ลูกศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำเถียงกับลูกศิษย์พุทธวจนต่อหน้าหลวงตาวันนี้่
Vložit
- čas přidán 24. 02. 2024
- [Live] ถ่ายทอดสดคลิปธรรมะคุณภาพระดับ FHD จากช่องยูทูป "พระสิ้นคิด"
ส่งคำถามสดๆได้ในเวลา 6 โมง 8 โมง 1ทุ่ม 2ทุ่มและ3ทุ่ม ทุกวัน
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
/ @prasinkid
เลขบัญชีสำหรับทำบุญและทานกับท่านหลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม
ธ.กรุงไทย 660-7-29192-9 พระสินทรัพย์ สีรัง
วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ. อุบลราชธานี
(ถ้ายังลังเลสงสัยอย่าเพิ่งทำ ถ้าพร้อมจะสละเพื่อจาคะแล้วค่อยทำ)
ติดต่อแอดมิน 083-929-1932 หรือ Facebook : น็อต เด็กวัดป่าละเมาะ
ผมลูกศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อจรัญ หลวงตาม้า ผมไม่ยึดพระสูตร ยึดศีล5ก่อนอันดับแรก แล้วทำตามคำสอนของครูอาจารย์เพราะเชื่อสนิทใจว่าพวกท่านของจริง แล้วไม่ยุ่งไม่โจมตีกับสายอื่น เพราะเชื่อว่าทุกคนมาทางนี้ก็ต้องใฝ่ดีอยู่แล้ว
ต้องพิสูจน์ก่อนฟังแล้วหลงธรรมะยึดมั่นธรรม
ใช่ครับ สาธุ
พ่อแม่ครูบาอาจารย์ มิได้มุ่งมาเพื่อโจมตีใคร เป็นแต่เพียงลูกศิษย์ลูกหา ที่มาโจมตีกัน
หลวงพ่อไปเกิดที่ไหนครับ.
กรรมนิโรธ คือ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิ-สัมมาสังกัปปะ/สัมมาสังกัปปะ-สัมมาวาจา/สัมมาวาจา-สัมมากัมมันตะ/สัมมากัมมันตะ-สัมมาอาชีวะ/สัมมาอาชีวะ-สัมมาวายามะ/สัมมาวายามะ-สัมมาสติ/สัมมาสติ-สัมมาสมาธิ/สัมมาสมาธิ-ปัญญา เป็นปัญญาฌาน4สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญาฌาน4สัมมาสังกัปปะ อริยมรรคมีองค์แปด เป็น ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ กรรมนิโรธ มีเพียง อริยมรรคมีองค์แปด เท่านั้นคะ
พุทธวจน ตถาคตภาษิต พระพุทธเจ้าท่านเป็นพระศาสดา คือ เป็นผู้บัญญัติคำสอน พระพุทธเจ้าท่านให้ใช้ พระธรรม พระธรรมวินัย เป็น พระศาสดา แทนพระองค์ คำสอนของพระพุทธเจ้า ตถาคตภาษิต คือ พระศาสดา นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองคะ ทำให้รู้ว่าเป็น ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด เป็น ตถาคตภาษิต เพราะ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาวาจา มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิ-สัมมาสังกัปปะ/สัมมาสังกัปปะ-สัมมาวาจา/สัมมาวาจา-สัมมากัมมันตะ/สัมมากัมมันตะ-สัมมาอาชีวะ/สัมมาอาชีวะ-สัมมาวายามะ/สัมมาวายามะ-สัมมาสติ/สัมมาสติ-สัมมาสมาธิ/สัมมาสมาธิ-ปัญญา/ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ การเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ และ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ ทำให้เห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ถ้าอริยมรรคมีองค์แปดไม่เกิดปรากฏขึ้นมา ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ และ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ ก็จะไม่เกิดปรากฏขึ้นตามมานั่นเองคะ
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนลูกศิษย์ว่า "ให้เตือนตนอย่าสนใจ จริยาของบุคคลอื่น"
พุทธวจนะก็ดี คำสอนของครูบาอาจารย์ก็ดี สุดท้ายก็คือ "การปฏิบัติแล้วรู้เห็นด้วยตนเอง"
สุดท้ายเอา โลภ โกรธ หลง เป็นตัววัด กำลังของใจ
พระพุทธเจ้าท่านสอน "การดับทุกข์" ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านก็สอนตามพระพุทธเจ้า
แต่ลีลาการสอนไม่เหมือนกัน
เห็นด้วยทุกประการครับ
เถียงกันเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเอาพระพุทธเจ้ามาเปลี่ยนให้ไงสาวกรู้ตามเห็นตามพระพุทธเจ้าจึงบอกต่อกันมาแบบนี้ไม่เอาตัวเองไปเสมอกับพระพุทธเจ้าคำว่าพระพุทธเจ้าสอบแบบนี้ครูบาอาจารย์สอนแบบนี้มันใช้คำนี้ไม่ใด้เป็นตีตัวเสมอท่านครูบาอาจารย์ก็เป็นสาวกพระพุทธเจ้าเพราะเรียนมาจากพระไตรปิฎกฉบับเดียวกันครูบาอาจารย์ท่านไม่ใด้ยกตนเทียบพระพุทธเจ้าแต่ลูกศิษย์ท่านนี้ร้ายนักแลเห็นผิดจึงมาทะเลาะกัน
@@user-xd3pm2zk8eคุณก็ทะเลอะดูตัวเองด้วย😂😂😂
หมอ คนฆ่าสัตว์ เขาไม่ได้ใช้การพิจารณาเพื่อเข้าถึงธรรมะไง เขาสักแต่ทำเพื่ออาชีพ ไม่ได้พิจารณาเป็นธรรมไงล่ะ ไม่ได้พิจารณาอวัยะภายในว่าเป็นของเน่าเสีย ตายไปก็นำไปไม่ได้ ..ไม่ควรเทียบ แค่เพียงตื้นๆ แบบนี้เลย
