมืองนครพนมไปทางทิศใต้ 4 กิโลเมตร) ตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า "นครบุรีราชธานี"
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามเมืองเสียใหม่ว่า "เมืองนครพนม" ขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์ การที่พระราชทานนามว่า "เมืองนครพนม" สันนิษฐานได้ว่า อาจจะเนื่องด้วยเดิมเมืองนี้เป็นเมืองลูกหลวงมาก่อน เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงให้ใช้คำว่า "นคร" หรืออีกนัยหนึ่งคำว่า "นคร" นี้ อาจรักษาชื่อเมืองเดิมไว้ คือ "เมืองนครบุรีราชธานี" ส่วนคำว่า "พนม" อาจจะเนื่องด้วยจังหวัดนี้มีองค์พระธาตุพนมประดิษฐานอยู่หรืออาจจะเนื่องจากเดิมมีอาณาเขต ไกลไปถึงดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง คือบริเวณเมืองท่าแขก ซึ่งภูเขาสลับซับซ้อนมากกมาย ไปจนถึงดินแดนของประเทศเวียดนาม จึงใช้คำว่า "พนม" ซึ่งแปลว่า "ภูเขา"
ขอบคุณมากค่ะ
ศาสนาพุทธมาก่อนพราหมณ์นะในแถบนี้พรามณ๋มาแทรกตอนหลังคนถิ่นนี้นับถือผีก่อนนับถือพระพุทธศานาและสลับไปมาระหว่างพรามณ์ผีพุทธในปัจจุบันในสมัยพุทธกาลจังหวัดสระบุรีเป็นชายทะเลแล้วจะมีขอมหรือเขมรได้ไงมันอยู่ใต้ทะเลในสมัยนััน
ขอบคุณค่ะ
ถ่ายภุาบครั้งที่2เป็นพระธาตุอะไรสีทองด้านขวา
อุรังคธาตุ พระธาตุบรรจุกระดูกหน้าอกของพระอรหันต์
ຂໍຕຳນານ ທ້າວເຫຼົາຄຳແດ່
ขอบคุณค่ะ
ชนชาติ🇱🇦🙆
🇱🇦🙏🇹🇭
ขอบคุณมากค่ะ
ຕ້ອງອອກສຽງວ່າວັດພະບາດໂພນສັນເດີເຈົ້າບໍ່ແມ່ນໂພສັນ
เมืองอัจตปือ ในปัจุบรรน
นักข่าว ไม่ใช่ นักวิชาการ ไม่ใช่ นัก ประวัติศาสตร์ เพียงแต่ ทำหน้าที่ อ่านหนังสือ
เมืองรามลักอาจเป็นเมืองอัตปืในทุกวันนี้
ขอบคุณค่ะ.
น่อง.ตระกูลสีทองนาคเจ็ดกัวคือสืดำเป้นนาคแค่เฝ้าโบสไม่ใด้เข้าโบสเพราะตระกุลสีดำยังสกปรกชอบกินของเน่า
ขอบคุณค่ะ
มรุกขนคร คือ นครพนม
พระธาตุพนมสร้างใน พ.ศ.8 นี่ไม่ใช่ละ555
คนที่บูรณะพระธาตุพนมจนสูงใหญ่ ไม่ใช่อาณาจักรล้านช้างมาทำ แต่เป็นพระสงฆ์ที่มาจากอุบลฯมาบูรณะจนสูง เมื่อ100 กว่าปีก่อน
ขอบคุณมากเลยค่ะ
เค้าก้อบูรณะมาเป็นช่วงๆ หลายยุค
คณะสงฆ์เมืองอุบลนี่เองเป็นสาเหตุทำให้พระธาตุพนมพังทลายลง😟
@@panongkone แต่เป็นคณะสงฆ์อุบล เป็นผู้บูรณะสร้างธาตุพนมเป็นรูปโฉมปัจจุบัน และการถล้มของพระธาตุทำให้ได้พบพระธาตุว่ามตอยู่จริง และงานโบราณคดีทำให้ทราบว่าพระธาตุเคยเป็นปราสาทเทวสถานของชาวจาม .....มีเรื่องเล่าหลวงปู่เสาร์ท่านธุดงค์ผ่านธาตุพนมขณะมีการบูรณ์ ท่านว่าเห็นมีลูกไฟเท่าผลส้ม ลอยออกมาจากองค์ธาตุ และลอยข้ามฝั่งลาวไป
@@rajamani8509
เขารู้กันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้วคุณ พระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์และราษฎรชาวล้านช้างถึงให้ความสำคัญ บูรณะดูแลรักษาพระธาตุพนมเรื่อยมา ตลอดช่วงหลายร้อยปีก็ไม่มีปัญหา....
เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคณะสงฆ์เมืองอุบลไปบูรณะผิดรูปผิดแบบ ทำให้พระธาตุล้ม นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ลิงค์ข้างล่าง คุณสามารถดูภาพวาดของพระธาตุพนมต้นฉบับแบบล้านช้างจากบันทึกของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส Louis Delaporte มาดูสิ...สวยงามมาก เห็นแล้วน่าเสียดายจริงๆ
today.line.me/th/v2/article/8q2o0E
ไทยลาวคือเผ่าพันธุ์เดียวกันโดนพรากโดยการเมืองแต่ละสมัยผ่านมาเนิ่นนาน
ขอบคุณมากค่ะ
ຂອບໃຈທີ່ມາເລົ່າໃຫ້ຟັງ
ขอบคุณมากค่ะ