ส่วนการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติจิต ควรปฏิบัติตามจริตของผู้นั้น จิตที่เขาคุ้นชินตามจริตนั้น จะเข้าใจในวิธีปฏิบัติแบบนั่นได้ง่าย และจิตจะพัฒนาได้ไว ไม่เช่นนั้นในสมัยพุทธกาล มีภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรของนายช่างทอง ปฏิบัติอสุภะกรรมฐานตลอด 4 เดือน ทำอย่างไรก็ไม่เข้าถึงธรรม สุดท้ายจึงนำเรื่องกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าให้ภิกษุท่านนั้นปฏิบัติด้วยการเพ่งกสินสีแดง (โลหิตกํ) ..จิตของภิกษุท่านนั้นก็เข้าถึงธรรม
ใครใคร่ปฏิบัติแบบใด ที่จิตสบาย ถูกจริต ก็ปฏิบัติเถิด ขอให้เป็นสัมมาสมาธิ ก่อให้เกิดสัมมาสติ สัมมาปัญญากับตน ศีลดีขึ้น มีหิริโอตัปปะมากขึ้น แบบนั้นดีกว่าการไม่โจมตีวิธีของผู้อื่น
อ้างอิงข้อมูลธรรมะจาก:
bhuritatta.blogspot.com/2017/08/blog-post_58.html?m=1
และ กรณีของบั้งไฟพญานาค ถ้าใครไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสด้วยตนเองจริงๆ ไม่ควรปรามาสว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง
บั้งไฟพญานาค ถ้าเขาต้องการแสดงการบูชาคุณของพระพุทธเจ้า บั้งไฟนั้นผุดขึ้นมาจากดินยังได้เลย เป็นดวงกลมสีส้มเหมือนดวงไฟ ขึ้นเรียงกันทีะลูก เป็นแถวๆ เว้นระยะต่อกันขึ้นไปอย่างสวยงามเรียบร้อย เมื่อขึ้นไประดับหนึ่ง จะดับวูบไปโดยไร้ควันไร้กลิ่น ไม่ได้เหมือนกับพวกดินปะสิวอย่างที่กล่าวกัน
ถ้าไม่เคยเห็นจริง อย่างปรามาส สิ่งที่ไม่เคยเห็นเลย ภพภูมิที่ตนไม่เคยเห็นไม่ได้แปลว่า ไม่มีอยู่จริงหรอกหนา
คนที่มานั่งเถียงกัน คือคนที่ยึดแต่ตำรา ใช้สัญญาความจำมาพูดกัน ถ้าคนที่ปฏิติจริง รู้ถึงจริงแล้ว จะไม่ต้องมาสงสัย ไม่ต้องมาเถียงกับใคร
ผู้ถึงธรรม จะไม่ถกเถียงธรรม
เพราะหมดเรื่องราว หมดความสิ้นสงสัยในธรรม☺️
สำรวมกายวาจาใจยังไม่ได้เลยศิลจะถือครบเหรอ
คุณอ้างแต่การปฏิบัติจริง การปฏิบัติตริง ขอถามหน่อยว่า คุณปฏบัติยังไงครั!? ถ้าคุณไม่มีทฤษฏีไม่มีปริยัติ(ตำรา)ให้ปฏิบัติตาม!?
เช่น การเจริญภาวานา ในแบบของคุณ คุณลองเล่ามาซิครับ (การเล่าออกมานั่นแหละคือทฤษฏี-คือตำรา-คือปริยัติ!)
เห็นด้วยครับ
@@user-ub3ts9mh5x ก็ผู้ถกเถียงกันในคลิปนั้นมีแต่ทฤษฎี ไม่ปฏิบัติก็ไม่เห็นผลไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง จำแนกด้วยตนไม่ได้ เทียบกับผู้ที่รู้ทั้งทฤษฎีทั้งปฏิบัติซึ่งสามารถจำแนกวาจาผู้อื่นจริงเท็จได้ในตน เทียบกับผู้ที่ปฏิบัติแต่ไม่รู้ทฤษฎีซึ่งสามารถจำแแนกวาจาผู้อื่นจริงเท็จได้ในตน พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญผู้ลงมือทำจริง ลงมือทำจริงย่อมเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่ารู้แต่ในตำรา เหมือนที่ต้นคอมเมนท์กล่าวเอาไว้ ถ้าปฏิบัติจริงจะไม่ใคร่สงสัยในธรรม
รู้แค่ว่า หลวงพ่อ ฤาษี ของจริง ก็พอครับ คำสอนของท่าน เชื่อถือได้
หลวงปู่หลวงพ่อล้วนของจริงมากมายครับเหลือเราๆท่านๆนี้แหละจะเอาจริงเอาจังกับการปฏิบิติภาวนากันมากน้อยแค่ไหนวันๆหนึ่งโลภโกรธหลงเกิดกี่ครั้งรู้ทันกี่ครั้งไหลตามอารมณ์กี่ครั้งรู้ทันกับไหลตามอันไหนมากกว่ากันเพียรดูจิตดูใจเรานั้นแหละของจริงครับ
หลวงพ่อหลวงปู่ท่านปฏิบัติจริงจังถ้าเรานับถือท่านแต่ถ้าไม่จริงจังกับการปฏิบัติท่านก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ครับ
@@user-qk2ey5lp6z พระศาสดาเป็นผู้ชี้ทางบองทางแต่ถ้าเราไม่เชื่อไม่ดำเนินตามก็ไม่มีใครช่วยได้ครับ
ธรรมชาติธรรมะจากหลวงตาสิ้นคิด สาธุๆเจ้าค่ะ🙏
อย่าลืมหลักกาลามสูตร อย่าเชื่อใครแม้ท่านเป็นครูบาอาจารย์ เราต้องทำเองแล้วเราจะรู้เอง กลับมาอยู่กับตัวเอง ดูแต่ตัวเอง ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
หิวข้าว ต้องทานเอง
ถึงจะอิ่ม จะรับรู้รสแท้จริง☺️
อย่าคิดว่าไข่ปลาคาเวียร์ที่มีราคาแพงจะเลิศรส จนกว่าจะได้ลิ้มชิมรสด้วยลิ้นท่านเอง (เดี๋ยวรู้เลย) 😂😂😂
สาธุ!ครับ
คุณเป็นชาวกาลามะหรือครับ
ฟังง่าย ได้แง่คิด ได้ปัญญา ปฎิบัติได้จริง กราบสาธุครับหลวงตา
เชื่อและปฏิบัติอย่างนี้ครับ 1.นึกถึงความตายทุกลมหายใจ 2.เชื่อศรัทธาใน พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ 3.ปฏิบัติศีล5และกุศลกรรมบท10ประการให้บริสุทธ ***ขอ้ที่ 3 ทำยาก แต่อย่างน้อย ทุกๆวันพระจะต้องได้ตลอด 24 ชม. (ลพ.สอนว่า ถ้าเรายังคิดว่าคนอื่นไม่ดี เรานั้นแหล่ะ ยังไม่ดี)
สาธุคะ
สาธุ. เป็นเพราะหนทางมีหลายๆทางให้เดิน ถึงจุดหมายเหมือนกัน บ้างก็หลงทางไปเลย บ้างก้อต้องเดินไกลกว่าเดิม การเลือกเดินถูกทาง ถูกวิธีถูกจริต ตามที่ครูบาอาจารย์สาธยายธรรม สั่งสอน บวกกับกุศลบุญเก่าที่เคยฝึกปฏิบัติมาเมื่อครั้งอดีต.สาธุ สาธุ สาธุ 🙏🙏🙏 ยึดหลัก มัชฌืมาปฏิปทา ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้..
มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สัมมาสมาธิ เป็นธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ แบบนี้ตรงทางชัวคะ
คำสอนใด สามารถ ดับทุกข์ได้ คำสอนนั้นถูกต้อง คำสอนของพระพุทธองค์ ต้องทนต่อการพิสูจน์ ไม่จำกัดการเวลา ท้าทายให้มาดู คำสอนใด ไม่เป็นไปเพื่อ ความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ชี้ให้เห็นทุกข์โทษ ประโยชน์ และมิใช่ประโยชน์ คำสอนนั้นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธองค์ พระองค์ทรงสอนเรื่อง ทุกข์ และ ความพ้นทุกข์ อย่างเดียว ไม่ทรงสอนอย่างอื่น ความรู้ของพระองค์ เปลียบเหมือน ใบไม้ทั้งป่า แต่ทรงสอน เพียงกำมือเดียว คือ ความพ้นทุกข์ ❤ 🎉 13:21
คำสอนพระพุทธเจ้าหัวใจอยู่ที่ต้องการให้พน้ทุกข์ก็จริง แต่ก็มีสว่นอื่นที่ใช้ในการครองเรือน ของคนธรรมดา ใช้ในการปกครองก็มี ใช้ในการดำเนินชีวิตทางโลกให้ไม่ลงอบายภูมิก็มี แล้วแต่กำลัง ของคน คนที่ชอบพูดว่าคำสอนพุทธเจ้า ต้องแบบนี้เท่านั้น พวกนี้ส่วน เถรใบรลานปล่าว เอะอะยึดตำรา และยึดตำรา ก็อ่านไม่เข้าใจบริบทของจุดประสงค์โดยรวมทั้งหมดด้วยนะ เอาแต่บ้างตอนมาตีความตามความคิดตัวเอง นี้แกละเขาถึงบอกว่าอันตรายถ้าอ่านศึกษาเอง โดยไม่มีครูอาจารย์ที่ทำได้ มันตีความตามใจตัวเองทั้งนั้น กับดัก ของตำรา มันเป็นแบบนี้
ถูกครับแต่ถูกไม่หมดพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแค่พ้นทุกอย่างเดียวท่านสอนธรรมอื่นๆด้วยอย่างคิหิปฏิบัติของฆราวาสด้วยสอนผัวสอนเมียสอนพระราชาสอนลูกท่านมีครบตั้งแต่อนุบาลถึงอรหัตผลตามกำลังใจของคน
ชัดเจนแล้วครับหลวงตา 🙏🙏🙏 ธรรมมะคือสัจธรรม หากยังสงสัยอยู่แสดงว่ายังไม่เห็นธรรม อุเบกขาคือหยุดคิด หยุดสงสัย หากยังมีการตัดสินอยู่ แสดงว่ายังเข้าไม่ถึง สาธุ 🙏🙏🙏
พุทธวจนคำหนึ่งพึงสิ้นสงสัยนำมาใช้เป็นแนวทางวิถีไป
@@user-vy1qc3xo4uสาธุ😊
สาธุ😊
ศีล 5 สำคัญสุด
จากนั้นเป็นสังโยชน์ 3
แล้วเป็นมโนมยิทธิครึ่งกำลัง
นิวรณ์ 5
ฌานแปด
มโนมยิทธิเต็มกำลัง
สังโยชน์ 10
วิปัสสนาทั้ง 9
สำคัญสุดคือร่างกายไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย
#แก้โลกไม่มีที่สิ้นสุด แก้ใจเป็นสิ้นสุดได้
ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่นำมาจากพระพุทธเจ้า มีขั้นมีตอน เป้าหมายเพื่อนิพพาน พ้นทุกข์ ตามรอยคำสอนพระพุทธเจ้า
เพิ่มเติม สอนเรื่องศีล 8 บวกกับคู่กรรมบท 10 อีก สอนเรื่องพรหมวิหาร 4 อริยสัจ 4 สังควัตถุ 4
กสิน อีกมากมายที่ท่านสอน
เด็กน้อยอ่านท่องมามันก็รู้!!!ใครไม่รู้บ้างวะ! รู้แต่ดับทุกข์ไม่ได้ก็หมาเต็มทน!!!
ถูกครับ ทางไปนิพพานมี 40 ทาง กรรมฐาน 40 ทางไปแคบมาก ขอให้ทุกคนไปได้ครับ ผมจะตามไปในอีกยุค
สาธุๆ อริยสัจสี่ มรรคมีองค์8
@@user-qi8bt4jr3q ธรรมะของพระองค์ไม่ให้ท่องจำ เน้นปฏิบัติครับ สาธุ
แนะนำท่านผู้มีศรัทธาทุกท่าน ฟังเทศน์ครูบาอินทร ปัญญาวัฑฒโน วัดสันป่ายางหลวง เข้าถึงใจซาบซึ้งใจครับ
พุทธวจน คือ ถูกต้องที่สุดครับ🙏🙏🙏🙏
ใช่ครับ...เราถือแผนที่ไปนิพพานถูก...สายอื่นก็แล้วแต่...😂😂😂😂😂😂
น้อมกราบหลวงตาสาธุเจ้าค่ะ
สาธุค่ะน้อมกราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ🙏🙏🙏🕯️💐💐💐🕯️ขออนุโมทนาบุญกับการเผยแผ่ธรรมทานด้วยค่ะสาธุๆๆ🙏🙏🙏😊
สาธุครับ
พระพุทธองค์สอนสิ่งใดทำสิ่งนั้น ห้ามสิ่งใด เว้นสิ่งนั้น อย่างมงาย และเรื่อยเปื่อย ก็พอครับ
ยังไง...ก้อมีข้อบังคับไม่ให้พระฉันข้าวเย็นนะครับหลวงตา เป็นข้อบังคับที่มีมานานแล้ว เราอย่ามาเปลี่ยนแปลงเลยครับ
@Piyadech หลวงตาไม่เคยสอนให้ฉันเย็นนะครับ ที่เห็นใน้เน็ตเขาตัดไปไม่จบ คนที่ไม่เคยดูคลิปต้นฉบับก็จะเข้าใจไปแบบนั้น (คลิปต้นฉบับมีในช่องนี้ครับ)
@@Piyadechมึงก็โง่จริงๆ!!! หลวงตาไม่เคยสอนให้พระฉันข้าวเย็นนะ! มีคนถามท่าน ท่านก็พูดตั้งแต่ก่อนเกิดวินัยข้อนี้ พูดถึงต้นเหตุ ถูกอย่างมันมีเหตุและผล ค่อยมีเกิดพระวินัยขึ้น!!!ฟังคลิปสั้นตัดต่อยังเอามาเม้น!ปัญญาอ่อนจริงๆ!!!
@@Piyadechมึงต้องหาดูคลิปเต็นนะ!ปัญญาอ่อนนะไปฟังคลิปสั้นตัดต่อแล้วมาแสดงออกแบบนี้!!!
@@PRASINKID คริปตัดต่อแกล้งกันได้ ครับหลวงตา
กราบนมัสการค่ะหลวงตา
โดยส่วนตัวเราอยากขอเป็นลูก-พุทธบุตรดีที่สุด เดินตามรอยพระองค์ท่าน
พุทธวจน แปล ว่าธรรมมะจากพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้า พระตถาคต
ไม่ได้รับรู้จากพระโอษแอบอ้างอะไรนั้น,,ธรรมมธง่ายๆเปีรยบเปรยง่ายดีกว่ามาใช้ตรรกะยุางยากเข้าใจยาก,,,พระเทวทัตมาเกิด
สาธุ ครับ
คำภาวนา "พุทโธ" เป็นคำใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดเพี้ยนประการใด
ส่วนอานาปานสติ เป็นมรรควิธีดั้งเดิมต้นตอจากพระพุทธองค์
สาธุ😊
ด้วยความเคารพครับ หลวงตาสับสนเรื่อง2อาจารย์กับอาจารย์ทั้งหก พระพุทธเจ้าไปเรียนกับอาฬารดาสกับอุทกดาบส ไม่ได้ไปหา6อาจารย์แต่อย่างใดหกอาจารย์นั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิเช่นโมคคัลลาสารีบุตไปเรียนกับสัญชัยเป็นต้น
ไปหาเหมือนกันครับ
เหตุที่ไปหาคือ ในยุคนั้นเขาถือว่าใครไปหาถือว่าอ่อนด้อยกว่า แต่ พระพุทธเจ้าของเราไปหาเพราะต้องการ บ่มเชื้อกระแสแห่งพุทธ ให้กับเจ้าลัทธินั้นๆ
การเข้าไปหา ผู้มาย่อมต้องได้รับการต้อนรับ และทักทายปราศัย ถามสารทุกสุกดิบของกันและกันเป็นธรรมเนียม หลังจากนั้น ถามถึงการปฏิบัตของ ลัทธิว่า ใครปฏิบัติอย่างไร ผลเป็นอย่างไร แล้วก็จากลากัน
เหตุ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปนั้น ก็เพราะแสดงการปฏิบัฏิของในศาสนาเรา หวังว่า เมื่อเจ้าลัทธินั้นฟังแล้วรู้สึกชอบใจการปฏิบัติแม้ข้อใดข้อหนึ่ง แล้วนำไปสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาของตน
นั่นคือ การเพาะเชื้อกระแสแห่งพุท โดยเจ้าลัทธินั้นไม่รู้ตัว แม่ในยุคนั้นเจ้าลัทธิและสาวกจะไม่ได้อะไรก็ตาม แต่เมื่อเจ้าลัทธิและสาวกตายและมาเกิดใหม่ เขาจะมาเกิดในศาสนาพุททันที และจะเข้าใจในศาสนามากกว่าคนทั่วๆไป เหมือนสายหลวงพ่อนั้น หลวงพ่อนี้ ที่มีลูกศิษย์ นั้นก็มาจากอดีต คือกำลังศาสนา เช่นกัน
สาธุครับผม ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าวางอัตตาวางตำรามาปฏิบัติให้มากๆครับผม😊
พระพุทธเจ้าอยู่ในจิตของเรา พระธรรมอยู่ในจิตของเรา พระอริยะสงฆ์อยู่ในจิตของเรา จิตเป็นพุทธะ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จิตสงบระงับจากนิวรน์เป็นสมาธิ...สาธุ 😎😎😎
เรียนรู้ กรรมฐาน๕ อย่างรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง ให้ละเอียดย่อมบรรลุได้ตามลำดับ ❤❤❤❤ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ❤
ผมไม่อยากตามไปกับพระเทวทัศน์หรอกครับ ผมอยากไปกับหลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อสด ท่านพ่อลี ครับ
ประเสริฐนัก คุณมาถูกทางแล้ว ถ้าไปสายสิ้นคิด สายตายตัวเหลืองได้โซดาปั่นนี่ จบเห่ เสียเวลาอีกนานแน่ ๆ ครับ
เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ จะมีผู้ที่ฟังด้วยดี และ จะมีผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เหมือนพระเทวทัต ก็จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม มีกัลยาณมิตร เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต / เป็นผู้ที่ได้สดับ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี /เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็นธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ /เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เหมือนพระเทวทัต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ สักกายทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ วิจิกิจฉา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สังโยชน์ อวิชชา นั่นเองคะ
ผมเห็นด้วย+1
อย่าใช้ตรรกะบิดดเบียน
มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม มีศรัทธา ใน สาวกภาษิต ก็คือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ สาวกภาษิต คือ คิดเอง พูดเอง หรือ พูดตามคนอื่น ที่ไม่ใช่การพูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ สาวกภาษิต ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ ไม่มีธรรมที่เป็นเหตุ และ ไม่มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ นั่นเองคะ ยกตัวอย่าง ตถาคตภาษิต คือ อริยมรรคมีองค์แปด และ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ จะมีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลย ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองคะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้อย่างนี้คะ
1การสอนว่าพระไตรปิฎกไม่ได้เขียนโดยพระพุทธเจ้านั้น เป็นสัทธรรมปฏิรูปหรือไม่ เพราะหลักการแก่นคำสั่งสอนนั้น ท่านให้ยึดหลักสัทธรรม3 คือ 1 ปริยัติ คำสั่งสอนในพระไตรปิฎก 2 ปฏิบัติ ไตรสิกขาหรือสิกขา3 ศีล จิต ปัญญา ที่ปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎก จนกลายเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา 3 ปฏิเวธ ผลของการปฏิบัติ
การสะสมพลังจิตจนถึงฌาน4 ถึงจุดพลังอำนาจนั้น สามารถทำต่อไปได้ แบ่งเป็น2สาย สาย1 โลกียธรรมหรืออภิญญา6 มโนมยิทธิ แสดงฤทธิ์ได้ ตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ ล่วงรู้จิตใจคนอื่น สายโลกุตรธรรม วิปัสสนาญาณ อาสวักขยญาณ
เถียงกันเพราะรู้ไม่ครบ นำไปขึ้นศาล ผิดศาลเพราะตัดสินไม่ได้ อ้างว่าตัวบทกฎหมายผิด
เหมือนอาจารย์บางสำนักสอนว่า คำบริกรรม ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วที่พระพุทธเจ้าสอนพระโง่เขลาเบาปัญญา พระจูฬปันถกบริกรรม ระโชหะระณัง คำเดียว จนบรรลุอรหันต์และเป็นเอตทัคคะทางชำนาญในมโนมยิทธิ ถือว่าอาจารย์สำนักนั้นเป็นครูใช่ไหม เพราะผิดเป็นครู
กรรมฐาน40มาจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค แต่งโดยพระพุทธโฆษาจารย์ เพิ่มอนุสติ6 ในพระไตรปิฎก เป็นอนุสติ10
พระอาจารย์หลวงปู่มั่น ท่านสอนศิษย์ให้ยึดถือพระพุทธเจ้่าเป็นเนติ แบบอย่างแบบฉบับ ให้บริกรรมพุทโธหรือหายใจเข้าพุทหายใจออกโธ เมื่อจิตทิ้งคำบริกรรมพุทโธ ให้ตามระลึกรู้ลมหายใจต่อไป โดยท่านเรียนรู้มาจากสมเด็จพระญาณสังวร สังฆราชสุก วัดพลับ ถ่ายทอดกันมา
ชาวพุทธต้องยึดหลักสัทธรรม3และสิกขา3 ในพระไตรปิฎก จะได้ไม่หลงทางเข้าสู่นิพพาน
เป็นสัทธรรมปฏิรูปตั้งแต่เริ่มเขียนพระไตรปิฎกนั้นแหละ!!! พระองค์ไม่ได้เขียน พระองค์ไม่ได้สร้างขึ้นมา! ไม่ใช่คําพูดของพระองค์เองทั้งหมดเป็นการแต่งขึ้นเองเยอะเกิน!!!
ยึดสัทธรรม555 พระองค์สอนให้ยึดเหรอ!แหม!!!เด็กไปท่องเอามันก็รู้!รู้ยึด ดับทุกข์ไม่ได้ก็หมาอยู่ดี!!!ยึดห่าทําไม!!!
@@หมาเหงา
ชาวอิสลาม เชื่อถือและศรัทธาในคัมภีร์กุรอ่านอย่างสู😊งสุด
ชาวคริสต์ เชื่อถือและศรัทธาในคัมภีร์ไบเบิลอย่างยิ่ง
ชาวพุทธ เชื่อถือและศรัทธา ตามระดับปัญญาของแต่ละบุคคล แตกต่างกันไป
ความเชื่อ คู่กับ ความงมงาย คือ ไร้ปัญญา
ศรัทธา คู่กับ ปัญญา
พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ในพระไตรปิฏกว่า คนมีปัญญาต้องมีองค์3 คือ
ปัญญาที่เกิดจากความคิดชอบ ไม่ใช่ปัญญาที่เกิดจากความชอบคิด
ปัญญาที่เกิดจากความรู้ชอบ ไม่ใช่ปัญญาที่เกิดจากความชอบรู้ เช่น ความรู้ประวัติและความเป็นมาของพระไตรปิฎก ก็ควรจะเข้าไปค้นคว้าหาความจริง ซึ่งมีหนึ่งเดียว เช่น จากท่านปอ. ปยุตโต ในยูทูป “พระไตรปิฏกสืบทอดกันมาอย่างไร ผิดเพี้ยนหรือไม่?”
ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติบำเพ็ญชอบ หรือทำชอบ ไม่ใช่ชอบธรรม เช่น สิกขา3หรือไตรสิกขา ได้แก่ ศีล จิต ปัญญา
พระพุทธเจ้าฝากพระศาสนาไว้ให้พุทธบริษัทช่วยกันรักษา โดยวางหลักการไว้คือสัทธรรม3 ได้แก่ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ และ สิกขา3 ได้แก่ ศีล จิต ปัญญา ทั้งนี้อยู่ในพระไตรปิฎก ที่ชาวพุทธ-คนไทย ควรจะเข้าใจและเข้าไปศึกษาครับ
คำสอนใดๆที่ปฏิบัติตามแล้ว ละกิเลสตัณหาอุปาทานได้ เข้าถึงความตื่นรู้เบิกบาน คำสอนนั้นควรยึดถือปฏิบัติ คนบนโลกมีหลากหลายจริต ท่านจัดแนวปฏิบัติไว้ให้เหมาะแก่จริตนั้นๆ เหมือนยาบางชนิดรักษาได้สำหรับบางคน การสร้างบาระมีของผู้คนบนโลก ไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้นบุคคลจึงถูกแบ่งไว้ ๔ เหล่า บางคนที่ไม่อาจสอนได้ แม้จะเกิดทันยุคพระพุทธเจ้าแท้ๆ ก็ไม่เห็นธรรม และบรรลุมรรค ผลกับเขาเลย
สร้างบาระมีต่อไป ลองผิดลองถูก จนกว่าจะได้ที่ คนที่เขาบารมีเต็ม แคฟังบทเดียวก็ประจักษ์แจ้งในธรรม เหมือนท่านพาหิยะ สาธุในธรรมครับ
คนที่รู้จริงมีอยู่ครับคนไง่มักคิเว่าตัวเองฉลาดการภาวนาสีแดงของลูกขายนายช่างทองท่านก็ได้ถึงอรหันต์คนที่ค้านคำภาวนากับลมหายใจคือคนโง่ไม่รอบครอบไม่รู้จริงรู้ไม่ครบอย่างกสินสิบต้องมีคำภาวนาในกสินกองนั้น
วันนี้ หลวงตา พูดดีมาก...ตอบได้ตรงมาก
จ้าสาธุ😊❤
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เชื่อตราบใดที่ตนยังไม่ได้รู้เเจ้งเห็นจริง สิ่งเดียวที่จะตอบเราได้คือสภาวะที่เกิดขึ้นกับใจของตัวเราเอง ครับ
จ้า❤😊
ถูกต้องนะคร๊าบ..คุณได้ไปต่อ👉
"ปั ต จั ต ตั ง"
น้อมกราบ หลวงตา ด้วยความเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ...
หลวงตาเดินตามรอยของพระพุทธเจ้าด้วยอานาปานุสติ .. ทำให้หลวงตาภาคภูมิใจมาก .. โยมก็ขอชื่นชมหลวงตาเจ้าค่ะ ..ขออนุโมทนาบุญกับหลวงตาด้วยเจ้าค่ะ ...
ความเห็นส่วนตัว
เมื่อใช้คำใหม่ความหมายเดิมหรือคำเดิมความหมายใหม่ ของแต่ละคนไม่เหมือนกันจะสร้างความสับสนและไม่สามารถอธิบายธรรมชั้นลึกได้ จึงควรยึดเอาหลักของคำพระพุทธเจ้าโดยตรงจะดีที่สุดและสามารถรักษาคำสอนไม่ให้ผิดเพี้ยนไม่ขัดแย้งกันในภายหลังได้ ผู้ปฏิบัติวิปัสนาลึกซึ้งแล้วจะยอมรอบสิ่งนี้เพราะเข้าใจความละเอียดในการที่ตนปฏิบัติ บางคนก็ปฏิบัติได้แต่จำแนกหรืออธิบายไม่ได้ บางเรื่องเป็นพุทธปัญญา พุทธวิสัย
สาธุสาธุสาธุ ความคิดแก้ความคิดไม่จบหรอกจะปรุงจะแต่งไปเรื่อยๆ ตามความเข้าใจผมน่ะครับ
🙏🙏🙏กราบนมัสการครับหลวงตา
สาธุ😊
สาธุธรรมครับ
สาธุ เคลียร์มากครับ
ผมพุทธวจนะ ครับ
น้อมกราบโอวาทธรรมองค์หลวงตา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
สาธุครับ
จับ ลม หายใจตน คือ ยอด ของ ..กรรมฐาน....ครับ...กราบ
น้อมกราบหลวงตา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
น้อมกราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ🙏🙏🙏🌷
กราบกราบสาธุสาธุ🙏🙏🙏❤️❤️
น้อมกราบสาธุๆๆครับผม
สาธุสาธุครับผม
นอ้มกราบสาธุค่ะ
สาธุๆๆคับ
น้อมกราบหลวงตาเจ้าค่ะ
สาธุสาธุสาธุ รักหลวงพ่อมากๆๆ
ธรรมะลงใจจนน้ำตาไหล สาธุ สาธุ สาธุ
กราบนมัสการค่ะหลวงตาค่ะ/สาธุๆ
กราบสาธุธรรมหลวงตาๆมาสอนถูกยุค..ราคะหนักแรง โทสะแรง โมหะหนัก กิเลสล้นหัวคน ลูกกราบสาธุๆๆ
"ถ้าจะทะเละกันไม่ต้องเรียนมาก็ได้" กราบหลวงตาครับ
สาธุผม
ผมเชื่อกฎธรรมชาติครับ กฏธรรมชาติมีหนึ่งเดียว ไม่มีกฎอื่น และพระพุทธเจ้าก็ค้นพบกฎนั้น และมาเล่าให้มวลมนุษยชาติได้รู้จัก หลังจากที่พระองค์ได้ปรินิพพานแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว เหลือแต่ประวัติของพระองค์ คำสอน คำบอกเล่าของพระองค์ แต่กฎธรรมชาติก็ยังอยู่คู่กับจักวาลตลอดไป คำสอนที่บอกต่อกันมาสองพันกว่าปี ย่อมมีผิดเพี้ยนบ้าง ไม่ตรงเป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ฉะนั้น ทุกวันนี้ ผมจะให้น้ำหนักไปทางพระที่ผ่านการปฏิบัติด้วยตนเอง และมาเล่าให้ญาติโยมฟัง ซึ่งแต่ละสำนัก ก็ไม่แตกต่างอะไรเลย คำสอน ไปในทิศทางอันเดียวกัน ไม่มีขัดแย้งกันหรอก โดยเฉพาะเรื่องศีล ไม่ต้องถกเถียงกัน เพราะในสมัยพุทธกาล คนที่บรรลุธรรม ไม่เห็นต้องบวชและรักษาศีลให้ครบก่อนแล้วค่อยบรรลุธรรม กฎเกณฑ์พึ่งจะมีภายหลัง
สาธุๆๆ
สาธุ🙏🙏🙏
กราบสาธุค่ะ
พุทโธ จริงๆแล้วก็คือ อานาปานสติ แต่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่าน นำมาเป็นอุบาย ในการทำอานาปานสติ เพื่อให้ง่าย ก็คือ พุท เกาะแนบกับลมหายใจเข้า โธ เกาะแนบกับลมหายใจออก แต่ใครจะถนัด แบบ ดูลมอย่างเดียว ทำได้เลย
อานาปา จิตต้องอยู่กับกาย ถ้าจิตไปเกาะที่ พุธโธ จิตก็ไป้กาะที่สัญญาแทนสิครับ แล้วจะเป็นอานาปาได้อย่างไร
@@EV0_Xครับ เอาตามที่คุณสบายใจ ส่วนผมมีคำบริกรรม ผมสวดมนต์ ไหว้พระพุทธรูป ห้อยพระ เลื้อมใสในพระเกจิ หลวงปู่หลวงตา ปฎิบัติตาม ครับ เราไม่ว่ากัน คุณไปตามทางคุณ ไม่มาเซะ มาว่ากัน นะ
@@EV0_X เก่งกันจริงๆ เห็นแล้ว ขำ 5555😁
@@EV0_Xเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ การเจริญอานาปานสติ คือ การละนันทิ นั่นเองคะ ละนันทิ ใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร นั่นเองคะ เริ่มละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น ละนันทิใน เวทนาอุเบกขา และ ละนันทิใน สัญญา และ รูป ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เจริญอานาปานสติ คือ การรับรู้ลมหายใจเข้าออก นั่นเองคะ ละนันทิ ใน สัญญา คือ การทิ้งความคิดแล้วกลับมารับรู้ลมหายใจเข้าออกนั่นเองคะ เมื่อละนันทิจิตหลุดพ้น ก็จะเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ ก็จะทำให้รู้ว่าเดินมาถูกทางแล้วนั่นเองคะ
@@tt-music3928สัจจะความจริงมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เข้ามารู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม อริยมรรคมีองค์แปด เป็น ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สัมมาสมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ปัญญา พระพุทธเจ้าบอกว่า อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็นปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือ รู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ สัจจะความจริง คือ ต้องมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต เท่านั้น อริยมรรคมีองค์แปด ถึงจะเกิดปรากฏขึ้น ตำหนิผู้ที่นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ ตำหนิ ตถาคตภาษิต นั่นเอง ก็คือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น นั่นเองคะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ สักกายทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ วิจิกิจฉา เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สังโยชน์ อวิชชา นั่นเองคะ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ ทำให้รู้ว่า ยังมีพิษสงอยู่นั่นเองคะ
นมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ
กราบสาธุครับ
หลวงตาสุดยอดมาก คำถามหยั่งภมู ท่านตอบเลย ไม่รู้ ท่านบวชมาตั้งเท่าไหร่ธุดงมาตั้งเท่าไหร่
อนุโมทนาสาธุ
ขอแสดงความคิดเห็นแบบคนไม่รู้ สมเด็จองค์ปฐม บอกแนวทางให้เรียนรู้ตัวเอง เข้าใจในตัวเอง อะไรคือ รัก โลภ โกรธ หลง เข้าใจในอารมณ์ เข้าใจในตนเอง เรียนรู้การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ มาด้วยธรรมชาติ เรียนรู้ทำความเข้าใจกับตัวเอง แล้วก็จากไปอย่างธรรมชาติ หากผู้ใดรู้แจ้งแล้ว จะไม่พูด ไม่สอน ก็กระไรอยู่ จึงสอนแต่พอรู้ จึงพูดแต่พอควร สุดท้ายแล้วก็ขอให้ พุทธศาสนิกชน ทุกๆท่านมี อายุ วรรณะ สุขะ พะละ จากผู้ไม่รู้ แต่ตื่นรู้ทุกขณะ
ได้ฟัง ข้อธรรมหลวงตาวันนี้แจ่มแจ้งเข้าหลักความเป็นจริง น้อมกราบขอบพระคุณหลวงตาเจ้าค่ะและกราบอนุโมทนาสาธุกับหลวงตาเจ้าค่ะสาธุ🙏🙏🙏
สาธุหลวงตาคับ
ผมศิษย์ลพ.ฤาษีลิงดำ ไม่เถียงกับใครครับ หลวงพ่อสอนเข้าใจง่าย มีเหตุผลที่คิดเองตามได้ ผมมั่นใจและศรัทธาในพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะพระเกจิจากภาคไหน ผมเกิดไม่ทันลป.มั่น แต่ทันกราบลป.ฝั้น ลป.ขาว และหลาย ลต. /ลป. ส่วนพุทธวจนไม่ใช่สายผม เกรงจะเป็นเถรใยลานเปล่า ผมเน้นปฏิบัติตามพ่อแม่ครูอาจารย์ครับ
ฤาษีลิงดำสอนแค่ปาฏิหาริย์ให้คนงงมงาย
พุทธวจน คือดีที่สุด
ติด
แนวทางขึ้นเรือถึงฝ้งก้อละเรือไปเรือก้อคือสัญญา
สั่งสมสุตตะ และ ปฏิบัติตามธรรมวินัย คือ การเกิดปรากฏขึ้นของบุคคลพวกที่4 แล้วนั่นเองคะ เปรียบเหมือน เมฆฝนที่คำราม และ ฝนตก ปริยัต เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เข้ามา ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต ปฏิบัติ จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สัมมาสมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือ รู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจจธรรม จาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ตถาคตภาษิต เป็น ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง คือ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ตถาคตภาษิต เป็น อวิตถตา มันจะไม่เป็นไปประการอื่น คือ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ตถาคตภาษิต เป็น อนัญถตา คือ มันจะเป็นของมันอยู่อย่างนั้น คือ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ตถาคตภาษิต เป็น อิทัปปัจจยตา คือ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะการเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะการดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ เป็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ
@@user-bf1bs3il6g หยุดตำหนิผู้อื่นเเล้วดูตัวเองดีกว่า สาธุ
อรรถกถาธิบาย ว่า มิได้ตำหนิว่า สายพุทธวจนไม่ดี แต่ดีที่สุดนั้นไม่มี คนเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ ก็บอกถนนพหลโยธิน คนขอนแก่นไปกรุงเทพฯ ก็บอกถนน มิตรภาพ ถามคนชลบุรีบอกสุขุมวิท ดีที่สุด ทั้งที่คนชลบางคนใช้มอเตอร์เวย์สาย 7 ด้วยซ้ำ บางท่านต้นทุนหนา ไม่สนถนนเส้นไหนด้วยซ้ำนั่งเครื่องบินไปลงกรุงเทพจบเลย ที่สุดไม่มี แต่มุ่งมั่นเดินในเส้นทางที่ถูกต้องและเหมาะแก่ตน วันนึงก็ถึง การว่าทางตนดีที่สุด นั้น ไม่ควร
คนมีความรู้จริง ดูที่การปฎิบัติ กาย วาจา เป็นอันดับแรก
มึงเอาภายนอก!แสดงว่ามึงก็โง่เต็มทน! ข้างในมึงคงเน่ามากเนาะถึงได้เม้นปัญญาอ่อนแบบนี้!!! ไม่รู้ห่าอะไรเลย แต่อยากโชว์นะมึง!!!บักเน่า
กราบสาธุๆๆค่ะ
รัก..เคารพ...เชื่อคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง...(หลวงพ่อฤาษี)..ทุกถ้อยคำอย่าง.สนิทใจ...
สาธุๆ....หลวง..พ่อห้ามโจมตี..ดูหมิ่น ซ้ำเติมผู้ใด...
ผมขอคำสอนตถาคตล้วนๆครับ ไม่เอาคำสอนผิดๆที่เสริมแต่งเพิ่มใหม่ เพราะอยากได้คำสอนที่ดีที่สุดจากครูที่เก่งที่สุด พุทธวจนเท่านั้น
คนที่เอามาสอนเป็นอะไรครับตอนนี้พระพุทธเจ้าหรือก็ไม่แต่เป็นพระสงฆ๋แสดงว่าพระสงฆ์ที่นำมาสอนต่อก็เชื่อไม่ได้สิถ้าตรรกะแบบนี้ถือว่าผิดไหมพระสารีบุตรขยายธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไดยย่อไห้ท่านอธิบายไห้กว้างขวางขึ้นถ้าคิดแบบพวกอ้างพุทธวจนแบบคุณก็ไม่ยอมรับคำอธิบายธรรมของพระอรหันต์ไช่หรือไม่
แม้คำเดียวก้อล้ำค่าหลักปฎิบาทหลักธรรมจักรโอวาทปาฎิโมกข์ก้ออยู่ไอ้ทีพูดแสดงความเก่งไร้สาระ
@@xiaominame9317 ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อจะมีผู้ที่ฟังด้วยดี และ มีผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี นั่นเองคะ พระอริยสงฆ์สาวก ท่านจะนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อให้คนอื่นได้รู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง อวิตถตา มันจะไม่เป็นไปประการอื่น อนัญถตา มันจะเป็นของมันอยู่อย่างนั้น อิทัปปัจจยตา เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะการเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะการดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป เกิด-เสื่อม/เสื่อม-ดับ/ดับ-อนัตตา ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้อย่างนี้คะ
@@xiaominame9317 ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองคะ การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การมีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สัมมาสมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ปัญญา พระพุทธเจ้าบอกว่า อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม สาวกภาษิต คือ คิดเอง พูดเอง หรือ พูดตามคนอื่นที่ไม่ใช่การพูดตาม คำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ สาวกภาษิต จึงมีหน้าตาเป็นอย่างนี้คะ คือ ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ ไม่มีธรรมที่เป็นเหตุ และ ไม่มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ นั่นเองคะ นำสาวกภาษิตมาบอกต่อ คือ การมีศรัทธาใน สาวกภาษิต ก็คือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ ยังมีพิษสงอยู่นั่นเองคะ
@@xiaominame9317 ก็ใช้หบักมหาประเทศ4 ครับ ถ้าหลวงปู่ หลวงตาสอนแล้วไม่ขัดกับพระพุทธเจ้าก็รับไว้ครับ
สาธุ
ถูกทั้งคู่ ืดีทั้งหมด แต่ยังตื้น เป็นโลกียะธรรม ไม่เป็นโลกุตระธรรม
สาธุ
รู้ทันจิต รู้ทันความคิด มีสติๆๆๆๆ
สาธุคนับหลวงตา
สาธุครับพระคุณเจ้า
กราบสาธูๆคะ
สาธุหลวงตาครับ
น้อมกราบหลวงตา🙏🏻🙏🏻🙏🏻เจ้าค่า😊❤
❤สาธุๆๆครับหลวงตา
ขอบพระคุณมากครับหลวงตา การสอนแค่ประโยคเดียว คือการสำรวจตน จักวาลในใจตนเอง
หลตสุดยอดทั้งบู้ทั้งหมุน ท่าน มีลูกศิษย์ทื่โชคดีที่สุดกราบ หลต ได้อย่างสนิทใจ❤❤❤
สาธุครับหลวงตา
ใช่ เลย ครับ หลวงตา
น้อมกราบเท้าหลวงตาเจ้าค่ะ 🙏🙏🙏🩷
🙏 สาธุ....
เสียงฟุ้ง ซ่า คล้ายๆ จะมีเสียงสะท้อน จึงต้องเลิกฟัง
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
สาธุๆ หลวงพ่อพูดถูกนะ เรื่องคำตถาคตเนี่ย
น้ำตาจะไหล
"ให้เขาด่ากูมั่ง" ประโยคนี้โดนใจ สาธุครับหลวงตา
สาธุ❤😊
ทางเดินไปเชียงใหม่ ไปได้หลายทาง ไปถึงเชียงใหม่เหมือนกัน
สมัยพุทธกาล พระ และ คนที่มาเกิด ศีลธรรมยังแน่นอยู่ เป็นบุคคลที่ พระพุทธเจ้า เลือกให้มาเกิดครับ ดังนั้น การท่องจำสืบต่อ ๆ กันมาจึงแม่นยำที่สุดครับ
อะไรของแก? ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าพระพุทธเจ้าสามารถเลือกให้ใครมาเกิดไดั อย่าเลอะเทอะ นะแก
เอาแค่กรุงรัตนโกสินทร์200ปีนี้มึงก็งงแล้ว พ่อแม่มึงจําได้ไหม!!!
@@thawulchalaadchalam1799 พระพุทธเจ้า จะไม่เลือกสัตว์ที่จะเกิดมามั่ว ๆ เพื่อมาสืบทอดศาสนาหรอกครับ
คนที่ได้เกิดมาคือ คนที่ทำบุญ และ พระพุทธเจ้า ท่านจะทรงเลือกเองครับ
😶
พระพุทธเจ้าเลือกให้มาเกิด ? ... มันมีด้วยรึท่านพี่😅😂
🙏🙏🙏
ให้หัวข้อข้อเดียวกันให้อาจารย์สองคนอธิบาย การยกอุปมาขึ้นให้เห็นชัด ตรงนี้แหละที่ไม่ตรงกัน แต่เพื่อให้เห็นให้เข้าใจสิ่งๆนั้น ดังนั้นเป็นไปได้ที่สุดที่สาวกต้องใส่ความคิดและการอุปมาเข้าไป แต่สาวกผู้ติดตามในสมัยนั้นคือผู้ที่เชื่อถือได้ที่สุดในโลกนอกจากพระพุทธองค์
พุทธเจ้าบัญญัติไว้แล้วเถียงกันทำไมล่ะลงมือปฏิบัติสิ_ชี้ทางไว้ให้แล้วนี่_อริมรรคมีองค์8
ก็กลับไปฟังพุทธวจนก็จบ
คำของพระพุทธเจ้ามีไว้ให้ปฏิบัติ
เพื่อให้รู้ในสิ่งที่พระองตรัสก็ต้องลงมือปฏิบัติเท่านั้นไม่มีอย่างอื่นไม่มีทางอื่นเลย หรืออาจจะมีแต่ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ตรัส อาณาปานสติคือทางคือวิธีที่บรรลุได้ในสิ่งพระองค์ตรัส "ทางสายเอก"นี้เท่านั้น!
อานาปานสติได้แค่ชานครับต้องต่อด้วยวิปัสสนากรรมฐาน